xs
xsm
sm
md
lg

C-Class โฉมใหม่ ซีดาน-แวกอน เริ่มขายยุโรปกลางปีนี้ บ้านเราอย่างช้าปลายปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประเดิมปีใหม่ในยุคที่ยังไม่มีการยืนยันว่างาน “มอเตอร์โชว์” ระดับโลกรายการแรกของปีอย่าง Geneva Motorshow จะสามารถจัดได้ใหม่ ด้วยการเผยโฉมผลผลิตใหม่ที่เป็นโมเดลเชนจ์ของรถยนต์หรูขนาดกลาง จากค่าย เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) กับรุ่นซี-คลาส ( C-Class) ใหม่ที่มีการเปิดตัวออกมาพร้อมกันทีเดียวทั้งตัวถังซีดาน 4 ประตู และสเตชันแวกอน หรือ T-Model


ถ้านับจากการใช้ชื่อรุ่นซี-คลาส ในการทำตลาดแล้ว รถยนต์ใหม่รุ่นนี้จะเป็นโมเดลที่ 5 และใช้รหัสตัวถัง W206 โดยจะเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น W205 ที่เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การรับแนวทางในการออกแบบใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอกที่เรียกว่า ‘Cab Backward Design’ เข้ามา โดยดีไซน์ในลักษณ์นี้เราคุ้นเคยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว CLS-Class และ S-Class รุ่นใหม่ และจะมีล้อขนาด 17-19 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานแล้วแต่ละรุ่นย่อยที่ทำตลาด พร้อมความเพรียวลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศ Cd เพียง 0.24 สำหรับรุ่นซีดาน และ 0.27 สำหรับรุ่นแวกอน






สำหรับห้องโดยสารออกแบบให้มีความหรูหราและแฝงด้วยความสปอร์ต โดยฟังก์ชั่นต่างๆ ในตัวรถมาแบบจัดเต็มเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างเต็มที่ ลืมมาตรวัดแบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะเดี๋ยวทุกอย่างแสดงผลผ่านหน้าจอ LCD แบบ i-Resolution ที่มีทั้งขนาด 10.25 และ 12.3 นิ้วให้เลือกขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย


ส่วนหน้าจอตรงแผงคอนโซลกลางสำหรับควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถนั้น จะมีขนาด 9.5 นิ้วในรุ่นมาตรฐาน และ 11.5 นิ้วสำหรับรุ่นที่สูงขึ้นไป เพื่อความสะดวกในการกดดูข้อมูล และการสั่งการควบคุมระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ในตัวรถ

สิ่งที่น่าสนใจคือทางเลือกของเครื่องยนต์ โดยในซี-คลาส ใหม่จะมีการแบ่งออกเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 รุ่น รวมถึงอีกทางเลือกคือขุมพลังแบบไฮบริดเสียบปลั๊ก หรือ PHEV


สำหรับรุ่นเบนซินทั้ง 2 รุ่นคือ C180 และ C200 ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,500 ซีซี ที่มาพร้อมกับ ระบบ Mild Hybrid มีมอเตอร์เข้ามาช่วยขับเคลื่อน โดยรุ่นแรกมีกำลัง 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 26.3 กก.-ม. และมีอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 8.6 วินาที ส่วนรุ่น C200 มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 30.5 กก.-ม. ใช้เวลา 7.3 วินาทีสำหรับอัตราเร่งที่ย่านความเร็วเท่ากัน ตามด้วยรุ่น C300 ที่มีกำลังในระดับ 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.3 กก.-ม. และใช้เวลาต่ำกว่า 6 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง


ใครที่ชอบเครื่องยนต์ดีเซลก็สามารถสัมผัสได้กับความหลากหลายของทางเลือกจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีทั้ง C200 d ที่มีกำลัง 165 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 38.4 กก.-ม.และอีกรุ่น C220 d ขยับกำลังขึ้นมาเป็น 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 44.2 กก.-ม. โดยทั้ง 2 รุ่นใช้เวลา 7.7 และ 7.3 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามลำดับ โดยรุ่นท็อปของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลที่มีขายตอนนี้ คือ C300d ที่มีกำลัง 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 55.3 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.7 วินาที


อีกรุ่นที่จะตามมาคือ PHEV ใช้เครื่องยนต์แบบเบนซินบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยจะมากับรหัส C300e ใช้แบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ตัว EV Mode สามารถแล่นทำระยะทางได้ระหว่าง 54-99 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ และในโหมดนี้สามารถแล่นกด้วยความเร็วสูงสุด 139 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรุ่น PHEV จะใช้ระบบช่วงล่างหลังแบบ Air Suspension นอกจากนั้นยังมีการติดตั้งระบบ Fast Charging เพิ่มเข้ามาด้วย นั่นหมายความว่าจะใช้เวลาเพียง 30 นาทีในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจนเต็มผ่านทางเครื่องชาร์จขนาด 55kW ขณะที่ขับขี่ โหมดต่างๆ ของตัวรถยังถูกออกแบบมาเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าเก็บเข้าไปในแบตเตอรี่อีกด้วย


แม้จะเปิดเผยภาพคันจริงออกมาแล้วแต่การทำตลาดของซี-คลาส ใหม่ทั้ง 2 ตัวถังจะเริ่มขึ้นในยุโรปช่วงกลางปีนี้ ส่วนบ้านเราน่าจะรอกันจนถึงช่วงปลายปีเป็นอย่างช้าที่สุด














กำลังโหลดความคิดเห็น