โตโยต้า เผยความร่วมมือกับ AIS กำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงจากญี่ปุ่น พร้อมจัดการแบตเตอรี่ทุกแบบทั้งแบตเตอรี่ไฮบริดของรถยนต์และแบตเตอรี่มือถือ
นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัท โตโยต้าทั่วโลกมีพันธกิจในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการสร้างสังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Society) โดยหนึ่งในกลไกสำคัญ คือ การบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
ซึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในห่วงโซ่ธุรกิจ ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมในการวางรากฐานในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
“หนึ่งในโครงการที่ผ่านมาคือโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร” ซึ่งไม่เพียงแต่จะพร้อมรองรับแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น หากแต่เรายังพร้อมเปิดรับให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆ อันนำมาซึ่งความร่วมมือในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์กับ AIS” นายนันทวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบันปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศที่มีสูงถึง 435,187 ตัน/ปี แต่กลับมีขยะที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานได้ไม่ถึง 10% ซึ่งขยะเหล่านี้กำลังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง และกลายเป็นภัยมืดที่มองไม่เห็น เพราะไม่สามารถย่อยสลายรวมถึงยังทิ้งสารพิษตกค้างไว้อีกด้วย
นายนันทวัฒน์ กล่าวว่า ทั้ง 2 องค์กร ต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินงานและรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน ทั้งการตั้งจุดรับทิ้งและรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ณ สำนักงานของโตโยต้า และได้ต่อยอดกระบวนการการจัดการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์หรือ Value Chain ตั้งแต่การแยกประเภทขยะ การทิ้ง การคัดแยก การรีไซเคิล ทำลาย ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ใหม่
ทั้งนี้ ยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ของโตโยต้า บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด หรือ WMS ผู้นำด้านการจัดการของเสียทุกประเภทอย่างครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น มาเสริมประสิทธิภาพในการนำ E-Waste ที่รวบรวมได้จากโครงการฯ เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Eco Friendly อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล ด้วยเตาเผาแบบ Fix Combustion Furnace ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด ใช้แล้วแบบครบวงจร” ที่เริ่มดำเนินการเมื่อพ.ศ. 2562
โครงการดังกล่าวคือวางรากฐานการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมให้เกิดแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการร่วมกันสร้างระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดที่ผ่านการใช้งานแล้ว ตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บ การประเมินคุณภาพและนำไปผ่านกระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดภายใต้แนวทาง การใช้ซ้ำ (Reuse) การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการผลิตใหม่ (Rebuilt) ซึ่งมิได้จำกัดเฉพาะแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างให้สามารถรองรับธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ทุกรูปแบบอีกด้วย
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอสกล่าวว่า ความต่อเนื่องของโครงการ คนไทยไร้ E-Waste ทำให้เอไอเอสได้ทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันมากมาย นับเป็นการสร้างพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในกระบวนการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำอย่างสมบูรณ์
การร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง โตโยต้า ผู้นำในธุรกิจยานยนต์ที่ให้ความสำคัญกับการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบของ E-Waste พร้อมทั้งเสริมขีดความสามารถจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายฮิโรมิตสึ ทาคากิ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด กล่าวเสริมว่า การทำงานร่วมกับ AIS และ โตโยต้า ในครั้งนี้จึงนับว่าเป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ทางด้านนี้ให้กับคนไทยและเพิ่ม Value Chain ของกระบวนการการจัดการ E-Waste มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ศักยภาพและองค์ความรู้จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 140 ปีจากประเทศญี่ปุ่น ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่ Recycle-Oriented Society หรือ สังคมแห่งการรีไซเคิลอย่างแท้จริง
อนึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นหนึ่งในสมาชิกของ TBCSD - Thailand Business Council for Sustainable Development องค์กรที่เกิดจากการรวมตัวกันของภาคธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศไทยที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีสมาชิกกว่า 40 องค์กร
นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัท โตโยต้าทั่วโลกมีพันธกิจในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการสร้างสังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Society) โดยหนึ่งในกลไกสำคัญ คือ การบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
ซึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในห่วงโซ่ธุรกิจ ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมในการวางรากฐานในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
“หนึ่งในโครงการที่ผ่านมาคือโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร” ซึ่งไม่เพียงแต่จะพร้อมรองรับแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น หากแต่เรายังพร้อมเปิดรับให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆ อันนำมาซึ่งความร่วมมือในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์กับ AIS” นายนันทวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบันปริมาณของขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศที่มีสูงถึง 435,187 ตัน/ปี แต่กลับมีขยะที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องตามมาตรฐานได้ไม่ถึง 10% ซึ่งขยะเหล่านี้กำลังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง และกลายเป็นภัยมืดที่มองไม่เห็น เพราะไม่สามารถย่อยสลายรวมถึงยังทิ้งสารพิษตกค้างไว้อีกด้วย
นายนันทวัฒน์ กล่าวว่า ทั้ง 2 องค์กร ต่างมีเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินงานและรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน ทั้งการตั้งจุดรับทิ้งและรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ ณ สำนักงานของโตโยต้า และได้ต่อยอดกระบวนการการจัดการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์หรือ Value Chain ตั้งแต่การแยกประเภทขยะ การทิ้ง การคัดแยก การรีไซเคิล ทำลาย ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ใหม่
ทั้งนี้ ยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ของโตโยต้า บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด หรือ WMS ผู้นำด้านการจัดการของเสียทุกประเภทอย่างครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น มาเสริมประสิทธิภาพในการนำ E-Waste ที่รวบรวมได้จากโครงการฯ เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Eco Friendly อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล ด้วยเตาเผาแบบ Fix Combustion Furnace ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “การบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด ใช้แล้วแบบครบวงจร” ที่เริ่มดำเนินการเมื่อพ.ศ. 2562
โครงการดังกล่าวคือวางรากฐานการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมให้เกิดแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการร่วมกันสร้างระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดที่ผ่านการใช้งานแล้ว ตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บ การประเมินคุณภาพและนำไปผ่านกระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดภายใต้แนวทาง การใช้ซ้ำ (Reuse) การหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการผลิตใหม่ (Rebuilt) ซึ่งมิได้จำกัดเฉพาะแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วจากผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างให้สามารถรองรับธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ทุกรูปแบบอีกด้วย
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอสกล่าวว่า ความต่อเนื่องของโครงการ คนไทยไร้ E-Waste ทำให้เอไอเอสได้ทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันมากมาย นับเป็นการสร้างพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในกระบวนการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำอย่างสมบูรณ์
การร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง โตโยต้า ผู้นำในธุรกิจยานยนต์ที่ให้ความสำคัญกับการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบของ E-Waste พร้อมทั้งเสริมขีดความสามารถจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายฮิโรมิตสึ ทาคากิ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด กล่าวเสริมว่า การทำงานร่วมกับ AIS และ โตโยต้า ในครั้งนี้จึงนับว่าเป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ทางด้านนี้ให้กับคนไทยและเพิ่ม Value Chain ของกระบวนการการจัดการ E-Waste มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้ศักยภาพและองค์ความรู้จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 140 ปีจากประเทศญี่ปุ่น ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำไปสู่ Recycle-Oriented Society หรือ สังคมแห่งการรีไซเคิลอย่างแท้จริง
อนึ่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นหนึ่งในสมาชิกของ TBCSD - Thailand Business Council for Sustainable Development องค์กรที่เกิดจากการรวมตัวกันของภาคธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศไทยที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีสมาชิกกว่า 40 องค์กร
