โลโก้ ของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู เชื่อว่าทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีและมีการเรียกจนติดปากว่า “ใบพัดฟ้าขาว” แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร มาจากใบพัดจริงหรือไม่ แล้วทำไมจึงต้องเปลี่ยนโลโก้ คำตอบของคำถามทั้งหมดนี้ ทีมงาน “เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง" ไปหามาให้แบบครบถ้วน
การจะค้นหาว่าโลโก้ของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1917 ที่ บีเอ็มดับเบิลยู ( BMW) หรือในชื่อเต็มคือ the Bayerische Motoren Werke หรือ Bavarian Motor Works ได้ก่อร้างสร้างตัวขึ้นจากบริษัท ผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน ที่มีชื่อว่า Rapp Motorenwerke
หลังจากเปลี่ยนชื่อเป็น BMW เรียบร้อย บริษัทแห่งนี้ยังไม่มีการจัดทำโลโก้แต่อย่างใด จนกระทั่งในเดือนตุลาคม 1917 เราจึงได้เห็นโลโก้แรกของ บีเอ็มดับเบิลยู โดยเป็นวงกลมสีทองล้อมรอบชื่อบริษัท ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับโลโก้เดิมของบริษัท Rapp Motorenwerke นั่นเอง แต่มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ สีฟ้าและสีขาวในวงกลม
สีฟ้าและสีขาว ดังกล่าวที่ใครหลายคนเข้าใจว่าเป็นใบพัดนั้น แท้จริงแล้วเป็นสีสัญลักษณ์ของแคว้นบาวาเลีย ของเยอรมัน โดยเมื่อครั้งออกแบบมิได้มีความหมายแต่อย่างใด แต่ที่ต้องทำให้เป็น4 ช่องเนื่องจากมีข้อกฎหมายในเวลานั้นห้ามใช้สัญลักษณ์ของเมืองในตราสินค้า จึงทำให้บริษัทฯ ต้องแบ่งสีและสลับให้ดูมีความแตกต่าง
แล้วคำว่า ใบพัดฟ้าขาว มาจากไหน? คำตอบของคำถามนี้ ง่ายดายมาก ด้วยความที่ บีเอ็มดับเบิลยู เป็นบริษัทฯ ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน จึงมีการทำโฆษณาออกมา และโฆษณาหลายชิ้นมีการเอาตราสัญลักษณ์ดังกล่าวไปวางแปะไว้ที่ใบพัดของเครื่องบินขณะกำลังบิน ตามหลักการตลาดเพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำตราสินค้าได้ง่าย ซึ่ง บีเอ็มดับเบิลยู ทำสำเร็จลูกค้าจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งนี้โลโก้ของบีเอ็มดับเบิลยูได้มีการปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จนกระทั่งในปีนี้มีการเปลี่ยนใหม่อีกครั้ง โดยฉีกแนวการดีไซน์ไปจากเดิม เน้นการโปร่งแสง มีเหลือเพียงวงกลมสีขาว, ตัวอักษร BMW และสัญลักษณ์ฟ้าขาวในวงกลม เท่านั้น
ซึ่งโลโก้ใหม่ดังกล่าว มีความหมายตามนิยามของรองประธานฝ่ายลูกค้าและแบรนด์ คือ การสื่อถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบในการเดินทาง (Mobility) และความสุขในการขับรถ (Driving pleasure) ทั้งยังมีความเรียบง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้อย่างกว้างขวาง
สำหรับโลโก้ใหม่นั้น ได้รับการติดตั้งครั้งแรกในรถยนต์คอนเซ็ปต์รุ่น i4 โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้า100% ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเริ่มทำตลาดในปี 2021