โตโยต้า ปรับใหม่ ฟอร์จูนเนอร์ เปลี่ยนชุดกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ เพิ่มรุ่นพิเศษ Legender เพิ่มความแรงในรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เป็น 204 แรงม้า เติมความปลอดภัยให้เต็มด้วย Toyota Safety Sense เคาะราคาเริ่ม 1,319,00-1,839,000 บาท
ดร. จุฬชาติ จงอยู่สุข หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค โตโยต้า กล่าวว่า โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ คือความภาคภูมิใจของโตโยต้า เนื่องจากเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท PPV ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการเปิดตัวในเจเนอเรชั่นที่ 2
ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโฉมอย่างเป็นทางการในรอบ 5 ปี โดยโตโยต้าได้ออกแบบและพัฒนารูปลักษณ์ให้มีความ “Prestige & Cool” มากยิ่งขึ้น เพื่อสะท้อนตัวตนความเป็นผู้นำของผู้ขับขี่อย่างมีระดับ เน้นความหรูหราและทันสมัย เหมาะกับคนรุ่นใหม่และกลุ่มวัยกลางคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว และใช้งานในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ มาพร้อมกัน 2 รุ่น 2 ดีไซน์ โดยมีรุ่นมาตรฐานและรุ่นพิเศษ
การออกแบบ (Design)
รุ่นมาตรฐาน รูปลักษณ์ภายนอก ที่ปรับดีไซน์กระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมแถบกันชนล่างสีเงิน เพิ่มความรู้สึกแข็งแกร่งให้กับตัวรถ ดูหรูหรา บึกบึนมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับไฟหน้า Day Time Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ และปรับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นแบบ LED พร้อมกับ Light Guiding เพิ่มความโดดเด่นในยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังปรับล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ให้รับกับตัวรถ
รุ่นพิเศษ ใช้ชื่อรุ่นว่า “Legender” ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันให้แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจน คำนึงถึงความสวยงามของเส้นสายที่ดูเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มความโฉบเฉี่ยว ด้วยสัดส่วนกระจังหน้าที่แตกต่าง เพิ่มความทันสมัยด้วย ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกับไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential ไฟสูงและไฟต่ำแบบ LED
พร้อมปรับดีไซน์กันชนหลังใหม่ให้สอดรับกับดีไซน์ด้านหน้าอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนลายล้ออัลลอย 20 นิ้วเป็นดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกับหลังคาทูโทน ให้ความโดดเด่น ยกระดับการเป็น Flagship Model สะท้อนภาพลักษณ์สปอร์ตระดับผู้นำ ดีไซน์หรูหรา แบบ Sport Premium PPV
สมรรถนะการขับขี่ (Performance)
เครื่องยนต์ใหม่ในรุ่น 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ตอบรับทุกการขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร เพิ่มความเงียบและความนุ่มนวลในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ปรับปรุงพิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Off-Road
เครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง ราบรื่น ไม่สะดุด พร้อมแสดงข้อมูลตำแหน่งองศาของล้อบนหน้าจอ MID และติดตั้งสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างขณะขับขี่
ทั้งนี้ ยังเพิ่มระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็วและเพิ่ม Sport Mode เพื่อให้การขับขี่ที่สนุกสนาน ด้วยการปรับการทำงานของคันเร่งให้ตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น และปรับการทำงานของพวงมาลัยให้มีน้ำหนักมากขึ้น เหมาะสำหรับการเร่งแซงและการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง
ความสะดวกสบาย (Comfort)
หน้าจอสัมผัสใหม่รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบ T-Connect ที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว เพิ่มแท่นชาร์จไร้สาย ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ เติมสัญญาณเตือนกะระยะ (Park Sensor) และระบบ Activated Kick Door เปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ
ความปลอดภัย (Safety)
ครั้งแรกกับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มาไว้ในรถอเนกประสงค์ PPV ของโตโยต้า ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดไว้มากมาย อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Cruise Control) และ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้กับลูกค้าทุกท่านด้วยระบบ T-Connect ที่สามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของโตโยต้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีบริการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเข้าศูนย์บริการ Telematic Care ช่วยให้การดูแลรถยนต์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่าย และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกในการนำเสนอประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่ (New Buying Experience) ที่ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสถานะคงเหลือของรถ (Stock) อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบระยะเวลาการส่งมอบรถได้อย่างแม่นยำกับระบบ Estimate Time of Arrival (ETA) และฟังก์ชันพิเศษที่จะปฏิวัติการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ให้เป็นเจ้าของรถง่ายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Connected Auto Loan (CAL) นอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่มองหาอิสระในการใช้รถ ก็สามารถใช้บริการเช่าใช้ส่วนบุคคล หรือ KINTO ผ่านระบบออนไลน์ ได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ (New Usage Experience) เพียงแค่ลงทะเบียนผ่าน Application T-Connect by Toyota ที่มีฟังก์ชันหลากหลาย อาทิ บริการผู้ช่วยส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง เชื่อมต่อความสุข และสร้างความสบายใจให้ตลอดทุกเส้นทาง
พร้อมกับประกันภัยรูปแบบใหม่ ประกันภัยขับดีลดให้ Toyota Care PHYD (Pay How Your Drive) ซึ่งทำให้ลูกค้าจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามพฤติกรรมการขับขี่ ผู้ที่ขับขี่อย่างปลอดภัยจะได้ประโยชน์เป็นส่วนลดและยังเป็นการสร้างความปลอดภัยในสังคมมากยิ่งขึ้น
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่น Legender มี 4 รุ่นย่อย (เริ่มส่งมอบเดือนสิงหาคม 2563)
มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี (สีใหม่ 1 สี)
- Emotional Red Black Top (ใหม่) ***
- White Pearl CS Black Top ***
- Attitude Black Mica
ราคา
-2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,839,000 บาท
-2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,769,000 บาท
-2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,634,000 บาท
-2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,564,000 บาท
(*** สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี White Pearl CS Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นมาตรฐาน มี 3 รุ่นย่อย
มีสีภายนอกให้เลือก 6 สี (สีใหม่ 2 สี)
- Dark Blue Mica (ใหม่) - Emotional Red (ใหม่) ****
- White Pearl CS ****- Silver Metallic
- Dark Grey Metallic- Attitude Black Mica
ราคา (เปิดตัววันนี้ - 30 กันยายน 2563)
-2.4V เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ1,494,000 บาท จาก 1,524,000 บาท
-2.4V เกียร์อัตโนมัติ1,424,000 บาท จาก 1,454,000 บาท
-2.4G เกียร์อัตโนมัติ1,319,000 บาท จาก 1,349,000 บาท
(**** สำหรับสี Emotional Red และ สี White Pearl CS เพิ่ม 12,000 บาท)
สำหรับลูกค้าที่ซื้อ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ จะได้รับแพ็คเกจรับประกันคุณภาพ 5 ปี 150,000 กม. และขยายค่าแรงเช็กระยะฟรี จนถึง 100,000 กม. มูลค่ากว่า 45,000 บาท พิเศษวันนี้ ถึง 30 กันยายนเท่านั้โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ จะเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ รุ่นมาตรฐานสามารถส่งมอบรถให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และสำหรับรุ่น Legender จะสามารถส่งมอบได้ในเดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป