เปิดบทสัมภาษณ์ “จาง ไห่โป” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์ “เอ็มจี” ในประเทศไทยกว่า 7 ปีแล้ว โดยในปีนี้ถือว่าตลาดรถยนต์ไทยติดลบอย่างหนัก แต่ทว่า เอ็มจี กลับยังรักษายอดขายอยู่ในระดับที่เป็นบวกได้ มาลองดูมุมมองและกลยุทธ์รวมถึงรถใหม่ของเอ็มจีว่าจะมีอะไรมาสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคนไทยอีกบ้าง
ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้เป็นอย่างไร
บริษัทฯ ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นเวลา 7 ปีแล้ว มีความเข้าใจในตลาดรถยนต์ของเมืองไทยมากขึ้นเป็นลำดับ โดยในปีนี้ตลาดรถยนต์รวมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้มียอดขายลดลงราว 30% แต่สำหรับเอ็มจีนั้น ได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะหดตัว แต่สำหรับยอดขายของเอ็มจีในปีนี้ยังอยู่ในระดับที่ดี มีตัวเลขยอดขาย 9 เดือนเป็นบวก 0.1% โดยมียอดขาย 18,699 คัน เทียบกับปีที่แล้ว มียอดขาย 18,689 คัน ขายได้เพิ่มขึ้น 10 คัน ท่ามกลางตลาดที่ติดลบอย่างหนัก ถือว่าเอ็มจีทำได้ดีในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเรามีการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นและเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี
ล่าสุดคือการเปิดตัวรถ MG HS PHEV ซึ่งเป็นรถแบบปลั๊กอินไฮบริดแบบแมสโปรดักชันรุ่นแรกของประเทศไทย จับต้องเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคา 1,395,000 บาท
คาดหวัง MG HS PHEV อย่างไร
ตั้งเป้าหลังการเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะมียอดขายราว 800 คัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ยอดขายโดยรวมของแบรนด์เอ็มจี สามารถปิดยอดทั้งปีเป็นบวกได้ ทั้งนี้ขึ้นกับการยอมรับของผู้บริโภคว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ประกอบกับความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของไทยและการแพร่ระบาดของไวรัส ส่วนเรื่องของการชุมนุมนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบมากเพราะประเทศไทยคุ้นเคยการการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้งแล้ว
มุมมองปีหน้าประเมินอย่างไร
สิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักในการสร้างยอดขายคงเป็นเรื่องของ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะเป็นระยะเวลาที่ฟื้นฟูจากผลกระทบดังกล่าว สัญญาณการขายต่างๆ ในเวลานี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และน่าจะเป็นไปในมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มิใช่การเติบโตแบบก้าวกระโดด
รถรุ่นใหม่
อยากขายทุกเซ็กเมนท์ ทั้งรถอเนกประสงค์ , รถยนต์นั่ง และรถปิกอัพ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า โดยเอ็มจีมีหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการต่างๆ จากลูกค้าที่โชว์รูม ซึ่งเรานำมาประเมินเพื่อใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
สำหรับรถรุ่นใหม่จากผลสำรวจส่วนใหญ่ที่เคยใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว จะไม่อยากใช้รถที่เป็นเครื่องยนต์อีกเลย ฉะนั้นในอนาคตเราคาดว่าจะทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะเป็นรุ่นใดบ้างยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมีคำถามว่ารุ่น Ei5 มีความเป็นไปได้แค่ไหน คำตอบคือ เป็นไปได้มากเพราะเรามีรถรุ่นนี้ทำตลาดอยู่ในจีนอยู่แล้ว รอความพร้อมของเมืองไทยทั้งสถานีชาร์จและกลุ่มลูกค้ามีความต้องการ
การขยายสถานีชาร์จรถ EV
เอ็มจี เดิมไม่เคยมีความคิดจะทำสถานีชาร์จ เพราะปกติในประเทศอื่นๆ การสร้างสถานีชาร์จนั้นจะเป็นเรื่องของภาครัฐเป็นคนดำเนินการ แต่เมื่อความต้องการของลูกค้ามีมากขึ้น ทำให้เอ็มจีต้องตัดสินใจรุกเปิดให้บริการสร้างสถานีชาร์จไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายขยายให้มากถึง 500 สถานีชาร์จ(แบบชาร์จเร็วDC)ภายในปีหน้า เริ่มเฟสแรกที่โชว์รูมของเอ็มจีก่อนจะขยายไปร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ ซึ่งแต่ละตู้ชาร์จจะให้เงินลงทุนราว 6-8 แสนบาท
กลยุทธ์ในการขายปิกอัพ
หลังจากที่เอ็มจีได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายรถปิกอัพรุ่น เอ็กซ์เทนเดอร์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นมากจนเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นเราจะดำเนินนโยบายคงการใช้แคมเปญเป็นตัวนำในการขายควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับรถปิกอัพของเรา ซึ่งเมื่อลูกค้าได้ทดลองขับเอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์แล้วผลตอบรับเป็นไปในทิศทางบวก รวมถึงการสร้างการรับรู้และใช้กลยุทธ์ตกแต่งรถให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยปีนี้เป็นอย่างไร
