ชื่อของแบรนด์ “มาเซราติ” เทียบชั้นในระดับโลกแล้วถือว่าอยู่ในระดับรถหรู ไม่ต่างจากแบรนด์ชั้นนำแต่อย่างใด โดยในยุคหนึ่ง มาเซราติ ห่างหายไปจากการทำตลาดโมเดลใหม่ นานพอสมควร แต่แล้วเมื่อจัดการทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย หลังจากปี 2012 เป็นต้นมา เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
สิ่งแรกคือ การปล่อยโมเดลใหม่ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ เลอวานเต้ รถเอนกประสงค์แบบเอสยูวี ที่มาเซราติ ออกมาเขย่าตลาดรถหรูได้ดีทีเดียวทั้งในระดับโลกและในเมืองไทย สำหรับปีนี้ ทาง มาเซราติ ประเทศไทย ภายใต้การดูแลของ เอ็มจีซี เอเชีย ตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ เพิ่มเขี้ยวเล็บในการทำตลาดด้วย “มาเซราติ กิบลี” โฉมไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้เข้าร่วมทดลองขับ มาดูกันว่าน้องใหม่โฉมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เปลี่ยนไฟหน้า จุดเด่นที่โดน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก โดยภาพรวมแทบไม่แตกต่างจากโฉมก่อนหน้า เนื่องจากเป็นไมเนอร์เชนจ์ แต่ยังมีหลายส่วนที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะ ชุดกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำลงจาก 0.31 เหลือเพียง 0.29 เท่านั้น
ส่วนจุดสังเกตสำคัญและถือเป็นไฮไลท์ของโมเดลนี้นั่นก็คือ ไฟหน้าแบบ Matrix LED ปรับเองอัตโนมัติตามสภาพถนนที่เป็นจริง โดยมีทั้งหมด 5 ลำแสงหลัก ทำงานจากเซนเซอร์ระบบเรดาร์ทางด้านหน้ารถ พร้อมกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ที่เป็นตัวช่วยหลักของอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ทั้งหมด
สำหรับหัวใจของ กิบลี โฉมนี้ ทำตลาดในเมืองไทยด้วย 2 แบบเครื่องยนต์ คือ ดีเซล 3.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 275 แรงม้า และเบนซิน 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 350 แรงม้า โดยหนึ่งในการปรับเปลี่ยนคือการเพิ่มรุ่นตัวแรงพิเศษ กิบลี่ เอส แกรนสปอร์ต กำลังสูงสุด 430 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF
กิบลี มีด้วยกัน 4 รุ่นย่อย แตกต่างด้วยออพชัน
กิบลี่ ดีเซล มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ไฟหน้าอะแด๊ปทีฟแอลอีดี, ลายไม้ Radica, ระบบปรับอากาศ 2 โซน, เบาะหุ้มหนังแท้ชนิดพิเศษ, กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง, คาลิเปอร์เบรกสีดำและล้อแม็กขอบ 19 นิ้วราคา 6,990,000 บาท
กิบลี ดีเซล แกรนลุสโซ่ มาพร้อมอุปกรณ์เพิ่ม ได้แก่ Easy Entry, 4 door Keyless Entry, Adaptive cruise control, Forward Collision Warning, Blind Spot Alert, Lane Departure Warningและ Surround View Camera ราคา 7,590,000 บาท
กิบลี แกรนลุซโซ่ อุปกรณ์เพิ่ม ได้แก่ ซันรูฟ, แพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย, ลายไม้ Ebano, เบาะคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ ราคา 8,890,000 บาท
