ท่ามกลางภาวะตลาดรถยนต์หดตัว ยอดขายตลาดรถยนต์รวมมีทิศทางที่ดำดิ่งแบบชัดเจนต่อเนื่องมาหลายเดือน บวกกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในบ้านเราตกต่ำลงเรื่อย ๆ และแน่นอนย่อมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะรถยนต์ และสิ่งที่ยืนยันได้คือตัวเลขเดือนมกราคม 2563 นี้ ปรากฏว่ายอดขายรถยนต์รวมลดลง 8.2% จาก 78,061 คัน เหลือ 71,688 คัน เมื่อมองลึกลงไปถึงตลาดที่มียอดหดตัวหนักคือตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ที่ร่วงไปถึง 13.6% ส่วนรถยนต์นั่งเพิ่มเล็กน้อยเพียงแค่ 0.4%
ในส่วนของรถยนต์นั่งที่โตเพียงแค่ 0.4% จะมีตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมรวมอยู่ด้วย โดยแบรนด์หลักๆ ที่อยู่ในหมวดนี้ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, อาวดี้ และ วอลโว่ ซึ่งแน่นอนทุกค่ายต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น เพราะจากสภาพตลาดรถพรีเมี่ยมในช่วงปีที่ผ่านมาลดลง 2 % มียอดขายรวมที่ 29,474 คัน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มียอดขายทั้งสิ้น 29,926 คัน สำหรับปีนี้หลายค่ายคาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 30,000 คัน
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, อาวดี้ และ วอลโว่ เตรียมจัดหนัก จัดเต็มทั้งรถใหม่ และแคมเปญ พร้อมลุยกันเต็มที่ ส่วนแบรนด์ไหนมีอะไรเป็นทีเด็ดบ้าง ไปดูกัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์
นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกมาเปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2562 มียอดขายลดลง 4% มาอยู่ที่ 15,087 คัน โดยปีก่อนหน้าทำยอดขายได้ 15,723 คัน สำหรับในปีนี้คาดหวังว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากมีแผนที่จะเปิดตัวรถใหม่ ๆ เพียบ
ทีเด็ด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในช่วงแรกของปีนี้นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเพราะจัดเต็มรถใหม่ให้เลือกแบบละลานตา เริ่มต้นด้วย เวอร์ชันประกอบในประเทศที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบ PHEV ที่ทำให้ราคาค่าตัวย่อมเยาว์ลงมากว่า 400,000 บาท ของรุ่น GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic และ GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 3,749,000 บาท และ 4,090,000 บาท ตามลำดับ
ส่วนไฮไลท์สำคัญจะไปอยู่ที่งานมอเตอร์โชว์กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ GLB รถรุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็มไลน์การขายโดยเป็นรถเอสยูวีกึ่งแวนที่แทรกกลางและฉีกแนวการดีไซน์ให้แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ขณะเดียวกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดเวอร์ชันตัวแรงภายใต้ซับแบรนด์ AMG ในรุ่น CLA แบบ 2 รุ่นควบคือ Mercedes-AMG CLA 35 4MATIC ราคา 3,999,000 บาท และ Mercedes-AMG CLA 45 S 4MATIC+ ราคา 4,999,000 บาท
ทั้งนี้ ลูกค้าที่รอ อีคิวซี (EQC) รถยนต์ไฟฟ้าของ เมอร์เซเดส-เบนซ์อยู่ ซึ่งผู้บริหารเคยประกาศว่าจะทำตลาดเมื่อปีที่แล้วแต่ด้วยติดปัญหาด้านข้อตกลงระหว่างบีโอไอ ทำให้ยังไม่สามารถนำรถเข้ามาจำหน่ายได้ จนเวลาล่วงเลยมาถึงปีนี้ ทางผู้บริหารยืนยันว่าจะมีการทำตลาด อีคิวซี อย่างแน่นอน
สำหรับ อีคิวซี จะมีการนำมาโชว์พร้อมเปิดรับจองในงานมอเตอร์โชว์ที่จะถึงนี้ด้วย แต่อาจจะเป็นในลักษณะของการจองสิทธิ์เนื่องจากอาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยราคาได้ แต่รุ่นนำเข้านี้จะมีราคาเท่ากับรุ่นประกอบในประเทศ ดังนั้นลูกค้าจึงมั่นใจได้ในแง่ของราคาโดยอีคิวซีนั้นมีแผนการประกอบในประเทศไทยช่วงปีหน้า 2564
บีเอ็มดับเบิลยู
นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบีเอ็มดับเบิลยู ว่ามียอดขายรวมทั้งสิ้น 12,954 คัน ลดลง 1 % จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 13,087 คัน แบ่งเป็นบีเอ็มฯ 11,750 คัน และมินิ 1,204 คัน และรถบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด 1,650 คัน
สำหรับปีนี้บริษัทประเมินภาพรรวมของตลาดรถยนต์พรีเมียมว่าน่าจะเป็นบวกเล็กน้อย โดยคาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 2 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาเหตุที่เชื่อว่าตลาดจะเติบโตนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด โดยยืนยันแผนงานเดิมที่จะส่งรถยนต์ออกสู่ตลาดทั้งสิ้น 25 รุ่นภายในระยะเวลา 3 ปี จากนี้ไป โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 12 รุ่น และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV ) 13 รุ่น พร้อมเน้นนโยบายในการมุ่งมั่นเพื่อรักษายอดขายให้มีการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับตลาดโดยรวมควบคู่ไปกับการทำงานรวมกับตัวแทนจำหน่าย
