แม้เทสลาทำรถไฟฟ้าออกมาได้หล่อเฟี้ยว หรูหรา สมรรถนะแรง แถมผู้ก่อตั้งบริษัทยังมีเสน่ห์เหลือเกิน แต่ช่วงสองปีจากนี้ไปผู้ผลิตอีวีหน้าใหม่ขวัญใจมหาชนแห่งนี้จะต้องเจอบททดสอบสำคัญจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาดรถยนต์มานานกว่า ซึ่งมีตั้งแต่ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์จนถึงบริษัทดาวเด่นจากเอเชีย ดังต่อไปนี้
ปอร์เช่ มิชชั่น อี
ประเดิมด้วยแบรนด์หรูจากเมืองเบียร์ ปอร์เช่ ที่ส่งรถต้นแบบ มิชชั่น อี อวดโฉมตั้งแต่ปี 2015 ในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ และมาตอกย้ำความปังอีกครั้งในมหกรรมยนตกรรมเจนีวาที่เพิ่งปิดฉากสดๆ ร้อนๆ ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาด้วย “มิชชั่น อี ครอส ทัวริสโม” รถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่งที่คงเอกลักษณ์ส่วนใหญ่ของปอร์เช่ไว้อย่างเหนียวแน่น ตัวถังด้านท้ายใกล้เคียงพานาเมรา สปอร์ต ทัวริสโม
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวให้กำลัง 440 กิโลวัตต์ มิชชั่น อีสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.5 วินาที เทียบกับเทสลา โมเดลเอส พี100ดี ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 568 กิโลวัตต์ และทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาแค่ 2.7 วินาที
อย่างไรก็ตาม ปอร์เช่อวดอ้างว่า มิชชั่น อีสามารถรักษาระดับความเร็วสูงได้นานกว่าโดยไม่ต้องกังวลกับระยะขับเคลื่อนเหมือนเทสลา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากในเยอรมนีที่ไม่มีการจำกัดความเร็วบนทางด่วน
นอกจากนั้น มิชชั่น อียังขับมันขับเพลินแบบรถสปอร์ตของปอร์เช่ และมาพร้อมฟังก์ชันการทำงานสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ ระบบบังคับเลี้ยวทั้ง 4 ล้อ ระบบกระจายแรงบิด ระบบควบคุมความคล่องตัวของตัวถัง เป็นต้น
คาดว่า ปอร์เช่จะเริ่มผลิตมิชชั่น อีเร็วๆ นี้และขายในยุโรปเป็นที่แรกตั้งแต่ปีหน้า
ฮุนได โคนา อีวี
ค่ายรถเบอร์หนึ่งจากเกาหลีใต้เตรียมส่งโคนา อีวี 2 เวอร์ชันให้เลือก เวอร์ชันแรกมีระยะขับเคลื่อน 470 กม. ส่วนเวอร์ชันสองเหมาะสำหรับขับในเมืองมากกว่าด้วยระยะขับเคลื่อน 299 กม.
แม้ไม่ได้เป็นเจ้าความเร็วแบบเทสลาหรือปอร์เช่ แต่เอสยูวีไฟฟ้าของฮุนไดรุ่นนี้มีพละกำลังสมตัว 201 แรงม้า แรงบิด 395 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ให้กำลัง 150 กิโลวัตต์ วิ่งได้ระยะทาง 470 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสำหรับเวอร์ชันแรก ส่วนเวอร์ชันที่สองให้กำลัง 99 กิโลวัตต์
ลูกเล่นอื่นๆ ของโคนา อีวีเหมือนกับรถที่ใช้น้ำมันรุ่นอื่นๆ ของฮุนได เช่น จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วที่ใช้งานร่วมกับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันความปลอดภัยอีกเพียบ เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับคนเดินถนน ระบบตรวจจับจุดบอดพร้อมสัญญาณเตือนขณะถอย ระบบเตือนการเปลี่ยนเลนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
จากัวร์ ไอ-เพซ
รถไฟฟ้ารุ่นแรกจากจากัวร์ที่ถูกวางตัวประกบเทสลา โมเดลเอ็กซ์ ซึ่งเป็นเอสยูวีพรีเมียมขนาดกลางสำหรับครอบครัว
มอเตอร์สองตัวติดตั้งที่เพลาหน้า-หลังให้สมรรถนะขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมกำลัง 294 กิโลวัตต์ แรงบิด 696 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 4.8 วินาที และระยะขับเคลื่อนถึง 500 กม.
