เอซุส (ASUS) ยอมรับตัดทิ้ง headphone jack หรือช่องเสียบหูฟังในผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กใหม่ที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชันที่ 11 บางรุ่นเพราะต้องการให้เครื่องบางสุดขีด ลุยเผยโฉมโน้ตบุ๊กกลุ่มแรกที่ได้การรับรองตามมาตรฐาน Intel Evo Platform Design อาสาเป็นมาตรฐานใหม่แห่งวงการทั้ง ZenBook Flip S, ZenBook S, ZenBook 14, ZenBook 14 Ultralight, ZenBook Pro 15, และ ExpertBook B9 สนนราคาไทยยังไม่เปิดเผยในขณะนี้
Samson Hu หนึ่งใน CEO ของ ASUS กล่าวในงานเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ว่า ASUS เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำนวัตกรรมและการออกแบบคอมพิวเตอร์ PC ซึ่งที่ผ่านมา ASUS มักเป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอ PC ที่มาพร้อม Intel เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน
“ปีนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับผู้ใช้โดยการใส่เทคโนโลยีล้ำสมัยไว้ที่ปลายนิ้วของพวกเขา โดยการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล เสียง ซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใหม่ล่าสุด ASUS นำเสนอนวัตกรรมอันน่าเหลือเชื่อและเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้จะมีปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์ต่างๆ ของพวกเขา”
กลุ่มโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่มาพร้อมโปรเซสเซอร์ 11th Generation Intel Core รวมไปถึงรุ่นที่ได้การรับรองตามมาตรฐานการออกแบบพัฒนาโน้ตบุ๊กใหม่ล่าสุด Intel Evo ของ ASUS ประกอบด้วย ZenBook Flip S (UX371) ซึ่งได้รับการการันตีว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมหน้าจอ OLED แบบพับได้ 360 องศา บางที่สุดในโลก และเป็นโน้ตบุ๊กจาก ASUS รุ่นแรกที่ได้การรับรองมาตรฐานการออกแบบ Intel Evo (เวอร์ชันหน้าจอ FHD LED-backlit 1W) ยังมี ZenBook S (UX393) โน้ตบุ๊กหน้าจอ 3:2 3.3K ที่บางและเบาที่สุดในโลก และ ZenBook 14 (UX435EA/EG) โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 14” ที่มาพร้อม ScreenPad ขนาดตัวเครื่องเล็กที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน ZenBook Pro 15 (UX535) ก็ถูกขนานนามเป็นโน้ตบุ๊กหน้าจอ 15” 4K OLED ที่เล็กที่สุดในโลก รวมถึง ExpertBook B9 (B9400) โน้ตบุ๊กธุรกิจขนาดหน้าจอ 14” น้ำหนักเบาที่สุดในโลก
นอกจากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชันที่ 11 และกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ Intel Iris X graphics โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ASUS พยายามชูจุดเด่นเรื่องการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ การเล่นเกม ความบันเทิง และการทำงานร่วมกัน โดยโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชันที่ 11 ใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี AI เพื่อให้ความเร็วอันเหนือชั้นและประสิทธิภาพอันชาญฉลาดสำหรับผู้ใช้พีซีในทุกวัน และ Intel WiFi 6 รวมถึง Thunderbolt 4 ยังให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเชื่อถือได้