ไฮไลท์สำหรับช่วงต้นปี นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupe รถ4 ประตูรูปทรงคูเป้ที่จะมาเปิดตลาดใหม่ โดยมีราคาจำหน่าย 2,399,000 บาท และอีกหนึ่งรุ่นที่จะเป็นตัวปั้นยอดขายอย่างดี คือ โฉมประกอบในประเทศของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3 ที่เทียบแล้วถูกลงกว่ารุ่นนำเข้าถึงกว่า 400,000 บาท
ซีรี่ส์ 3 เวอร์ชันประกอบในประเทศ ทำตลาด2รุ่นย่อยได้แก่ 330e M Sport ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าแบบPHEV ราคา 2,799,000 บาท และ 320d M Sport ทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลที่มากับราคา 2,549,000 บาท (ทุกรุ่นมาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
ส่วนแคมเปญนั้นขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาคงต้องรอช่วงมอเตอร์โชว์
อาวดี้
นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดว่า จัดแคมเปญมอเตอร์โชว์ล่วงหน้า เริ่มวันนี้ยาวไปถึง 5 เมษายน 2563 เพื่อกระตุ้นตลาด สำหรับแคมเปญมอเตอร์โชว์ของอาวดี้ จัดภายใต้ธีม “#ลดโหดเหมือนโกรธใครมา” ให้ลูกค้าสามารถเลือกแคมเปญที่เหมาะกับความชอบและแผนการเงินของตนเองได้ จะดาวน์น้อย ผ่อนนาน หรือดาวน์มาก ผ่อนสบาย แบบไม่มีบอลลูน เลือกระยะเวลาผ่อนได้สูงสุดถึง 7 ปี
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตในการจองรถภายในช่วงแคมเปญ ลูกค้าจะได้รับคะแนน 20 เท่าทันที เมื่อจอง 100,000 บาท พิเศษเฉพาะลูกค้าที่จอง A8, Q8 และ TTS แจกฟรีป้ายทะเบียนเลขทะเบียนสวยอย่างเลขทะเบียนตอง 8 หรือ ตอง 9 ทันที และโปรแกรม Trade-in ที่ให้มูลค่าเพิ่มสูงสุดถึง 400,000 บาท ขณะที่ ในงานมอเตอร์โชว์ 2020 ที่จะถึงนี้ ลูกค้าที่จองในงานจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% เพิ่มจากแคมเปญอื่นๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น
รถใหม่ของอาวดี้ทุกคันจะได้รับการดูแลจาก Audi Protection ด้วยการรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี และจะต่างจากค่ายอื่นตรงที่ไม่มีโปรแกรมบำรุงดูแลรักษา
ส่วนไฮไลท์รถใหม่ของ อาวดี้ ช่วงต้นปีนี้ต้องยกให้กับ “อาวดี้ คิว7” ซึ่งแม้จะเป็นเพียงโฉมไมเนอร์เชนจ์แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเห็นได้ชัดเจนชนิดที่เปลี่ยนมากกว่าบางยี่ห้อที่บอกว่าเป็นโมเดลเชนจ์เสียอีก ทั้งรูปร่างหน้าตาภายนอก ไฟหน้าชุดใหม่เป็น LED พร้อมด้วยออพชัน Matrix และLaser ส่วนทางเลือกของเครื่องยนต์นั้น ในตลาดโลกมีทั้งเบนซินและดีเซลที่หลากหลายขุมพลัง ส่วนในเมืองไทยคงต้องรอหลังการเปิดตัวในวันที่ 17 มีนาคม นี้ก่อนว่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์แบบใดมาทำตลาดบ้าง
สำหรับยอดขายของ อาวดี้ ในปีที่ผ่านมามียอดทั้งสิ้นประมาณ 1,200 คัน เทียบเท่ากับปีก่อนหน้า
วอลโว่
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,100 คัน เติบโตขึ้น 62.5% จำแนกเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดคือ XC40 ราว 45% , XC60 ราว 30% , XC90 ราว 20% และ S90 ราว 5% ส่วนตลาดรถยนต์หรูแลลพรีเมี่ยมในปีนี้แม้เปิดปีมาด้วยปัจจัยลบมากมาย แต่น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้วประมาณ 30,000 คัน
อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีแผนที่จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่ (BRV) ภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง นับจากนี้ โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ถึงแผนการตลาดและราคาที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
สำหรับต้นปี วอลโว่ เปิดศักราชใหม่กันด้วย วอลโว่ เอส 60 (S60) นับเป็นรถซีดานหรูรายแรกที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ปลายปีที่แล้วเปิดตัวรุ่น วี60 (V60) ที่สามารถสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำจนหมดโควต้า ต้องรอรถประมาณ 1 เดือน
ขณะที่ เอส60 เปิดตัวด้วยราคา 2,190,000 บาท ในรุ่น Momentum และราคา 2,590,000 บาท ในรุ่น R-DESIGN โดยจุดเด่นคือขุมพลังจากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ PHEV ที่มีกำลังสูงที่สุดในคลาส 407 แรงม้า พร้อมออฟชันเด่นในด้านความปลอดภัยที่มีให้อย่างครบครันได้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ถึงบรรทัดนี้ ต้องบอกว่า ตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมี่ยมของไทย ปีนี้เป็นปีที่จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบมากมาย แต่ความเห็นจากผู้บริหารของค่ายรถทั้งสี่แบรนด์มองไปในทิศทางที่เหมือนกันว่า น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้วที่ประมาณ 30,000 กว่าคันได้ เนื่องจากตลาดนี้มักจะมีผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับเซกเมนท์อื่นๆ อย่างไรก็ตามการประเมินดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีวิกฤตไวรัสโควิด19 ระบาดอย่างหนักในเวลานี้ ดังนั้นคงต้องรอดูทิศทางการระบาดของไวรัสอีกครั้งว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด ทุกคนคงทำได้เพียงป้องกันตัวเองและเอาใจช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายโดยเร็ว