xs
xsm
sm
md
lg

BMW 4 Series Coupe สปอร์ตผู้มากับกรวยไตยักษ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยสำหรับเจเนอเรชันที่ 2 ของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 4 คูเป้ (รหัสG22) อย่างที่หลายท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ชื่อของซี่รี่ส์ 4 นั้น ได้ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ แทนที่ ซีรี่ส์3 คูเป้ ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานของรถจึงมาจากซีรี่ส์ 3 อย่างไม่ต้องสงสัย โดยโมเดลใหม่นี้ มากับจุดเด่นตามรถต้นแบบที่เผยโฉมในงานแฟรงเฟิร์ต ออโต้โชว์เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา









รูปทรงภายนอก ถูกออกแบบให้แตกต่างจากซี่รี่ส์ 3 แบบชัดเจน โดดเด่นมาแต่ไกลด้วยกระจังหน้ารูปกรวยไตทรงยาวตั้งแต่พื้นจรดฝากระโปรงหน้าและมีขนาดใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของหน้ารถทั้งหมด ไฟหน้าเป็นแบบ LED ทรงเรียว พร้อมระบบAdaptive LED และ Laserlight เป็นออฟชัน โดยมีชุดแต่ง M Sport เข้ามาเสริมสำหรับคนที่อยากเพิ่มความสปอร์ตและดุดัน














ด้านการออกแบบภายในดีไซน์ใหม่ทั้งหมด หน้าปัดเป็นแบบจอดิจิตอลใหม่ขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนชุดควบคุมที่คอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อความบันเทิงได้ทั้ง Apple Car Play และ Andriod Auto พร้อมด้วยระบบเครื่องเสียง Hi-fi จาก BMW
















กระจกบานหน้าใหม่แบบอคูสติกตัดเสียงรบกวน โดยมีระบบแสดงผลบนกระจกหน้า(HUD)ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 70% พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น เบาะหลังออกแบบให้ปรับได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ระบบปรับอากาศแบบแยก 3 โซน ไฟในห้องโดยสารใหม่ พร้อมไฟต้อนรับบนพรมที่พื้นรถ

















ส่วนระบบความปลอดภัยใส่มาให้เต็มตามมาตรฐานของยุคโดยมี ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมการช่วยดึงกลับติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น โดยระบบนำทางได้รับการพัฒนาใหม่เช่นเดียวกัน ระบบเซนเซอร์ช่วยจอดหน้าหลังมีในทุกรุ่น และระบบช่วยจอดอัตโนมัติเป็นออฟชัน ทั้งยังมีระบบแสดงผลแบบ 3D รอบคันพร้อมการบันทึกวีดีโอขณะจอดได้ยาวนาน 40 วินาที

















สำหรับทางเลือกของหัวใจนั้น มีทั้งแบบเบนซินและดีเซล พร้อมด้วยตัวแรงพิเศษในรหัสนำหน้า M โดยทุกรุ่นจะได้รับการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic และมีทางเลือกเสริมด้วยเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ที่มีฟังก์ชันเสริมใหม่ให้รถสามารถตอบสนองได้ไวขึ้นเมื่อต้องการกำลังอย่างทันทีทันใด











เหนือสิ่งอื่นใด บีเอ็มดับเบิลยู ได้ติดตั้งระบบ 48V Mild Hybrid เพื่อช่วยเสริมกำลังและลดมลภาวะในรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง และเครื่องยนต์ดีเซลทุกรุ่น ส่วนความแรงในแต่ละรุ่นมีดังต่อไปนี้








รุ่น M440i xDrive เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร 48V mild hybrid Twin Power Turbo (Twin-Scroll) กำลังสูงสุด 374 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900 – 5,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive


รุ่น 430i เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร Twin Power Turbo (Twin-Scroll) กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,550 – 4,400 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง

รุ่น420i เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร Twin Power Turbo (Twin-Scroll) กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,250 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง











รุ่น M440d xDrive เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 48V mild hybrid Twin Power Turbo (multi-stage) กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive


รุ่น430d xDrive เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 48V mild hybrid Twin Power Turbo (multi-stage) กำลังสูงสุด 286 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive


รุ่น420d / 420d xDrive เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 48V mild hybrid Twin Power Turbo (multi-stage) กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive








ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กำหนดวางจำหน่ายทุกรุ่นอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน ตุลาคม ปี 2020 เป็นต้นไป ยกเว้นรุ่น เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ จะตามออกมาในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2021
















































กำลังโหลดความคิดเห็น