ฮอนด้า ประเมินตลาดรวมสิ้นปี 680,000 คัน หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น มั่นใจตลาดผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวแล้ว ตั้งเป้ายอดขาย 95,000 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม ยืนอันดับ 1 ตลาดรถยนต์นั่ง ระบุรถรุ่นใหม่มาตามแผน พร้อมยืนยันทำตลาดเวอร์ชันไฮบริดตามนโยบายบริษัทแม่
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดขายรถยนต์รวมของประเทศไทยลดลงอย่างรุนแรง โดยครึ่งแรกของปี 2563 มียอดขายสะสม 325,773 คัน ลดลง 38.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงยอดขายในช่วง 3 เดือนล่าสุดจะพบว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาซื้อรถอีกครั้งและยอดขายเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งหากสถานการณ์ของโควิด-19ในประเทศไทยยังทรงตัวอยู่แบบนี้คาดว่าตลาดรวมทั้งปีจะมียอดขายราว 680,000 คัน ลดลง 32% โดยรถยนต์นั่งมียอดขายราว 304,000 คัน ลดลง 35%
“ขอชื่นชมการจัดการกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ของภาครัฐที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดี มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ที่รวดเร็วทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คาดไว้ตอนแรก ซึ่งฮอนด้ามีการปิดโรงงานผลิตเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาลและรักษาระดับสต็อกรถยนต์ไม่ให้มากจนเกินไป” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ของฮอนด้า ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนทั้งสิ้น 41,326 คัน ลดลง 36.1% แต่มีส่วนแบ่งการตลาด 29.2% ซึ่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาด 27% ขณะที่สิ้นปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 95,000 คัน (ลดลง25%) ครองส่วนแบ่งการตลาดราว 30% ของตลาดรถยนต์นั่ง
นายพิทักษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงงานของฮอนด้ากลับมาผลิตในสัดส่วนราว 50%ของการผลิตปกติ เนื่องจากตลาดส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 37% ของกำลังการผลิต ซึ่งในช่วงปกติจะอยู่ที่ประมาณ 43% อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศยังคงมีความรุนแรงอยู่ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์และออสเตรเลีย
ทั้งนี้ แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จะยังคงยืนยันตามกำหนดเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือได้รับผลกระทบใดๆ จากโควิด-19 ส่วนแผนการทำรถยนต์ไฮบริดนั้น จะยึดตามนโยบายของบริษัทแม่ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะมีรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 2 ใน 3 ส่วนของรถฮอนด้าที่จำหน่าย ฉะนั้นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคตจะมีรุ่นที่เป็นไฮบริดอยู่ในไลน์การขายด้วย
สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า นั้นได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นรถยนต์รุ่น ซิตี้ แฮทช์แบ็ค ที่เป็นตัวถังแบบ 5 ประตู พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ ฮอนด้า ซิตี้ โฉมปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ
“รถยนต์รุ่นใหม่ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรุ่นใด แต่แผนงานทุกอย่างยังคงดำเนินตามกำหนดการที่วางเอาไว้แล้ว ส่วนงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมายอดจองอาจจะไม่มากเท่าปีก่อน แต่กลับส่งผลดีต่อดีลเลอร์ของเราที่อยู่ต่างจังหวัด ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากลูกค้าต่างจังหวัดไม่เข้ามาชมและจองรถในงาน เพราะได้รับเงื่อนไขต่างๆ เหมือนกับในงาน ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเดินทาง รวมถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย ทำให้ภาพรวมของตลาดครึ่งปีหลังยังไม่สามารถประเมินแบบชัดเจนได้ คงบอกได้เพียงว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น” นายพิทักษ์กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ฮอนด้า จะมุ่งเน้น 3 ด้านได้แก่ ด้านการขายและการตลาดที่จะใช้กิจกรรมออนไลน์เข้ามามากขึ้น ด้านบริการหลังการขาย เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการให้ลูกค้า ด้านDigital Transformation ใช้การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อเพิ่มทักษะของพนักงานให้พัฒนาการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการบริการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรงมากยิ่งขึ้น
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ยอดขายรถยนต์รวมของประเทศไทยลดลงอย่างรุนแรง โดยครึ่งแรกของปี 2563 มียอดขายสะสม 325,773 คัน ลดลง 38.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงยอดขายในช่วง 3 เดือนล่าสุดจะพบว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาซื้อรถอีกครั้งและยอดขายเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งหากสถานการณ์ของโควิด-19ในประเทศไทยยังทรงตัวอยู่แบบนี้คาดว่าตลาดรวมทั้งปีจะมียอดขายราว 680,000 คัน ลดลง 32% โดยรถยนต์นั่งมียอดขายราว 304,000 คัน ลดลง 35%
“ขอชื่นชมการจัดการกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ของภาครัฐที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดี มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ที่รวดเร็วทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คาดไว้ตอนแรก ซึ่งฮอนด้ามีการปิดโรงงานผลิตเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาลและรักษาระดับสต็อกรถยนต์ไม่ให้มากจนเกินไป” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ของฮอนด้า ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนทั้งสิ้น 41,326 คัน ลดลง 36.1% แต่มีส่วนแบ่งการตลาด 29.2% ซึ่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาด 27% ขณะที่สิ้นปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 95,000 คัน (ลดลง25%) ครองส่วนแบ่งการตลาดราว 30% ของตลาดรถยนต์นั่ง
นายพิทักษ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงงานของฮอนด้ากลับมาผลิตในสัดส่วนราว 50%ของการผลิตปกติ เนื่องจากตลาดส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 37% ของกำลังการผลิต ซึ่งในช่วงปกติจะอยู่ที่ประมาณ 43% อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศยังคงมีความรุนแรงอยู่ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์และออสเตรเลีย
ทั้งนี้ แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จะยังคงยืนยันตามกำหนดเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือได้รับผลกระทบใดๆ จากโควิด-19 ส่วนแผนการทำรถยนต์ไฮบริดนั้น จะยึดตามนโยบายของบริษัทแม่ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะมีรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 2 ใน 3 ส่วนของรถฮอนด้าที่จำหน่าย ฉะนั้นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคตจะมีรุ่นที่เป็นไฮบริดอยู่ในไลน์การขายด้วย
สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า นั้นได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นรถยนต์รุ่น ซิตี้ แฮทช์แบ็ค ที่เป็นตัวถังแบบ 5 ประตู พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ ฮอนด้า ซิตี้ โฉมปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ
“รถยนต์รุ่นใหม่ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรุ่นใด แต่แผนงานทุกอย่างยังคงดำเนินตามกำหนดการที่วางเอาไว้แล้ว ส่วนงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมายอดจองอาจจะไม่มากเท่าปีก่อน แต่กลับส่งผลดีต่อดีลเลอร์ของเราที่อยู่ต่างจังหวัด ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากลูกค้าต่างจังหวัดไม่เข้ามาชมและจองรถในงาน เพราะได้รับเงื่อนไขต่างๆ เหมือนกับในงาน ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเดินทาง รวมถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย ทำให้ภาพรวมของตลาดครึ่งปีหลังยังไม่สามารถประเมินแบบชัดเจนได้ คงบอกได้เพียงว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น” นายพิทักษ์กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ฮอนด้า จะมุ่งเน้น 3 ด้านได้แก่ ด้านการขายและการตลาดที่จะใช้กิจกรรมออนไลน์เข้ามามากขึ้น ด้านบริการหลังการขาย เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับบริการให้ลูกค้า ด้านDigital Transformation ใช้การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อเพิ่มทักษะของพนักงานให้พัฒนาการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการบริการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโดยตรงมากยิ่งขึ้น