หนึ่งในเรือธงของ ASUS ปีนี้คือ ZenBook Flip S (UX371 เวอร์ชันหน้าจอ FHD LED-backlit 1W) ซึ่งได้ผ่านมาตรฐานการออกแบบพัฒนาของ Intel Evo มั่นใจได้ว่า ZenBook Flip S นั้นมีคุณสมบัติและผ่านมาตรฐานตัวบ่งชี้ประสบการณ์การใช้งานตามข้อกำหนดของโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena รุ่นที่สองของ Intel โน้ตบุ๊กรุ่นอื่นๆ ในปี 2020 ต่างมีเป้าหมายที่จะผ่านการรับรองตามมาตรฐานเหล่านี้โดยอยู่ในระหว่างการปรับแต่งและทดสอบเพิ่มเติม โน้ตบุ๊กที่ได้รับการรับรองด้วย Intel Evo เป็นการผสมผสานอันสมบูรณ์แบบของประสิทธิภาพระดับพรีเมียมและการตอบสนองอันยอดเยี่ยม การจัดการพลังงานของแบตเตอรี่อันมีประสิทธิภาพ และการแสดงผลอันน่าตื่นตะลึงเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของโน้ตบุ๊กที่จะให้ประสบการณ์สุดพิเศษในทุกๆ ที่ นอกจากโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชันที่ 11 แล้ว โน้ตบุ๊กที่อยู่ในแพลตฟอร์ม Intel Evo ยังโดดเด่นด้วยกราฟิกการ์ด Intel Iris Xe, รองรับ Intel WiFi 6 และ Thunderbolt 4
โน้ตบุ๊กของ ASUS หลายรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ที่ผลิตโดยซัมซุง จอเหล่านี้ ASUS การันตีว่าให้ภาพสมจริงและรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับแสงหน้าจอที่เป็นมิตรกับสายตา หน้าจอในแต่ละรุ่นให้สีสันที่สดใสเป็นพิเศษและภาพเคลื่อนไหวที่ปราศจากอาการเบลอ พร้อมการแสดงช่วงสีที่กว้างถึงระดับ 100% DCI-P3 และมีอัตราตอบสนองในการแสดงผลที่เร็วถึง 0.2 ms สีดำที่เข้มสนิทและได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR 500 True Black อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 และการรับรอง PANTONE® Validated เพื่อให้ได้สีสันแม่นยำสมจริง หน้าจอเหล่านี้ยังได้การรับรองโดย TÜV Rheinland จากการลดแสงสีฟ้าและการลดการสั่นของภาพเพื่อการถนอมสายตาที่ดียิ่งขึ้น อินเตอร์เฟซสำหรับผู้ใช้แบบ ASUS ScreenXpert 2.0 บน ASUS ScreenPad ยังให้การทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหลมากขึ้นด้วยอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สลับหน้าจอใช้งานได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ปรับแต่งรูปแบบการทำงานแบบมัลติทาสก์ให้เป็นรูปแบบส่วนตัวยิ่งขึ้น และรองรับกับหลากหลายยูทิลิตีแอปจาก ASUS
ASUS ยังปรับให้ประสบการณ์การใช้งานเมื่อทำงานจากที่บ้านหรือนอกสถานที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น โดยนำเสนอเทคโนโลยี ASUS WiFi Master และ AI สำหรับตัดเสียงรบกวน เทคโนโลยี ASUS WiFi Master เป็นการรวมกันของ WiFi SmartConnect, WiFi Stabilizer และ WiFi RangeBoost มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับการเชื่อมต่อที่มีความเสถียรด้วยการกรองสัญญาณรบกวนออกเพื่อความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูงที่สุด เลือกเชื่อมต่อกับสัญญาณ WiFi ที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ และใช้เสารับสัญญาณหลายเสาเพื่อเพิ่มปริมาณการรับส่งสัญญาณ AI สำหรับการตัดเสียงรบกวนได้นำเอาเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นในการกำจัดเสียงไม่พึงประสงค์ต่างๆ ออกไปในช่วงการประชุมเหลือไว้เพียงเสียงสนทนาเท่านั้น
นอกจาก ASUS ZenBook Flip S (UX371) ที่บางเพียง 13.9 มม. และมีน้ำหนักเพียง 1.2 กก. ยังมี ASUS ZenBook Flip 13 (UX363) ที่รองรับการพับได้ 360 องศาให้ลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต เต็นท์ หรือลักษณะอื่นๆ ตามความถนัดของผู้ใช้ รวมถึง ASUS ZenBook S (UX393) โน้ตบุ๊กบางเบาสุดพรีเมียมขนาด 13.9 นิ้ว นำเสนอหน้าจออัตราส่วน 3:2 ตัวเครื่องขนาดบาง 15.7 มม. น้ำหนักเบา 1.35 กก. ตัวเครื่องกะทัดรัด ผลิตจากยูนิบอดี้โลหะที่แข็งแกร่ง มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่สะดุดตา นำเสนอจอทัชสกรีน 3.3K (3300 x 2200) NanoEdge PANTONE Validated อัตราส่วน 3:2 ที่ช่วยเพิ่มสัดส่วนการมองให้กว้างขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ 67 Wh และสนับสนุนระบบ Fast Charge โดย ZenBook S สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชม.
