xs
xsm
sm
md
lg

ค่ายรถทุ่ม 110 ล้านเหรียญฯ บนพื้นที่โฆษณาที่ชื่อ Super Bowl

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่านัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL ที่เรียกกันว่า Super Bowl ยังเป็นอะไรที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคนที่นั่งหลังขดหลังแข็งดูเกมที่มีการแข่งขันนานร่วมๆ 4 ชั่วโมงผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ดังนั้น ในเมื่อ Traffic ยังมีมากอยู่ขนาดนี้ มูลค่าของ Airtime ที่ถูกใช้ในการถ่ายทอดสด โดยเฉพาะช่วงพักในแต่ละควอเตอร์ รวมถึงพักครึ่งเวลาจึงเป็นที่สนใจของบรรดาแบรนด์สินค้าต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รถยนต์ที่ยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อช่วงชิงพื้นที่ราวๆ 30 วินาทีที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันแมทช์นี้

แน่นอนว่าการแข่งขัน Super Bowl ครั้งที่ 56 ปิดฉากไปแล้วเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา (ตามเวลาบ้านเรา) ด้วยชัยชนะของ Los Angeles Rams แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงการแข่งขันครั้งนี้ มีบริษัทรถยนต์ที่เข้ามามีส่วนและหลายแบรนด์ทำสถิติในเรื่องของการยอมจ่ายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานปีนี้ โดยมีรายงานเผยว่าทั้ง GM หรือ General Motors, BMW, Kia และ Polestar ยอมจ่ายเงินถึง 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการแลกกับสปอตโฆษณาทางทีวีผ่านการถ่ายทอดสดครั้งนี้ที่มีเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีเพื่อเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของพวกเขา

ภาพยนตร์โฆษณาของ BMW iX ที่ลงทุนไปกับ 2 ดาราดังจากภาพยนตร์เรื่อง Zeus รับการตอบรับจาก Social Media ด้วย Reach ที่มากถึง 141 ล้านครั้ง
ช่วงชิงโอกาสเพื่อสร้างการรับรู้

เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดรถยนต์อเมริกันกำลังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการจับตามองว่าจะเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราการขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อเบียดขึ้นมาสูสีกับเบอร์ 1 อย่างประเทศจีน จึงไม่น่าแปลกใจเลยทีแบรนด์รถยนต์ถึงยังยอมทุ่มเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมกีฬาที่ครองความนิยมของคนที่นี่ เช่นเดียวกับการได้รับอานิสงส์ในการส่งต่อโฆษณาเหล่านี้ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งอาจจะเป็นหรือไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการขายสินค้าของพวกเขา

‘ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์นับตั้งแต่รถยนต์คันแรกถูกผลิตขึ้นมา ดังนั้น ตอนนี้ใครที่มีช่องทางไหนในการส่งต่อข้อความและสินค้าของพวกเขาเพื่อเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ บริษัทรถยนต์เหล่านี้พร้อมที่จะลุยทันที’ Nick Nigro หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Atlas Public Policy กล่าว ‘การเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในทุกจุดไม่เฉพาะแค่ตัวรถยนต์เท่านั้น แต่หมายถึงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การผลิต ระบบสาธารณูปโภคที่จะต้องรองรับกับการใช้งาน และนั่นหมายถึงเม็ดเงินจำนวนหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่รอใช้อยู่’

สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาผ่านทางสาสน์ที่แบรนด์รถยนต์ต้องการจะสื่อออกไปในวงกว้าง และแน่นอนว่าการใช้ ภาพยนตร์โฆษณา ยังเป็นอะไรที่สามารถสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปล่อยมันออกมาในจังหวะที่ถูกช่วงถูกเวลา และมีตัวละครหรือเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ในนั้น


Nissan มากับงานรวมมิตรที่นำชูจุดเด่นของรถสปอร์ตรุ่น Z แต่ก็มีรถไฟฟ้าอย่าง Ariya เข้ามาแอบเนียนในฉาก
BMW-GM ชิงพื้นที่แบบทุ่มสุดตัว

สถานที่การจัด Super Bowl คือเมืองลอสแองเจลีส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเข้มงวดในด้านกฎหมายควบคุมมลพิษทางอากาศ เมืองที่คนดังรวมตัวกันอยู่เยอะ และที่สำคัญคือ เป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไม BMW กล้าทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างภาพยนตร์โฆษณาในการสื่อถึงซับแบรนด์ของพวกเขาอย่าง i และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่จะลุยตลาดสหรัฐอเมริกาอย่าง iX แบบสุด

ภาพยนตร์ชุดนี้มีความยาว 60 วินาที นั่นหมายความว่า BMW จะต้องจ่ายเงินถึง 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามเรทค่าโฆษณาข้างต้น แต่นั่นยังไม่เท่ากับการจ่ายค่าตัวของ 2 ดาราดังอย่างอดีตท่านผู้ว่าการรัฐฯ Arnold Schwarzenegger และ Salma Hayek ในการรับบท Zeus และ Hera ของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ในการนำเสนอเทพกรีกซึ่งเป็นเจ้าแห่งสายฟ้าในการใช้ชีวิตในแบบ California Style และที่สำคัญคือ ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

