เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาบริษัท เชอรี่ โอโตโมบิล (Chery Automobile) ประเทศจีน ได้เชิญสื่อมวลชนไทยร่วมงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โอโมด้า 5 (OMODA 5) และ ทิกโก้ 8 โปร TIGGO 8 PRO ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการกัวลาลัมเปอร์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแบรนด์ เชอรี่ ในประเทศนี้ และ เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้ร่วมงานและมีโอกาสสัมภาษณ์ ชอว์น ซู รองประธานฝ่ายบริหาร เชอรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Chery International) ถึงทิศทางอนาคตในการทำตลาดในเมืองไทย
ทำไมสนใจมาลงทุนที่เมืองไทย
ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหนือกว่าและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่เชอรี่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลยุทธ์ตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวา เพราะปัจจุบันพวงมาลัยขวามีศักยภาพเทียบเท่ากับตลาดพวงมาลัยซ้าย อีกทั้งไทยยังเป็นจุดหมายที่สำคัญสำหรับตลาดหลักของเชอรี่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แผนการทำตลาดในเมืองไทย
เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เชอรี่ ไม่ได้มองแค่การขายสินค้าแต่ยังมองถึงการลงทุนต่างๆในประเทศนี้ด้วย บวกกับไทยมีการผลิตและส่งออกรถยนต์มากกว่า 2 ล้านคันต่อปี โดยครึ่งหนึ่งเป็นการส่งออก เชอรี่จึงมองเห็นศักยภาพของตลาดไทย และการที่รัฐบาลไทยผลักดันผลิตภัณฑ์ อีวี และ ไฮบริด นั่นคือสิ่งที่เป็นจุดแข็งของค่ายเชอรี่
มีแผนสร้างโรงงานประกอบในไทย
เชอรี่ มีแผนที่จะลงทุนประกอบรถไฟฟ้าในไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุนและพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ต่างๆในประเทศไทย โดยเรามองว่าการผลิตมีความสำคัญมาก เพราะไทยมีการผลิตปีละเกือบ 2 ล้านหน่วยโดยครึ่งหนึ่งขายในประเทศไทยและอีกครึ่งส่งออก
อันที่จริงแล้วเชอรี่มีการคุยกับพันธมิตร 1-2 รายตอนนี้ เรากำลังเจรจากับโรงงานผู้ผลิตในไทย คาดว่าไตรมาสแรกปี 67 จะมีความชัดเจน สิ่งที่เราพิจารณาคือความสามารถในการผลิตต่อครั้ง อย่างในประเทศจีนเราจะผลิตพวงมาลัยซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากเราจะเปลี่ยนจากพวงมาลัยซ้ายเป็นพวงมาลัยขวาการลงทุนครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เราคาดการณ์ว่าจะสามารถลงทุนการผลิตในไทยได้ภายใน 2 ปี และจะขายในไทยพร้อมส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ สำหรับตลาดพวงมาลัยขวา เช่น ออสเตรเลีย
รถรุ่นแรกที่จะมาจำหน่าย
จะเน้นไปที่รถยนต์พลังงานแบตเตอรี่ (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ดังนั้น "OMODA 5 EV" เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่เปิดตัวในไทยช่วงต้นปี 2567 นี้ อีกทั้งยังมีแผนเปิดตัวอีก 2 แบรนด์ คือ "TIGGO" และ "JAECOO" เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายด้านขุมพลังขับเคลื่อน
แผนเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ
สำหรับแผนการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและคัดเลือกพันธมิตรที่จะเข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน โดยปีแรกคาดว่าจะเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการ 40-50 แห่ง ทั่วประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการแก่ลูกค้าเชอรี่อย่างแน่นอน ส่วนด้านยอดขายเบื้องต้นยังไม่ได้ลงรายละเอียด เชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
อยากให้รัฐบาลไทยช่วยสนับสนุน
แน่นอนว่าในตลาดต่างประเทศหลายๆ แห่ง เชอรี่ ได้พูดคุยกับรัฐบาลของแต่ละประเทศก่อนจะเข้าไปทำธุรกิจ ส่วนประเทศไทยก็เช่นกันเรากำลังจะเข้ามาทำตลาดในไทยและนำสินค้าที่ดีมาจำหน่าย รวมถึงการลงทุนในการประกอบรถด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเพื่อสนับสนุนในการสร้างโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตในไทย รวมถึงสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย
Chery Group จะเข้ามาบริหารการตลาดเอง
เชอรี่จะตั้งบริษัทเอง เหมือนที่เราเคยทำในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย เราจะบริหารการตลาดในประเทศเอง 100% ดังนั้นในตลาดประเทศไทยเชอรี่เข้ามา 100%
หลังจากนี้เราคงต้องจับตาแบรนด์จีน รายล่าสุด "เชอรี่" ว่าจะเข้ามาตีตลาดไทยได้เปรี้ยงปร้างหรือไม่ รอชม