xs
xsm
sm
md
lg

ซื้อก่อนได้เปรียบ! “บิ๊กไบค์” ปีหน้าจ่อเก็บภาษีเพิ่มหลักแสนบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ครม.” เห็นชอบโครงสร้างการจัดเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์ในอัตราใหม่ที่อิงตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ โดยกำหนดให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป คาดกระทบตลาดบิ๊กไบค์จ่ายภาษีเพิ่มหลักแสนบาทต่อคัน

แฟ้มภาพ-ลองขี่ Honda CBR650R: บีบหัวใจสายสปอร์ต

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังให้เสนอคณะรัฐมนตรี รับทราบการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีจากเดิมที่ยึดตามขนาดเครื่องยนต์ ไปเป็นยึดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้เคยเสนอให้คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค.62 แต่เนื่องจากการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ อีกทั้งในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้ว กระทรวงการคลังจึงต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีใหม่รับทราบก่อนอีกครั้ง โดยการจัดเก็บภาษีนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้ภาษีเพิ่มอีกประมาณ 500-700 ล้านบาทต่อปี


สำหรับโครงสร้างภาษีใหม่กำหนดว่าหากเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดต่ำกว่า 150 ซีซี (รถทั่วไป) จะมีสัดส่วนกว่า 90% ซึ่งอาจจะทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณกว่า 100 บาท แต่ผลกระทบสำคัญจะเป็นรถประเภทบิ๊กไบค์ (500 ซีซีขึ้นไป) แต่ค่ายรถจากยุโรปและญี่ปุ่นที่อาจจะมีเทคโนโลยีสูงน่าจะสามารถผลิตรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ (CO2) ลดลงได้

แฟ้มภาพ-ลองขี่ Honda CBR650R: บีบหัวใจสายสปอร์ต

ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์บางค่ายที่มีรถขนาดซีซีสูงเหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพอาจจะกินน้ำมันมากกว่า ก็จะส่งผลให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ดังนั้น การจัดเก็บภาษีจะขึ้นอยู่กับการปล่อย CO2


โดยรองโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเป็นรถบิ๊กไบค์ซึ่งมีราคาขายเป็นในระดับล้านบาทนั้น อาจจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็นแสนบาทต่อคัน เช่น เคยเสียภาษีอยู่ 9% ถ้าเกิดปล่อย CO2 มากจะต้องเสียภาษี 18% ซึ่งจะมีผลเฉพาะรถใหม่หรือนำเข้ามา


ด้านโครงสร้างภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่จะแบ่งเป็น 5 ขั้นอัตรา คือ หากปล่อย CO2 ไม่เกิน 10 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีที่ 1% (มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า-EV) ปล่อย CO2 ระหว่าง 10-50 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 3% ปล่อย CO2 ระหว่าง 50-90 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 6% และปล่อย CO2 ระหว่าง 90-130 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษี 9% และปล่อย CO2 130 กรัมต่อกิโลเมตรขึ้นไป เสีย 18% ซึ่งกรณีรถบิ๊กไบค์ (500 ซีซีขึ้นไป) ก็น่าจะเสียที่อัตราสูงสุด เนื่องจากเครื่องยนต์ใหญ่และมีการปล่อย CO2 มากกว่า 130 กรัมต่อกิโลเมตร


นายณัฐกร ยังเชื่อว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค.63 น่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยรถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ขณะที่ผลจากการประเมินพบว่าปัจจุบันผู้ประกอบการมีความตื่นตัวต่อการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่ลดปริมาณการปล่อย CO2 ลงมาด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น