กิบลี เอส แกรนสปอร์ต มีอุปกรณ์เพิ่ม กันชนหน้า-หลัง แต่งด้วยสีดำเงา, ลายไม้ Black Piano, เบาะทรงสปอร์ต, พวงมาลัยแบบสปอร์ต, แป้นคันเร่งและแป้นเบรกดีไซน์สปอร์ต, คาลิเปอร์เบรกสีดำ และล้อแม็กขอบ 20 นิ้ว ราคา 9,990,000 บาท
ขับเร้าใจ ใช้โหมดสปอร์ต
การทดลองขับเริ่มต้นด้วยเส้นทางแบบในเมืองที่การจราจรพลุกพล่านย่านคลองเตย มุ่งหน้าไปยังสมุทรสาคร อันเป็นจุดหมาย ด้วยขนาดตัวถังขนาดกลาง ได้ทั้งความคล่องตัว ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป และความโอ่อ่าสะดวกสบาย ตามแบบฉบับของรถยุโรป ส่วนทัศนวิสัยอาจตามความรู้สึกของผู้เขียนจะไม่กว้างขวางเท่ากับคู่แข่งเนื่องจากการเน้นความเป็นสปอร์ตสไตล์อิตาลี
เข้ามานั่งภายในห้องโดยสารของรุ่น ดีเซล (เราเลือกขับรุ่นนี้ก่อน รุ่นเบนซินขากลับ) ครบถ้วนทั้งสัญลักษณ์แบบตรีศูล ประจำแบรนด์มาเซราติ ในทุกจุดของกิบลี พร้อมกับความประณีตของชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยแบบสปอร์ตขนาดพอเหมาะมือ เบาะหนังที่ตัดเย็บอย่างเนียบเนียน และลายไม้ให้ความหรูหรา รวมถึงนาฬิกาตรงกลางคอนโซลที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติทุกคัน
การขับขี่ในเส้นทางถนนพระราม 2 ต้องยอมรับว่า รถหนาแน่นมากทำให้ไม่สามารถทำความเร็วได้ ส่วนมากวิ่งอยู่ที่ระดับ 60-90 กม./ชม. ยังไม่ข้ามไปถึงระดับ 100 กม./ชม. ได้ เราจึงได้ลองเปลี่ยนโหมดการขับขี่สลับไปมา ดูความแตกต่าง พบว่า โหมด comfort เป็นโหมดที่เหมาะกับถนนเมืองไทยมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงถนนรอง ที่สามารถทำความเร็วได้ เราไม่พลาดกดคันเร่งแบบคิกดาวน์ แรงบิดตอบสนองทันใจดีมาก ยิ่งถ้าใช้โหมดสปอร์ต จะได้ยินเสียงท่อไอเสีย คำราม ตามแบบฉบับของรถซุปเปอร์คาร์ ที่เราจะได้ยินชัดเมื่อกดให้โหมดสปอร์ตทำงาน ซึ่งทางมาเซราติ เคลมว่า ได้จดลิขสิทธิ์ของเสียงท่อไอเสียแบบนี้ไว้แล้ว ดังนั้นหากใครที่ชอบเสียงแบบนี้ มีเฉพาะในรถของมาเซราติเท่านั้น
ความเร็วสูงสุดที่เราลองขับในรุ่นดีเซลทำได้ราว 160 กม./ชม. การขับนิ่งเนียนดี การเก็บเสียงทำได้ดีตามระดับของรถในคลาสนี้ ขณะที่ขากลับเปลี่ยนมาลองขับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ที่มีจุดสังเกตความต่างง่ายๆ ตรงหลังคาซันรูฟ พบว่า อัตราเร่งของรุ่น ดีเซล ดีกว่า เนื่องจากแรงบิดที่มากกว่า แม้ว่ารุ่นเบนซินจะมีพละกำลังมากกว่าก็ตาม นอกนั้นเหมือนกัน
เหมาะกับใคร
มาเซราติ กิบลี จัดอยู่ในระดับเดียวกับ ซีรีส์ 5 และ อี-คลาส ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งที่มีความแข็งแรงในตลาดสูง ดังนั้นเจ้าของ กิบลี คือผู้ที่ไม่อยากเหมือนใคร และยินดีจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ได้สิ่งแตกต่าง โดยเฉพาะเอกลักษณ์ความเป็นอิตาลีและเสียงของท่อไอเสียแบบซูเปอร์คาร์ในราคาย่อมเยาว์กว่า