ว่า BMW เทพแล้ว แต่เจ้าถิ่นอย่าง General Motors หรือ GM เทพกว่าในแง่ของการเป็น Top Spender เพราะเอาเฉพาะแค่ค่า Airtime ของโฆษณานั้น ว่ากันว่าจ่ายไปทั้งหมด 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับโฆษณา 2 ชุด ซึ่งอันแรกเป็นการโปรโมทกระบะไฟฟ้าที่จะขายในปี 2024 อย่าง Chevrolet Silverado EV และอีกชุดเป็นการประชาสัมพันธ์แพล็ตฟอร์ม Ultium Electric Platform ของพวกเขาผ่านตัวละครสุดทะเล้นอย่าง Austin Powers โดยแพล็ตฟอร์มนี้จะถูกใช้ในรถยนต์ทั้ง Silverado EV, Hummer EV, Cadillac Lyriq และ Cadillac concept รวมทั้งสิ้น 2 ตัวนี้ต้องมีเกือบๆ 3 นาที

จะได้ผลตรงตาม KPI ที่วางเอาไว้หรือไม่ คงไม่สามารถบอกได้ในเร็วๆ วันนี้อย่างแน่นอน เพราะในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าของ GM ทั้งหมดที่ใช้แพล็ตฟอร์มนี้มีแค่ Hummer EV เท่านั้นที่ทำตลาดอยู่ตอนนี้

โฆษณาของ Kia ที่ออนแอร์ในช่วง Super Bowl แม้ว่าจะลงทุนไม่เยอะ แต่ได้ผลกลับมาค่อนข้างดี
ฝั่งเอเชียคึกคักไม่แพ้กัน

Kia, Nissan และ Toyota คือ รายชื่อของบริษัทรถยนต์ฝั่งเอเชียที่เป็น Top Spender ในปีนี้ และดูเหมือนว่ามีแค่ Kia เท่านั้นที่โฟกัสไปยังรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะตอนนี้ Kia เตรียมปูพรมด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของตัวเองซึ่งก็คือ EV6 ขณะที่ Toyota ณ ตอนนี้แผนการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวจะเริ่มประมาณปีหน้า ก็เลยมุ่งโฟกัสไปที่ผลผลิตใหม่ที่หวังผลอย่าง Tundra แทน

ขณะที่ Nissan ต้องบอกว่าเป็นการยำรวมมิตรที่ลงทุนไม่แพ้ BMW ในแง่โปรดักชั่นอย่างแน่นอน เพราะในภาพยนตร์โฆษณาของพวกเขาเป็นการดึงดาราฮอลีวู้ดมารวมตัวกันเพียบ แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับบิ๊กเนมนอกจาก Brie Larsson ที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้เน้นไปที่ Nissan Z-Car ตัวใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำตลาด แต่ก็แอบเนียนแทรกรถยนต์ไฟฟ้าที่ในอนาคตกำลังจะเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกาอย่าง Ariya เข้าไปด้วย เฉพาะค่า Airtime ของโฆษณาชุดนี้ Nissan โดนไปราวๆ 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างแน่นอน


ได้ผลหรือไม่ยังต้องดูกันต่อไป


เมื่อนับรวมกับค่ายอื่นๆ ที่ใช้พื้นที่ของ Super Bowl ครั้งที่ 56 ในการประชาสัมพันธ์ พบว่าบริษัทรถยนต์มีการจ่ายค่าโฆษณาไปไม่ต่ำกว่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นี่แค่เฉพาะค่า Airtime เท่านั้น ยังไม่รวมค่าโปรดักชั่นและค่าดาราที่เข้ามารับบทต่างๆ

มีการเปิดเผยว่าแม้จะมีการลงทุนที่ไม่มาก แต่โฆษณาของ Kia สามารถสร้างการจดจำและได้รับการตอบรับจากชาวเน็ตมากที่สุด เพราะผลการสำรวจผ่านทาง Social Media อย่าง Twitter พบว่า โฆษณาชุดนี้ได้รับการตอบรับในเชิงบวกสูงถึง 83.5% ขณะที่ BMW ได้รับผลตอบรับอยู่ในระดับ 82.3% และ Toyota อยู่ที่ 81.2% ส่วน Nissan อยู่ที่ 67.9%

แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าบางครั้งการเลือกใช้สื่ออย่าง Social Media ในการเข้าถึงคนทั่วโลกอาจจะได้ผลกว่าแพล็ตฟอร์มเดิมๆ ในแง่ Awareness หรือการรับรู้คือ โฆษณาของ BMW มีอัตราการเข้าถึง (Reach) รวมในหลายแพล็ตฟอร์มของ Social Media มากกว่า 141 ล้านครั้ง ขณะที่ของ GM มาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 136 ล้านครั้ง


แน่นอนว่า ถ้าเอาตัวเลขของการ Conversion มาเป็นตัวเลขยอดขายแล้ว อาจจะไม่สามารถบอกได้อย่างเต็มที่ เพราะหลายรุ่นที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์โฆษณาเหล่านี้ยังไม่ได้มีจำหน่าย แต่เป็นแค่งานประชาสัมพันธ์ ขณะที่บางรุ่นมีขายในตลาดสหรัฐอเมริกาแล้ว จึงต้องรอดูกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ที่เจ็บปวดที่สุดคือ การถูกเปรียบเปรยกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูง และแทบจะเป็นเบอร์ 1 ของตลาดกลุ่มนี้อย่าง Tesla ซึ่งแทบจะไม่มีการใช้งบในการประชาสัมพันธ์สินค้าของตัวเองผ่านทางสื่อเหล่านี้เลย ของจะดีไม่ดีบางครั้ง โฆษณาไปก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรได้เท่ากับการบอกกันแบบปากต่อปาก


กำลังโหลดความคิดเห็น