xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้าเปิดตัว Innova Zenix Hybrid ครั้งแรกที่อินโดฯ พร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โตโยต้าอินโดนีเซียประกาศเปิดตัว Innova Zenix Hybrid ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 186 แรงม้าทุกรุ่นย่อย รวมถึงยังคงมีเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 174 แรงม้าให้เลือก ทั้งยังปรับดีไซน์เน้นความบึกบึนสไตล์ครอสโอเวอร์และเพิ่มอุปกรณ์เช่นเดียวกับรถระดับหรู


โตโยต้า อินโนว่า Zenix Hybrid ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม TNGA แบบยูนิบอดี้ แทนการใช้แชสซีส์แบบขั้นบันไดร่วมกับกระบะเหมือนรุ่นที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ได้พัฒนารูปลักษณ์ให้มีความเป็นครอสโอเวอร์มากยิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งชายกันชนและซุ้มล้อด้วยวัสดุสีดำ ทุกรุ่นถูกติดตั้งไฟหน้าแบบแอลอีดีเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่รุ่นท็อปสุด (รุ่น Q / Q Modellista) จะถูกเพิ่มเติมด้วยไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดีแยกติดตั้งไว้บริเวณกันชน

สำหรับรุ่นไฮบริดในตลาดอินโดนีเซียถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่ G, V, V Modellista, Q และ Q Modellista ทุกรุ่นถูกติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดรหัส M20A-FXS ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร Dual VVT-i กำลังสูงสุด 152 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 149 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ให้กำลังรวมทั้งระบบสูงสุด 186 แรงม้า ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT


นอกจากนี้ โตโยต้ายังคงทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการเครื่องยนต์สันดาปล้วนอีก 2 รุ่นย่อย คือ 2.0 G และ 2.0 V ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 - 4,900 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือกแต่อย่างใด

ระบบช่วงล่างของ อินโนว่า Zenix Hybrid ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะที่ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย


อุปกรณ์มาตรฐานเด่นของ โตโยต้า อินโนว่า Zenix Hybrid ยกตัวอย่างเช่น ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่สามารถสั่งงานด้วยคำสั่งเสียงได้, เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตันซีทแยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมที่รองน่องแบบปรับระดับได้, หน้าจอความบันเทิงขนาด 10 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, หลังคากระจก Panoramic Retractable Roof พร้อมไฟตกแต่ง, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว, พวงมาลัยพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift, ที่ชาร์จไร้สาย, ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Brake Hold และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว เป็นต้น

ขณะที่ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense จะถูกติดตั้งลงในรุ่นท็อปสุด (รุ่น Q / Q Modellista) เท่านั้น ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Pre-Collision System (PCS), ระบบเตือนรถออกนอกเลนและช่วยประคองให้รถอยู่ในเลน Lane Departure Alert (LDA) & Lane Tracing Assist (LTA) และระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) รวมถึงกล้องมองภาพรอบคันและถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลม) จะมีให้เฉพาะรุ่นท็อปสุดเท่านั้น


ส่วนรุ่นย่อยอื่นๆ จะถูกติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, เซ็นเซอร์กะระยะ Parking Sensor, กล้องมองภาพขณะถอยจอด Parking Camera และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น

สำหรับราคาจำหน่ายของรุ่นไฮบริดในอินโดนีเซียทั้ง 5 รุ่นย่อยจะอยู่ระหว่าง 458,000,000 - 611,000,000 รูเปียห์อินโดนีเซีย หรือประมาณ 1,060,000 - 1,410,000 บาท ขณะที่รุ่นเบนซินอีก 2 รุ่นย่อยจะอยู่ระหว่าง 419,000,000 - 467,000,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 970,000 - 1,080,000 บาท








































กำลังโหลดความคิดเห็น