ในที่สุดก็เผยโฉมออกมาแล้วสำหรับ Mercedes-Benz S-Class ใหม่ โดยจะเป็นเจนเนอเรชันที่ 7 ของสายพันธุ์นับจากที่เปิดตัวออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 1972 โดยรุ่นนี้นอกจากหน้าตาจะใหม่สดแล้ว ยังอัดแน่นด้วยความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความล้ำสมัยของเทคโนโลยียานยนต์
สำหรับรุ่นนี้มีรหัสตัวถัง W223 ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของพื้นตัวถัง MRA เจนเนอเรชันที่ 2 ซึ่งมีระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบยึด 4 จุด และแบบมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง โดยใช้ระบบช่วงล่างแบบถุงลม ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งจะลดความสูงของตัวรถลงจากเดิมอีก 20 มิลลิเมตรเมื่อความเร็วเกิน 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อช่วยเพิ่มการทรงตัวในขณะแล่นด้วยความเร็วสูง
ในแง่ของมิติตัวรถนั้น S-Class ใหม่มีความยาวในระดับ 5,320 มิลลิเมตร สูง 1,593 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,216 มิลลิเมตร โดยในแง่ของหน้าตานั้น S-Class ใหม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของดีไซน์หลายจุด โดยเฉพาะส่วนท้ายซึ่งมีการใช้ไฟท้ายแนวยาวแบบ 2 ส่วนซึ่งดูคล้ายรถยนต์ในกลุ่มสปอร์ตของพวกเขา ขณะที่กระจังหน้าทรงเหลี่ยมมีขนาดใหญ่ และที่เด่นสุดคือ มือเปิดประตูแบบ Pop-Up ซึ่งจะเด้งขึ้นมาจากพื้นผิวของตัวถังเพื่อให้คุณสามารถเปิดเข้าสู่ในห้องโดยสาร
สิ่งที่อยู่ในห้องโดยสารนั้นอัดแน่นด้วยความหรูหราและความล้ำสมัย โดยตรงกลางแผงหน้าปัดมากับหน้าจอขนาด 12.8 นิ้วแบบ OLED ที่เป็นแบบทัชสกรีนเพื่อทำหน้าที่เป็นคอมมานด์เซ็นเตอร์ของระบบต่างๆ ในห้องโดยสาร และสามารถสั่งงานด้วยเสียงด้วยคำพูด ‘Hey Mercedes’ ไม่ว่าจะมาจากเบาะนั่งในตำแหน่งไหนในห้องโดยสาร ส่วนหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วจะทำหน้าที่เป็นแผงหน้าปัดที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
นอกจากนั้น ระบบปฏิบัติการ MBUX ยังถูกออกแบบให้สามารถแสดงผลที่แตกต่างกันจากหน้าจอ 5 ส่วนที่อยู่ในห้องโดยสารซึ่งก็คือ หน้าจอบนแผงหน้าปัด แผงคอนโซลกลางสำหรับเบาะหน้า แผงคอนโซลกลางสำหรับเบาะหลัง และอีก 2 หน้าจอคือ Tablet ขนาด 11.6 นิ้วที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของพนักพิงศีรษะของเบาะหน้ารุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบขับอัตโนมัติที่อยู่ใน Level 3 ซึ่งนั่นหมายความว่า ระบบ Drive Pilot ของ S-Class ใหม่จะสามารถขับได้อัตโนมัติบนถนนที่ถูกเจาะจง ซึ่งก็รวมถึงการขับท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดขนาดหนัก หรือบนมอเตอร์เวย์ในบางสภาพสำหรับถนนในเยอรมนี ซึ่งมีการจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีให้ลือกทั้งแบบ 6 และ 8 สูบ โดยจะมีรุ่นใหม่อย่าง S580e ที่เป็นแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งสามารถขับด้วย EV Mode ในระยะทาง 62 ไมล์ หรือ 100 กิโลเมตร โดยยุโรปจะมีเครื่องยนต์ที่ทำตลาด คือ S450, S500, S350d, S350d 4Matic และ S400d 4Matic ซึ่งรุ่น S450 และ S500 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3,000 ซีซี แบบ Mild Hybrid และมีกำลังขับเคลื่อน 367 แรงม้า ที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที และ 435 แรงม้า ที่ 5,500-6,100 รอบ/นาที พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.1 และ 4.9 วินาทีตามลำดับ
ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 6 สูบเรียง 3,000 ซีซี ที่มีกำลัง 282 แรงม้า ที่ 3,400-4,600 รอบ/นาทีสำหรับรุ่น S350d และ 326 แรงม้า ที่ 3,600-4,200 รอบ/นาทีสำหรับรุ่น S400d โดยที่รุ่น S500 และ S580 มีขายในสหรัฐอเมริกา และใช้เครื่องยนต์วี8 4,000 ซีซีแบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ที่มีกำลัง 496 แรงม้า
เปิดตัวและจะเริ่มทำตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021