เพื่อแข่งขันกับเทสลา ไอ-เพซจึงต้องมีฟังก์ชันไฮเทคพร้อมสรรพ อาทิ กุญแจบลูทูธที่จดจำสิ่งที่คนขับโปรดปราน เช่น สถานีวิทยุ หรือการตั้งค่าระบบควบคุมอุณหภูมิ สามารถสื่อสารกับระบบควบคุมสัญญาณ WiFi ที่บ้านได้ และระบบนำทางที่วางแผนการเดินทางโดยอิงกับระยะขับเคลื่อนบนสภาพถนนจริง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิว ซี
บริษัทรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีแห่งนี้ปิดปากเงียบมาตลอดเรื่องคอมแพคเอสยูวีระบบไฟฟ้าครบเครื่อง เมอร์เซเดส-เบนซ์เผยต้นแบบอีคิวครั้งแรกในงานปารีส มอเตอร์โชว์เมื่อสองปีที่แล้ว และคาดกันว่า จะโชว์เวอร์ชันจริงในมหกรรมยานยนต์เดียวกันที่จะจัดขึ้นเดือนตุลาคมที่จะถึง
อีคิว ซีที่ถูกหมายมั่นลงประกบเทสลา โมเดลเอ็กซ์ และจากัวร์ ไอ-เพซ ใช้มอเตอร์สองตัวและขับเคลื่อนสี่ล้อ
ขุมพลังของอีคิว ซีถูกคาดหมายว่า จะสูสีกับไอ-เพซคือประมาณ 300 กิโลวัตต์ และทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในไม่ถึง 5 วินาที ระยะขับเคลื่อนราว 500 กม.
อีคิว ซีเวอร์ชันที่เป็นคอนเซ็ปต์คาร์ใช้หน้าจอ 24 นิ้ว ระบบนำทางปรับปรุงใหม่ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมหรูหรา ดูรวมๆ แล้วเป็นรถไฟฟ้าที่หน้าตาล้ำสมัยมาก
อาวดี้ อี-ตรอน
อาวดี้ อีกหนึ่งบริษัทรถหรูจากเยอรมนี ไม่ยอมน้อยหน้าคู่แข่ง โดยประกาศชัดเจนว่า ปลายปีนี้จะปล่อยเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางออกมาให้แฟนๆ ได้ผลโฉม
ค่ายรถสี่ห่วงแห่งนี้เปิดตัวต้นแบบอี-ตรอนในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมา และมีแนวโน้มสูงว่า เวอร์ชันที่จะผลิตจริงจะไม่แตกต่างจากที่นำออกแสดงมากนัก ดูจากสไตล์เฉียบคม อี-ตรอนน่าจะอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับคิว5
อาวดี้ไม่ปริปากมากนักเกี่ยวกับการผลิตเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้ แต่พอคาดเดาได้ว่า สมรรถนะจะไม่ต่างจากบรรดาคู่แข่งในรุ่นเดียวกัน
ข่าวบอกว่า อาวดี้กำลังเตรียมนำอี-ตรอนลงทดสอบบนถนนในเยอรมนีรวมระยะทาง 5 ล้านกิโลเมตร ซึ่งรวมถึงการทดสอบสมรรถนะท่ามกลางสภาพอากาศสุดขั้ว
กำหนดเปิดโฉมอี-ตรอนเต็มตัวคือเดือนสิงหาคมนี้ที่บรัสเซลส์ก่อนขึ้นสายการผลิตเป็นลำดับต่อไป
โฟล์คสวาเกน ไอ.ดี.
บริษัทรถเมืองเบียร์ดาหน้าลงสนามอีวีกันอย่างคึกคัก แต่ที่ออกตัวแรงที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกินโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป บริษัทแม่ของทั้งปอร์เช่, อาวดี้, VW และอีกหลายแห่ง
ในส่วน VW หรือโฟล์คสวาเกนนั้นชูวิสัยทัศน์รถไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ไอ.ดี. โดยเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์แล้ว 4 รุ่น แต่รุ่นที่มีแนวโน้มเริ่มผลิตก่อนใครคือ ไอ.ดี. แฮตช์แบค ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2020 ด้วยไอเดียรถเล็กสำหรับคนเมืองขนาดพอๆ กับกอล์ฟ 5 ประตู
ข่าวที่บอกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ โฟลค์สวาเกนเพิ่งเซ็นสัญญาซื้อแบตเตอรี่มูลค่ากว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สำหรับโรงงานในยุโรปและจีน และเตรียมทำสัญญาซื้อแบตเตอรี่ให้โรงงานในอเมริกาต่อไปนั้น ชี้ชัดว่า บริษัทรถแห่งนี้กำลังเตรียมการใหญ่เพื่อผลิตอีวีออกมาในจำนวนที่คู่แข่งไม่มีทางเทียบติด โดยโฟล์คสวาเกนเล็งเป้าหมายเบื้องต้นไว้ที่วันละ 1,500 คันจากโรงงานรถไฟฟ้าในยุโรปเพียงแห่งเดียว
ดูทรงแล้วคู่แข่งของไอ.ดี.ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือเทสลา โมเดล 3 โดยโฟล์คสวาเกนเล็งใช้กลยุทธ์การตัดราคาเป็นตัวช่วยดึงดูดลูกค้า อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ระดับความหรูหราของไอ.ดี.ด้อยกว่าเทสลา
โฟล์คสวาเกนตั้งเป้าทำให้รถไฟฟ้า 5 ประตูแห่งอนาคตรุ่นนี้วิ่งได้ไกลถึง 600 กม. จากการชาร์จแบตเตอรี่ครั้งเดียว