ค่ายปีกนกสร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ เมื่อทาง ฮอนด้า มอเตอร์ ยุโรป ยกกองทัพรถจักรยานยนต์ปี 2020 เปิดตัวในงาน EICMA 2019 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี นำโดยโมเดลใหม่ล่าสุด Honda CBR1000RR-R ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกบนเวทีแห่งนี้
ขณะนี้กำลังมีงานใหญ่ระดับโลกที่สิงห์นักบิดทุกคนต่างเฝ้ารอคอย นั่นคือ งานแสดงรถจักรยานยนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก EICMA 2019 (Esposizione Internazionale Ciclo Motociclo e Accessori 2019) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2019(5-6 พ.ย.รอบสื่อมวลชน) ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 77 ภายใต้แนวคิด Revolutionary Motion หรือ “ปฏิวัติการเคลื่อนไหว”
สำหรับงานนี้ถือว่ามีความสำคัญกับค่ายรถจักรยานยนต์เป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเวทีใหญ่ที่ถูกจับตามองจากบรรดาสิงห์นักบิดที่ต่างเฝ้ารอคอย เพื่อลุ้นว่าแบรนด์สองล้อสุดโปรดของตัวเองจะนำโมเดลใหม่รุ่นไหนมาจัดแสดงกันบ้าง
โดยหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่นอย่างฮอนด้า ปีนี้ต้องบอกว่าจัดหนักให้พิเศษกว่าใครจริงๆ นำโดยโมเดลใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อขยายกลุ่มฐานตลาดไปยังสายเรซซิ่ง นั่นคือ Honda CBR1000RR-R ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกของโลก นอกจากนี้ยังมีโมเดลใหม่สายแอดเวนเจอร์ สายโรดสเตอร์และสายคอมมิวเตอร์ ที่มาอวดโฉมและเตรียมทำตลาดตลอดปี 2020 อีกด้วย
ส่วนรายละเอียดของแต่รุ่นจะเป็นอย่างไร เชิญติดตามชม
Honda CBR1000RR-R Fireblade
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดตัว All New Honda CBR1000RR-R อย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก โดยซูเปอร์ไบค์รุ่นเรือธงของค่าย ได้รับการออกแบบตัวถังใหม่ และเครื่องยนต์ทรงพลังที่ให้กำลังเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์
ตลอดระยะเวลา 28 ปี คำว่า Honda Fireblade ถูกใช้ไปในความหมายของการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ การทรงตัวยอดเยี่ยม และความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งโฉมใหม่ของ CBR1000RR-R กำลังจะเข้ามาถ่ายทอดบทบาทสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ Fireblade ด้วยสุดยอดสมรรถนะแบบ “เกิดมาเพื่อการแข่งขัน” (Born to Race)
ด้วยน้ำหนักรถเพียง 201 กิโลกรัม ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ CBR1000RR-R Fireblade ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจาก RC213V ตัวแข่งในรายการ MotoGP และซูเปอร์ไบค์ RC213V-S กับบล็อก 4 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ ที่ 14,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 113 นิวตัน-เมตร ที่ 12,500 รอบต่อนาที
Honda CBR1000RR-R Fireblade ยังทำตลาดรุ่นสมรรถนะสูง SP ที่มาพร้อมระบบช่วงล่าง Ohlins Electronic Control ด้วยโช้คหัวกลับรุ่น NPX ขนาด 43 มิลลิเมตร และโช้คหลัง TTX36 Smart-EC ดิสก์เบรก Brembo Stylema คาลิปเปอร์ 4 สูบ เหมือนที่ใช้ใน RC213V-S และท่อไอเสียที่ทำจากวัสดุไทเทเนียมน้ำหนักเบาของ Akrapovic เพื่อตอบสนองการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งสองรุ่นออกแบบตามหลักแอโร่ไดนามิกที่ได้รับอิทธิพลมาจาก RC213V พร้อมเซนเซอร์วัดแรงเฉื่อย IMU 6 แกนของ Bosch แทนที่แบบเดิม 5 แกน มาช่วยควบคุมแรงบิดและการทรงตัว โดยทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อคำนวณการเคลื่อนไหวให้แม่นยำและปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่
Honda CBR1000RR-R Fireblade และ CBR1000RR-R Fireblade SP มีให้เลือก 2 สี คือ แดง Grand Prix Red ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น HRC และดำด้าน Matte Ballistic Black
แฟนคลับนักบิดชาวไทยหยอดกระปุกรอได้เลย ค่ายปีกนกคอนเฟิร์มแล้ว เตรียมทำตลาดในไทยเร็วๆ นี้แน่นอน
Honda SH125i
สกู๊ตเตอร์รุ่นยอดนิยมในหลายประเทศ ยืนยันด้วยยอดขายสะสมกว่า 1 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1984 โดย SH125i ใหม่ อัพเกรดเครื่องยนต์ eSP+ ที่พัฒนาภายใต้กรอบเทคโนโลยี “ฮอนด้า สมาร์ท เทคโนโลยี” ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกสนาน แต่ประหยัดน้ำมัน และปล่อยไอเสียต่ำ ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 5
