xs
xsm
sm
md
lg

BMW 5-Series ปรับโฉมพร้อมลุยตลาดหรูปีนี้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์









การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ในช่วงนี้ถือว่ามีความเสี่ยงระดับสูงอย่างมาก โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ในตลาดหลักอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกายังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร แต่ The Show Must Go On เมื่อวางแผนมาแล้วก็ต้องลุย ซึ่ง BMW จัดการเปิดตัว 5 Series ใหม่ออกสู่ตลาดโดยจะเป็น MY2021 ที่จะเริ่มขายในยุโรปช่วงเดือนกรกฎาคมพร้อมกับการปรับเปลี่ยนหน้าตาที่สดใหม่ขึ้นและจะมีทำตลาดทั้งรุ่นซีดานและแวกอน หรือ Touring









ไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้มีอยู่บนพื้นฐานของรุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 7 ของ 5 Series และมีรหัสตัวถัง G30/G31 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 โดยความเปลี่ยนแปลงเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน เพราะเป็นการปรับปรุงที่อ้างอิงตามการเปลี่ยนแปลงใหม่ของ BMW ในด้านรูปลักษณ์ โดยเฉพาะกระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม (แต่ไม่ได้ใหญ่เท่ากับรุ่นใหม่ที่ใช้ Design Language ใหม่) กันชนหน้ามีการปรับรูปทรงของช่องรับอากาศด้านหน้า และช่องสปอตไลท์ ขณะที่ไฟหน้าโดยปรับรูปทรงใหม่ในส่วนของขอบด้านล่างที่ติดกับกันชนซึ่งของเดิมเป็นแววเว้าหยักโค้งตรงช่วงต่อกับกระจังหน้า แต่ในรุ่นใหม่เป็นแบบเรียบยาว เช่นเดียวกับไฟเลี้ยวด้านบนซึ่งแต่เดิมเป็นแบบแถบยาว แต่รุ่นใหม่มีการแบ่งออกเป็น 2 ช่วงแต่ยังติดอยู่ตำแหน่งเดิม และมีการติดตั้ง Adaptive LED headlights เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย














ในเมื่อด้านหน้าเปลี่ยนเยอะขนาดนี้ก็ไม่ต้องหวังอะไรมากกับด้านหลัง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่การปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ เช่นการจัดเรียงตำแหน่งของไฟต่างๆ ในไฟท้ายใหม่แต่ยังเป็นทรงกรอบเดิม หรือกันชนท้ายมีการปรับเปลี่ยนลวดลายใหม่ โดยเฉพาะตรงช่องแผงทับทิมเหนือปลายท่อไอเสีย และรูปทรงของ Diffuser ที่อยู่ขอบล่างของกันชนท้าย

















สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของเครื่องยนต์คือ รุ่น Mild Hybrid ที่มีการเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ที่เป็นทั้งตัวสตาร์ทและปั่นไฟแบบ 48 V ขณะที่ระบบไฟฟ้าในตัวรถยนต์เป็นแบบ 12 V ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ระบบไฟส่องสว่าง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลาย ระบบเครื่องเสียงได้อย่างเพียงพอ















ที่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้รุ่นที่ทำตลาดจะมีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซีเทอร์โบที่เป็นพื้นฐานสำหรับรุ่น 520 i ที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 530 i ที่มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและ 4 ล้อกับกำลังขับเคลื่อน 248 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ใช้เวลา 5.9 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 530 e แบบไฮบริด ที่ตัวเครื่องยนต์มีกำลัง 181 แรงม้า และจับคู่กับมอเตอร์ขนาด 107 แรงม้า มีกำลังรวมกัน 288 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 31.6 กก.-ม.ใช้เวลา 5.7 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง













อีกกลุ่มเป็นรุ่น 6 สูบที่จะมากับรหัส 540 i เป็นบล็อก 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่รีดกำลังออกมาได้ 335 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. ใช้เวลา 4.9 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่นท็อปของเบนซินคือ M550 i แบบเร้าใจสุดๆ กับเครื่องยนต์วี8 4,400 ซีซี 523 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 76.4 กก.-ม. ใช้เวลา 3.6 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง











ในกลุ่มของเทอร์โบดีเซลมีรุ่นพื้นฐานคือ 520d และ 530d แบบแรกใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2,000 ซีซีผลิตกำลังออกมาได้ 190 แรงม้า อีกรุ่น 530d ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3,000 ซีซีเทอร์โบคู่ 286 แรงม้า ซึ่งมีการอัพตัวเลขกำลังมากขึ้นจากรุ่นเดิม 15 แรงม้า และรุ่นท็อปคือ 540d ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ 530d แต่ขยับกำลังเป็น 340 แรงม้า หรือเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 20 แรงม้า




เผยโฉมออกมาแล้ว แต่จะเริ่มส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าล็อตแรกในเดือนกรกฎาคม 2020 โดยจะเน้นที่ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรกๆ จากนั้นก็จะทยอยเปิดตัวตามตลาดต่างๆ ทั่วโลก








กำลังโหลดความคิดเห็น