ในที่สุดชื่อของ Hummer ก็ได้กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้แตกต่างจากที่เคยเป็นสมัยที่ Hummer ยังอยู่ในตลาดทั้งแง่ของสถานะทางการตลาด และรูปแบบของผลิตภัณฑ์ เพราะว่า GM ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพวกเขา ปัดฝุ่นนำชื่อนี้มาใช้ในฐานะรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ GMC และเป็น SUV ร่างยักษ์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ไม่ใช่ Oil Burner เครื่องยนต์ใหญ่เหมือนกับสมัย H1 H2 แล H3
อย่างที่ทราบกันดีว่า Hummer เป็นผลผลิตที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้งานทางราชการทหารในสมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อทศวรรษที่ 1990 แต่ถูกผลิตเป็น Civilian Version ภายใต้การเรียกร้องของดาราดังอย่าง Arnold Schwarzeneger และนำไปสู่การเปิดตัวรุ่น H1 สำหรับขายให้กับคนทั่วไป แต่สุดท้ายด้วยเหตุที่บริษัทแม่อย่าง GM ที่เทคโอเวอร์กิจการของ AM General เจ้าของเดิมมาทำ เกิดปัญหาเรื่องขาดทุนสะสมและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตาม Chapter 11 บวกกับเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันในช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 Hummer จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกยุบ และเลิกทำตลาด
สำหรับครั้งนี้แม้ว่า Hummer จะกลับมา แต่ก็มาในฐานะชื่อรุ่น ไม่ใช่ชื่อแบรนด์ โดยจะเป็นรุ่น Hummer EV ที่ทำตลาดภายใต้แบรนด์รถยนต์เพื่อกาพาณิชย์อย่าง GMC แต่ทว่าในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์นั้นก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Hummer เอาไว้ นั่นคือ กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Slot Grille ตัวถังแบนและกว้างเหมือนกับ H1 พร้อมตัวถังในแบบปิกอัพแบบ 4 ประตูที่สามารถเปิดหลังคาได้
ส่วนกำลังขับเคลื่อนของ Hummer ยุคใหม่มาจากการใช้ 3 มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังรวม 1,000 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 15,592 นิวตัน-เมตร หรือ 1,588 กก.-ม. เลยทีเดียว !!! ซึ่งจะทำให้รถปิกอัพไฟฟ้าที่ขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ส่วนพลังงานที่ป้อนให้กับมอเตอร์มาจากแบตเตอรี่ Ultium ซึ่งให้ระยะการเดินทางได้สูงสุด 563 กิโลเมตร และด้วยการรองรับการชาร์จถึง 350 kW ของแบตเตอรี่ทำให้ใช้เวลาชาร์จ 10 นาทีก็สามารถเดินทางได้ 161 กิโลเมตร
เรียกว่าการกลับมาในฐานะของ EV นั้นทำให้ Hummer สามารถเล่นได้มากขึ้น และหมดปัญหาเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เคยเป็นข้อด้อยของตัวรถ แถมระบบที่ออกแบบมาในเรื่องของการชาร์จไฟนั้นก็ยังให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสมรรถนะและระยะเวลาที่ไม่ต้องรอกันนาน
ปีหน้า GMC จะส่ง Hummer EV ออกขายในตลาดแน่นอนกับราคา 112,595 เหรียญสหรัฐฯ โดยจะเป็นรุ่น Edition 1 ที่มากับสมรรถนะจัดเต็ม จากนั้นค่อยเปิดตัวรุ่นราคาย่อเยาว์สำหรับคนที่ชอบ Hummer แต่ไม่ได้ต้องการสมรรถนะแบบบ้าเลือด อย่างรุ่นEV3X ที่มีเพียงแค่ 800 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12,888 นิวตัน-เมตร (1,313 กก.-ม.) กับราคา 99,995 เหรียญสหรัฐฯ และรุ่น 2X ที่ลดกำลังลงมาอยู่ที่ 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 10,003 นิวตัน-เมตร (1,019 กก.-ม.) พร้อมระยะการเดินทาง 402 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามออกมาในราคา 89,995 เหรียญสหรัฐ ต่อด้วยรุ่นพื้นฐานที่ใช้มอเตอร์คู่เหมือนกับ 2X แต่มีระยะการเดินทางน้อยกว่าซึ่งมีราคา 79,995 เหรียญสหรัฐออกมาในปี 2023 และ 2024 ตามลำดับ