บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เผยราคา FLYING SPUR HYBRID 3 รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเปิดรับจอง Bentley Flying Spur ‘S’ Hybrid ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท Bentley Flying Spur ‘Azure’ Hybrid ราคาเริ่มต้น 16.6 ล้านบาท และ Bentley Flying Spur ‘Mulliner’ Hybrid ราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท โดยทั้ง 3 รุ่นถือเป็นสปอร์ตซีดานแบบไฮบริดที่เน้นรูปลักษณ์ความสปอร์ต เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และ เน้นความหรูหราในแบบเฉพาะตัว ตอบโจทย์ความหลากหลายของไลฟ์สไตล์หรูของลูกค้า
หลังประสบความสำเร็จจากยอดจอง NEW FLYING SPUR HYBRID ไปเมื่อต้นปี เนื่องมาจากความต้องการรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ในตลาดรถยนต์หรูของไทยที่เพิ่มมากขึ้น และความเชื่อมั่นของลูกค้าในด้านการบริการหลังการขายโดยผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด จึงตอบรับกระแสความต้องการของตลาดด้วยการเปิดรับคำสั่งจอง FLYING SPUR HYBRID 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งประกอบไปด้วย Bentley Flying Spur S Hybrid สปอร์ตซีดานที่เน้นรูปลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดัน Bentley Flying Spur Azure Hybrid สปอร์ตซีดานที่เน้นด้านความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และ Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid สปอร์ตซีดานที่เน้นความหรูหราในแบบเฉพาะตัวจากทั้งการตกแต่งภายในและภายนอก โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นพิเศษที่เพิ่มจากรุ่นแม่แบบ Flying Spur Hybrid ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการเฉพาะที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าในตลาดรถยนต์หรู
นิยามใหม่แห่งความสปอร์ต
Bentley Flying Spur S Hybrid นำเสนอสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับและรูปลักษณ์ในแบบสปอร์ตที่ดูดุดันยิ่งขึ้น ตอกย้ำจุดเด่นความเป็นอัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานเรือธงของเบนท์ลีย์ และถือเป็นการนำตราสัญลักษณ์ ‘S’ อันเก่าแก่ของเบนท์ลีย์มาตกแต่งบนอัครยนตรกรรมแบบไฮบริดเป็นครั้งแรก
สำหรับ Bentley Flying Spur ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในด้านสมรรถนะในการขับขี่ที่ไม่ลดทอนความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เช่นเดียวกับสปอร์ตคูเป้ Continental GT S และ แบบเปิดประทุน Continental GTC S โดย Bentley Flying Spur S Hybrid รุ่นใหม่เน้นประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์แบบไฮบริดรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 536 แรงม้า ด้วยแรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที และถือเป็นสปอร์ตซีดานที่ได้รับการรับรองว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงและมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำที่สุดในปัจจุบัน โดยมีค่าเฉลี่ย CO2 เพียง 75 กรัม ต่อ กิโลเมตร เท่านั้น
สำหรับการออกแบบภายนอก Bentley Flying Spur S Hybrid มาพร้อมชุดแต่งสีดำเคลือบเงาให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความดุดัน เสริมด้วยกระจังหน้าและกันชนล่างสีดำ-เงา ไฟหน้าและไฟท้ายสีเข้ม ปลายท่อไอเสียสีดำทรงสี่เหลี่ยม ตราสัญลักษณ์ ‘S’ อันโดดเด่นที่บังโคลนหน้า และตราสัญลักษณ์เบนท์ลีย์และตัวอักษรบนฝากระโปรงหลังอันโดดเด่นด้วยพื้นผิวโครเมียมโทนสว่าง ล้ออัลลอยด์แบบใหม่ขนาด 21 นิ้ว ออกแบบซี่ล้อเป็นรูปตัวอักษร ‘Y’ 5 ซี่ในสีดำเคลือบเงา พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงขนาดมาตรฐาน เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น ‘S’ ได้เป็นอย่างดี
Bentley Flying Spur S Hybrid มาพร้อมการตกแต่งภายในด้วยตัวเลือกการแบ่งเฉดสีและลวดลายแบบทูโทนกับเฉดสีแดง-ดำที่เน้นความสปอร์ต พร้อมหนังที่เรียบลื่นและผ้ากำมะหยี่ Dinamica สำหรับการตกแต่งพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ คันเกียร์ เบาะรองนั่ง พนักพิงเบาะโดยสาร แผ่นรองประตู แผงหน้าปัด รอบคอนโซล และเบาะโดยสารดีไซน์ 'S' และ การปักโลโก้รูปตัว 'S' ที่พนักพิงศีรษะของเบาะโดยสาร มาตรวัดของผู้ขับขี่ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต พร้อมด้วยกราฟิกแบบเดียวกับ Continental GT Speed เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการตกแต่งด้วยโลโก้รูปตัว 'S' แบบโลหะบริเวณช่องแอร์ และกาบประตูห้องโดยสาร