จุดนี้ ASUS ระบุว่า การใช้วัสดุแมกนีเซียม ลิเธียม อัลลอยด์ มีผลให้น้ำหนักของโน้ตบุ๊กลดลงเหลือราว 1 กิโลกรัมเท่านั้น วัสดุเหล่านี้ทำให้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้นแต่ ASUS ก็เลือกใช้เพราะตอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้
นอกจากนี้ ASUS เลือกใช้งานเซ็นเซอร์กลุ่ม Proximities sensor ในบางรุ่นเพราะเป็นเซ็นเซอร์ที่ใช้พลังงานน้อยกว่าอุปกรณ์ระบบ AI เช่น กล้อง AI ซึ่งให้ความปลอดภัยและรักษาแบตเตอรี่ได้มากกว่า เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระยะเวลาใช้งานอุปกรณ์ของ ASUS รุ่นล่าสุดสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 21 ชม.
สำหรับ ASUS ZenBook 14 Ultralight (UX435EAL/EGL) เป็นเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 980 กรัม แต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูงด้วยโปรเซสเซอร์สูงสุด 11th Generation Intel Core i7 ขณะที่ ASUS ExpertBook B9 (B9400) เด่นที่การออกแบบที่เรียบหรู ทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 880 กรัมพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ยังมี ASUS ZenBook 14 (UX435EA/EG) ที่เด่นเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน Thunderbolt 4 USB-C x 2, USB 3.2 Gen 1 Type-A, standard HDMI 2.0, microSD card reader และ audio jack ทั้งยังนำเสนอนวัตกรรมขอบจอบางทั้งสี่ด้าน ที่ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องกว่า 92% มีให้เลือกสรร 2 สี ได้แก่ สี Pine Grey และสี Lilac Mist
ASUS ZenBook Flip 15 (UX564) ใช้จอทัชสกรีนความคมชัดระดับ 4K UHD OLED NanoEdge การันตีความเที่ยงตรงสีจาก PANTONE Validated มาพร้อม 100% DCI-P3 color gamut (1,000,000:1 contrast ratio) บานพับสามารถกางได้ 360 องศา พร้อมด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องกว่า 90% รองรับการทำงานปากกาสไตลัส สามารถรองรับแรงกดได้ 4096 ระดับ ด้าน ASUS VivoBook Flip 14 (TP470) เป็นโน้ตบุ๊กบานพับ 360 องศา ขนาด 14 นิ้ว สำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบโน้ตบุ๊กปกติหรือใช้งานสัมผัสแบบแท็ปเล็ตด้วยจอทัชสกรีนขอบจอบาง ทั้งยังมาพร้อมปากกาสไตลัสสำหรับการใช้งานวาดหรือเขียน โดยที่ ASUS ZenBook 13/14 (UX325/UX425) เป็นโน้ตบุ๊กขนาด 13.3 นิ้ว และ 14 นิ้ว รุ่นใหม่ในตระกูล ZenBook คลาสสิก ZenBook 13 มีน้ำหนักเครื่องเพียง 1.07 kg9 และทั้งสองรุ่นต่างมีความบางเพียง 13.9 mm แต่มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ได้แก่ พอร์ต HDMI และ USB Type-A ports เพิ่มเติมจากThunderbolt 4 USB-C และ microSD card reader นับเป็นโน้ตบุ๊กขนาด 13.3 นิ้ว และ 14 นิ้ว ที่บางที่สุดในโลก
ที่ขาดไม่ได้ตือ ASUS VivoBook S13/S14/S15 (S333/S433/S533) โน้ตบุ๊กสีสันสดใสขนาด 13 นิ้ว 14 นิ้ว และ 15 นิ้ว พร้อมดีไซน์ใหม่แป้น ‘Enter’ ขอบตัดสีเหลือง และขอบตัดตัวเครื่องแบบไดมอนด์คัตเพิ่มลูกเล่นสะดุดตา และ ASUS VivoBook 14/15 (K413/K513/X413/X513) รวมถึง ASUS ZenBook Pro 15 (UX535) โมเดลล่าสุดของโน้ตบุ๊กตระกูล ZenBook Pro ที่สร้างสรรค์มาเพื่อเหล่าครีเอเตอร์ ทั้งยังเป็นโน้ตบุ๊กขนาด 15.6 นิ้วที่เล็กที่สุดที่นำเสนอจอทัชสกรีน 4K UHD OLED ทั้งหมดนี้สาวก ASUS ในไทยยังต้องรอรายละเอียดรุ่น สเปก ราคา และกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยอีกครั้ง