บริษัทฯ ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นเวลา 7 ปีแล้ว มีความเข้าใจในตลาดรถยนต์ของเมืองไทยมากขึ้นเป็นลำดับ โดยในปีนี้ตลาดรถยนต์รวมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้มียอดขายลดลงราว 30% แต่สำหรับเอ็มจีนั้น ได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะหดตัว แต่สำหรับยอดขายของเอ็มจีในปีนี้ยังอยู่ในระดับที่ดี มีตัวเลขยอดขาย 9 เดือนเป็นบวก 0.1% โดยมียอดขาย 18,699 คัน เทียบกับปีที่แล้ว มียอดขาย 18,689 คัน ขายได้เพิ่มขึ้น 10 คัน ท่ามกลางตลาดที่ติดลบอย่างหนัก ถือว่าเอ็มจีทำได้ดีในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเรามีการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นและเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี
ล่าสุดคือการเปิดตัวรถ MG HS PHEV ซึ่งเป็นรถแบบปลั๊กอินไฮบริดแบบแมสโปรดักชันรุ่นแรกของประเทศไทย จับต้องเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคา 1,395,000 บาท
คาดหวัง MG HS PHEV อย่างไร
ตั้งเป้าหลังการเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะมียอดขายราว 800 คัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ยอดขายโดยรวมของแบรนด์เอ็มจี สามารถปิดยอดทั้งปีเป็นบวกได้ ทั้งนี้ขึ้นกับการยอมรับของผู้บริโภคว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ประกอบกับความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของไทยและการแพร่ระบาดของไวรัส ส่วนเรื่องของการชุมนุมนั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบมากเพราะประเทศไทยคุ้นเคยการการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้งแล้ว
มุมมองปีหน้าประเมินอย่างไร
สิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักในการสร้างยอดขายคงเป็นเรื่องของ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะเป็นระยะเวลาที่ฟื้นฟูจากผลกระทบดังกล่าว สัญญาณการขายต่างๆ ในเวลานี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และน่าจะเป็นไปในมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มิใช่การเติบโตแบบก้าวกระโดด
รถรุ่นใหม่
อยากขายทุกเซ็กเมนท์ ทั้งรถอเนกประสงค์ , รถยนต์นั่ง และรถปิกอัพ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า โดยเอ็มจีมีหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการต่างๆ จากลูกค้าที่โชว์รูม ซึ่งเรานำมาประเมินเพื่อใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
สำหรับรถรุ่นใหม่จากผลสำรวจส่วนใหญ่ที่เคยใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว จะไม่อยากใช้รถที่เป็นเครื่องยนต์อีกเลย ฉะนั้นในอนาคตเราคาดว่าจะทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะเป็นรุ่นใดบ้างยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมีคำถามว่ารุ่น Ei5 มีความเป็นไปได้แค่ไหน คำตอบคือ เป็นไปได้มากเพราะเรามีรถรุ่นนี้ทำตลาดอยู่ในจีนอยู่แล้ว รอความพร้อมของเมืองไทยทั้งสถานีชาร์จและกลุ่มลูกค้ามีความต้องการ
การขยายสถานีชาร์จรถ EV
เอ็มจี เดิมไม่เคยมีความคิดจะทำสถานีชาร์จ เพราะปกติในประเทศอื่นๆ การสร้างสถานีชาร์จนั้นจะเป็นเรื่องของภาครัฐเป็นคนดำเนินการ แต่เมื่อความต้องการของลูกค้ามีมากขึ้น ทำให้เอ็มจีต้องตัดสินใจรุกเปิดให้บริการสร้างสถานีชาร์จไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายขยายให้มากถึง 500 สถานีชาร์จ(แบบชาร์จเร็วDC)ภายในปีหน้า เริ่มเฟสแรกที่โชว์รูมของเอ็มจีก่อนจะขยายไปร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ ซึ่งแต่ละตู้ชาร์จจะให้เงินลงทุนราว 6-8 แสนบาท
กลยุทธ์ในการขายปิกอัพ
หลังจากที่เอ็มจีได้จัดแคมเปญส่งเสริมการขายรถปิกอัพรุ่น เอ็กซ์เทนเดอร์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นมากจนเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นเราจะดำเนินนโยบายคงการใช้แคมเปญเป็นตัวนำในการขายควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับรถปิกอัพของเรา ซึ่งเมื่อลูกค้าได้ทดลองขับเอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์แล้วผลตอบรับเป็นไปในทิศทางบวก รวมถึงการสร้างการรับรู้และใช้กลยุทธ์ตกแต่งรถให้มีความหลากหลายมากขึ้น
