ในงานปีนี้ ทาง Subaru มีรถยนต์ใหม่เปิดตัว 3 รุ่น โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นที่เป็นรถยนต์ในสายการผลิต และอีก 1 รุ่นเป็นต้นแบบอย่าง Viziv Adrenalin Concept ซึ่งเป็นงานออกแบบที่มาพร้อมกับความล้ำสมัยบนตัวถังแบบ SUV เพื่อสื่อให้เห็นถึงแนวทางและทิศทางในการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของ Subaru ที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดในอนาคต
ต้นแบบรุ่นนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Motorshow 2019 และมาพร้อมกับแนวทางการออกแบบหรือ Design Philosophy ของทางค่ายที่เรียกว่า BOLDER เน้นภาพลักษณ์ของความสปอร์ตที่ผสมผสานกับความสมบุกสมบันในทุกรายละเอียด ซึ่งสามารถสัมผัสได้ผ่านทางแนวเส้นหลังคาที่มีความโค้งและลาดเทไปทางด้านหลัง รวมถึงเส้นสายที่เป็นส่วนประกอบอยู่บนตัวถังบริเวณซุ้มล้อทั้ง 4 ด้าน
ส่วนรถยนต์ในสายการผลิตทั้ง 2 รุ่นนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของ SUV ในกลุ่ม C-Segment ของค่ายอย่าง Forester ซึ่งรุ่น GT Edition น่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะทาง Subaru เองเคยนำคันต้นแบบออกมาให้สัมผัสกันในช่วงที่มีการจัดงานแข่ง Subaru Palm Challenge 2019 ที่จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
GT Edition ไม่ใช่ของใหม่สำหรับ Subaru เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยเปิดตัวเวอร์ชันนี้กับตัวลุยรุ่น XV มาก่อน และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยใน Forester นั้น จะยังคงเน้นการแต่งรอบคันที่ช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถภายใต้การออกแบบและความร่วมมือกับ Giken ผู้นำอุตสาหกรรมด้านการออกแบบ และนายมาซาฮิโกะ โกบายาชิ หรือแจ็ค อดีตหัวหน้านักออกแบบระดับแนวหน้าของ Subaru ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 25 ปี
จุดที่เห็นได้อย่างชัดเจนบนตัวรถคือการแต่งรอบคันด้วยชุดสเกิร์ตทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง รวมถึงสปอยเลอร์ที่เพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี พร้อมกับสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ตแบบทูโทน และในคันที่นำมาจัดแสดงเป็นสีขาว ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นการตัดกันอย่างลงตัวของชุดแต่งที่ถูกเลือกใช้โทนสีดำและสีเงิน ส่วนล้อแม็กเป็นลายใหม่มีขนาด 18 นิ้ว และภายในตัวรถเน้นการเพิ่มความหรูบนความสปอร์ตด้วยเบาะหนังแบบทูโทนสีดำ-ครีม
แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้ที่มีข่าวว่าจะเข้ามาโชว์ตัวและอาจจะพร้อมขายในบ้านเราที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล 2020 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
อีกเวอร์ชันของ Foresterที่เปิดตัวออกมาคือ Forester e-Boxerซึ่งอันนี้มีข่าวมานานแล้วว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรกับโอกาสในการทำตลาดในแถบอาเซียนซึ่งการเปิดตัวในงานนี้น่าจะเป็นการยืนยันถึงการเตรียมบุกอย่างแน่นอน ซึ่งในสิงคโปร์เองจะเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่นมาขายเพื่อเสริมทางเลือกในตลาด
ขณะที่สถานการณ์ของบ้านเราอาจจะต้องเป็นอีกแบบ เพราะถ้าเป็นแบบนำเข้าทั้งคันราคาน่าจะกระโดดไปไกลจนยากที่จะแข่งขันได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าประกอบในประเทศก็ต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน เพราะแม้ว่าจะเป็น Foresterเหมือนกัน แต่ในส่วนของขุมพลัง e-Boxer จะเป็นแบบไฮบริดที่มีความแตกต่างจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์แบบปกติอยู่พอสมควรเหมือนกันและเชื่อว่าทาง Motor Image เอง ถ้าจะดัน e-Boxer เข้าสู่ตลาดเมืองไทย ก็คงจะต้องเป็นรูปแบบของการประกอบในประเทศเท่านั้นและอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะในการทำงานร่วมกับภาครัฐ และศึกษาถึงความเป็นไปได้ ณ ขณะนี้จึงยังไม่สามารถว่าจะมาทำตลาดในไทย ช่วงไหน ปีไหน
แนวคิดของ e-Boxer คือ การปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบสูบนอน หรือที่เรียกกันว่า Boxer อันเป็นเอกลักษณ์ของ Subaru ให้มีความสามารถในการทำงานเชิงไฮบริดหรือเครื่องยนต์ลูกผสมได้ด้วยการพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไป โดยขุมพลังบล็อกนี้เป็นรหัส FB20 ใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 สูบแบบ Di 2,000 ซีซี 145 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.1 กก.-ม.เป็นต้นกำลัง และมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 13.6 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 6.6 กก.-ม.เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน เพื่อลดมลพิษ และเพิ่มความประหยัดน้ำมันโดยเฉพาะการเดินทางในเมือง โดยตัว e-Boxer จะทำงานร่วมกับเกียร์ CVT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกนั้น ไม่ได้แตกต่างจาก Forester รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ยกเว้นการมีคำว่า e-Boxer แปะเอาไว้ที่ด้านท้ายบนฝากระโปรงหลัง เพราะเอาเข้าจริงๆ ในญี่ปุ่น เครื่องยนต์รุ่นนี้คือ อีกทางเลือกในการทำตลาดคู่กับเครื่องยนต์เบนซิน ไม่ใช่เป็นรุ่นที่แต่งพิเศษอะไรแต่อย่างใด
งานนี้ต้องดูกันว่าในบ้านเราจะขายได้ช่วงไหน. เพราะผลิตในไทย และจำหน่าย น่าจะได้รับความสนใจในระดับหนึ่งหลังจากที่ Forester แบบประกอบในประเทศ เรียกแขกได้ดีกับราคาที่เชิญชวนให้เป็นเจ้าของ ซึ่งถ้า Forester e-Boxer มีการประกอบในไทย และทำราคาด้วยตัวเลขที่เร้าใจ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในด้านยอดขายก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เพราะ ณ ปัจจุบันตลาด SUV กลุ่ม C-Segment ในบ้านเราหลายรุ่นถือว่าอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้ว