เครื่องยนต์ปรับปรุงเรี่ยวแรง พร้อมระบบควบคุมแรงบิด HSTC (Honda Selectable Torque Control) และระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะรถจอดหยุดนิ่ง Idling Stop ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตัวเฟรมได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นความจุรวม 28 ลิตร พร้อมช่องต่อ USB และฮอนด้า สมาร์ทคีย์ (ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทท้อปบ็อกซ์) ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
Honda SH125i กับ SH150i รุ่นปี 2020 พร้อมบุกตลาดในยุโรป ด้วยการนำเสนอความท้าทายและการค้นพบใหม่ๆ จากการเป็นสกู๊ตเตอร์ที่ขับขี่ในเมืองคล่องแคล่วและสะดวกสบาย
Honda CRF1100L Africa Twin/Adventure Sports
งาน EICMA 2019 นำ Honda CRF1100L Africa Twin และ CRF1100L Africa Twin Adventure Sports มาเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินยุโรป
เครื่องยนต์ 1,100 ซีซี พัฒนาให้น้ำหนักเบาลงแต่ทรงพลังมากขึ้น และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ EURO5 มากไปกว่านั้นด้วยการออกแบบเฟรมใหม่ส่งผลให้รถมีตัวถังแคบลง เหมาะสำหรับการขี่ในสไตล์สมบุกสมบัน หวังรักษาเสถียรภาพและความสะดวกสบายสูงสุด
Honda CRF1100L Africa Twin ถือเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของฮอนด้า ที่มาพร้อมจอแสดงผล TFT แบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว ขณะที่ระบบช่วยเหลือการขับขี่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งเซนเซอร์ IMU 6 แกนของ Bosch มาสนับสนุนระบบควบคุมแรงบิด HSTC (Honda Selectable Torque Control) ให้สอดคล้องกันระหว่างล้อหน้า-หลัง เพื่อการทรงตัวที่ดีและสามารถตะลุยทุกเส้นทาง ด้วยตัวถังที่แข็งแกร่ง ปราดเปรียว กับถังน้ำมันขนาด 18.8 ลิตร ซึ่งตัวรถมีให้เลือก 2 สีคือ แดง Grand Prix Red และดำด้าน Matte Ballistic Black
ขณะที่ CRF1100L Africa Twin Adventure Sports แตกต่างจากคู่หูในซีรีย์เดียวกัน เพราะรถรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอที่ปรับได้ 5 ระดับสำหรับการขับขี่ระยะไกล ไฟเลี้ยวปรับได้สามระดับ พร้อมยางแบบ Tubeless (ไร้ยางใน) และถังน้ำมันใหญ่ขึ้นเป็น 24.8 ลิตร พร้อมออพชันระบบกันกระเทือน Showa Electronic Equipped Rider Adjustment
ส่วนตัวถังมีให้เลือก 2 สี คือ ขาว Pearl Glare White Tricolour และ ดำ Darkness Black Metallic
Honda Rebel 500
New Rebel 500 ทำตลาดในยุโรปภายใต้ชื่อ New Honda CMX500 Rebel ที่วางตำแหน่งให้เป็นรถคอมแพกต์ครุยส์เซอร์ ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ พิกัด 500 ซีซี ซึ่งรุ่นใหม่ปี 2020 ได้ถูกปรับให้มีความทันสมัยทั้งในส่วนการออกแบบและเทคโนโลยีการขับขี่
ไล่ตั้งแต่การใช้ไฟ Full LED ในชุดไฟหน้าทรงกลม และเพิ่มการแสดงผลตำแหน่งเกียร์บนหน้าปัด ออกแบบเบาะนั่งให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมท่อไอเสียใหม่ ใส่สลิปเปอร์คลัตช์ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล โดยโมเดลปี 2020 ยังผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5
ส่วนรุ่นแต่งพิเศษ CMX500 Rebel S Edition มากับสีเทา Matte Axis Grey Metallic พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐานจากโรงงาน ได้แก่ชุดไฟหน้า ก้านโช้คสีดำ และเบาะนั่งตะเข็บลายเพชร
Honda CB1000R
นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ของรถนีโอ สปอร์ต คาเฟ่ Honda CB1000R ได้สร้างกระแสความนิยมและเพิ่มทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง
เนคเก็ตไบค์ที่ผสานรูปทรงคลาสสิคกับความทันสมัย และการขับขี่ที่สนุกสนานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งรุ่นปี 2020 เน้นสีดำกับสีดำด้าน Metallic Matte Ballistic Black ทั้งชุดไฟหน้า เส้นสายบนถังน้ำมัน รวมถึงดิสก์เบรคหน้า และสีของสปริงด้านหลัง
สีสันและการตกแต่งของ Honda CB1000R โมเดลปี 2020 จะเพิ่มความสดใหม่ ใส่ความหรูหรา สร้างภาพลักษณ์เหนือระดับเมื่อขับขี่บนท้องถนนได้เป็นอย่างดี.