ความสะดวกสบายแบบเหนือระดับหลังพวงมาลัย
Bentley Flying Spur Azure Hybrid มอบสมรรถนะและความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางด้วยสุดยอดเทคโนโลยีแห่งความสะดวกสบายแบบเหนือระดับภายในห้องโดยสาร ซึ่งผู้ครอบครองสามารถเลือกสรรเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและสุนทรียภาพภายในห้องโดยสารเพื่อประสบการณ์การเดินทางอันแสนพิเศษตลอดเส้นทาง
การนั่งที่เหมาะสมย่อมมาพร้อมกับความสะดวกสบายในการขับขี่และการควบคุมรถอย่างมีประสิทธิภาพ Bentley Flying Spur Azure Hybrid จึงมาพร้อมกับชุดเบาะโดยสารด้านหน้าที่มอบความสะดวกสบายด้วยคุณสมบัติการปรับตำแหน่งเบาะโดยสารได้สูงสุดถึง 22 ทิศทาง รองรับทุกสัดส่วนของผู้โดยสาร โดยสามารถปรับตำแหน่งเบาะโดยสารให้เหมาะสมที่สุด พร้อมฟังก์ชั่นระบายอากาศ ช่วยรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมของร่างกายเพื่อความสบายและความตื่นตัวระหว่างการขับขี่ พร้อมฟังก์ชั่นสำหรับการนวดด้วยการตั้งค่าโปรแกรมได้ถึง 6 แบบ เสริมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและท่าทาง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการลดความเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทาง พร้อมหมอนข้างแบบปรับได้ เข็มขัดนิรภัยแบบไฟฟ้า และพนักพิงศีรษะที่นุ่มสบาย เติมเต็มความสะดวกสบายให้กับเบาะโดยสารด้านหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับประสิทธิภาพในการขับขี่ Bentley Flying Spur Azure Hybrid ยังคงมอบเทคโนโลยี Bentley Dynamic Ride ระบบควบคุมการโคลงตัวของรถแบบแอคทีฟด้วยระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ เพิ่มความสบายในการขับขี่และลดการโคลงตัวของรถในทุกสภาพถนนเพื่อการเดินทางที่นุ่มนวลและผ่อนคลายยิ่งขึ้น โดยระบบจะช่วยรองรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากการเคลื่อนไหวของตัวรถด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และใช้แรงบิดต้านการโคลงตัวสูงสุดถึง 1,300 นิวตันเมตรในระยะเวลาเพียง 0.3 วินาทีเพื่อการเข้าโค้งที่มั่นคง และคุณสมบัติ Touring Specification ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่เพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจและผ่อนคลายในทุกสภาพการจราจร ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ โดยจะลดความเร็วลง หรือ หยุดรถหากอยู่ใกล้รถคันหน้ามากเกินไป เมื่อใช้ร่วมกับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะความเร็วต่ำ และ ระบบความปลอดภัยของเบนท์ลีย์ ซึ่งประกอบด้วยระบบเรดาร์และระบบกล้องที่จะคอยตรวจสอบสภาพการจราจรและท้องถนนอย่างละเอียด ระบบทั้งหมดจะเข้าควบคุมหากจำเป็นเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน
การออกแบบภายนอก Bentley Flying Spur Azure Hybrid ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ ‘Azure’ บริเวณตัวถังด้านนอก กาบบันได คอนโซลกลาง รูปแบบลายปักบนเบาะโดยสาร กระจังหน้าและกันชนด้านล่างแบบโครเมียม ล้ออัลลอยด์สิบก้าน ขนาด 22 นิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ เบาะโดยสารบุนวมเพื่อสุขภาพ และการตกแต่งอื่นๆ อาทิ ฝาครอบช่องเติมเชื้อเพลิงรูปตัว ‘B’ ให้อารมณ์การออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลา และการสัมผัสบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วยแสงจากธรรมชาติผ่านซันรูฟกระจกแบบพาโนรามาและม่านเพดานไฟฟ้าผลิตจากหนัง Alcantara พร้อมเฉดสีที่เข้ากับการตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มเป็นทางเลือกแทนวัสดุหนัง
ผู้ครอบครอง Bentley Flying Spur Azure Hybrid สามารถเลือกเฉดสีสำหรับการตกแต่งภายในอีกกว่า 15 เฉดสีรองและเฉดสีคู่ตรงข้าม โดยมีรูปแบบการเย็บแบบสีตัดกันเป็นมาตรฐาน พร้อมสัมผัสสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยกาบบันไดเรืองแสงรูปตัวอักษร ‘Azure’ แป้นเหยียบ Bentley ‘B’ ระบบไฟ Mood Lighting หลากสีภายในห้องโดยสาร และ พวงมาลัยแบบดูโอโทน
ความหรูหราในแบบเฉพาะตัว
Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid คือ ที่สุดของสปอร์ตซีดานในตระกูล Flying Spur ถือเป็นการผสมผสานระหว่างงานฝีมืออันประณีตและความหรูหราที่น่าทึ่ง ซึ่งผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพในการขับขี่จากระบบเครื่องยนต์แบบไฮบริดรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตร อันล้ำสมัย โดยยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดอันประณีตที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ไว้อย่างครบถ้วน Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid ที่หรูหรารุ่นนี้ถูกรังสรรค์และพัฒนาขึ้นโดย เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ พร้อมการออกแบบ การวางระบบ และการประกอบด้วยช่างฝีมือในประเทศอังกฤษ จึงถือเป็นอัครยนตรกรรมรุ่นเรือธงของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะดึงดูดผู้ที่หลงใหลในรายละเอียดและความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ที่โด่ดเด่นของเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์
รายละเอียดที่บรรจงรังสรรค์ขึ้นมาอย่างงดงามประกอบด้วย ล้ออัลลอยด์แบบมูลินเนอร์ขนาด 22 นิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ในเฉดสีเทาเคลือบเงา พร้อมฝาครอบล้อที่สามารถปรับได้เองและตั้งตรงในขณะที่ล้อหมุน กระจังหน้ารูปแบบเพชร 2 ชั้น (Double Diamond) และกระจังหน้าด้านล่างแบบโครเมียมที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับช่องระบายอากาศด้านข้างที่ตกแต่งด้วยตัวอักษร ‘Mulliner’ และฝาครอบกระจกข้างเฉดสีเงินซาติน โดย Bentley ‘Flying B’ Mascot สัญลักษณ์ของเบนท์ลีย์ได้ถูกติดตั้งบริเวณฝากระโปรงหน้าพร้อมระบบปรับขึ้น-ลงและเรืองแสงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถควบคุมได้จากภายในห้องโดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยฝาครอบปิดถังเชื้อเพลิงรูปตัว ‘B’
ผู้ครอบครองยังสัมผัสได้ถึงความหรูหราด้วยตัวอักษร ‘Mulliner’ แบบเรืองแสงบริเวณกาบประตูเพื่อการต้อนรับเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร ซึ่งนำเสนอการผสมผสานของสามเฉดสีแบบสั่งทำพิเศษถึงแปดแบบจากมูลินเนอร์ ห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหราเสริมด้วยการเดินสีที่เน้นความเข้มของลายเส้นและการปักอักษร ‘Mulliner’ อันเป็นเอกลักษณ์บนเบาะโดยสารที่เย็บด้วยมือ
Mulliner Driving Specification ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยนำการเย็บลวดลายแบบเพชร 2 ชั้น (Diamond-in-Diamond) มาใช้กับเบาะโดยสาร และการใช้หนังแบบสามมิติที่บริเวณประตู ลายเส้นของเบาะโดยสารแบบตัดกันเข้ากันได้ดีกับการเน้นลายเส้นที่ล้อมรอบห้องโดยสารจากคอนโซลกลาง รอบแผงหน้าปัด และบริเวณประตูห้องโดยสาร ทำให้โครเมียมของสัญลักษณ์เบนท์ลีย์ บี โดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริเวณตรงกลางแดชบอร์ดข้างช่องระบายอากาศโครเมียมยังประดับตกแต่งด้วยนาฬิกาแบบมูลินเนอร์สีเงินขัดเงาที่งดงามตระการตา
รูปแบบอันคลาสสิกของเบนท์ลีย์ยังคงเป็นแผงหน้าปัดแบบ LED พร้อมกราฟิกมูลินเนอร์แบบใหม่ที่มีสไตล์พิเศษเฉพาะ ผนวกเข้ากับหน้าจอแบบหมุนได้อย่าง Bentley Rotating Display อันเป็นเอกลักษณ์ คันเร่งแบบสปอร์ต พวงมาลัยปรับอุณหภูมิดูโอโทนแบบ 3 ก้าน และซันรูฟแบบพาโนรามาที่จะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้หรูหรายิ่งขึ้น
โต๊ะพับแบบมูลินเนอร์ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ ติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของเบาะโดยสารด้านหน้า สามารถกางออกได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว โดยโต๊ะไม้วีเนียร์มีการตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ และสามารถปรับระดับในตัวเพื่อเผยให้เห็นพื้นผิวที่ตกแต่งด้วยหนังแท้พร้อมช่องสำหรับวางปากกา โดยสามารถกดปุ่มค้างไว้เพื่อให้โต๊ะกลับสู่ตำแหน่งเดิม
ผู้ครอบครอง Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid จะได้รับซองใส่กุญแจหนังพร้อมกล่อง ซึ่งนำเสนอผลงานหัตถกรรมโดยมูลินเนอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ากับการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสามเฉดสี กุญแจทั้งสองดอกจะถูกจัดเตรียมไว้ในกล่องสีที่เข้ากันพร้อมการตกแต่งด้วยการเย็บแบบสีคอนทรานต์
เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง Bentley Flying Spur S Hybrid ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท Bentley Flying Spur Azure Hybrid ราคาเริ่มต้น 16.6 ล้านบาท และ Bentley Flying Spur Mulliner Hybrid ราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม