ในที่สุดก็เผยโฉมออกมาแล้วหลังจากที่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีภาพ Spyshot ปรากฏให้เห็นตามหน้าอินเตอร์เนตอยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง ฮอนด้า เปิดตัวโฉมใหม่ของ แอคคอร์ด U.S Version ออกมาแล้ว พร้อมลุยในตลาดเมืองลุงแซมช่วงปลายปีนี้ ส่วนบ้านเราที่อ้างอิงกับตลาดสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 ก็น่าจะเปิดตัวตามมาอย่างช้าไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2018
แอคคอร์ด เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นยอดนิยมของ ฮอนด้า ซึ่งมีขายอยู่ในตลาดทั่วโลก และมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก ซึ่งมียอดขายสะสมมากกว่า 13 ล้านคัน โดยที่เห็นอยู่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 นับตั้งแต่ชื่อนี้อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1976 และในตอนแรกมีการเผยโฉมออกมาเฉพาะรุ่นซีดาน 4 ประตูเท่านั้น ส่วนรุ่นคูเป้ที่จะขายควบคู่กันด้วยในตลาดอเมริกาเหนือนั้นยังไม่มีการเผยโฉมออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าตามมาอีกไม่นาน
สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับ แอคคอร์ด ใหม่ คือการรับเอาสไตล์การออกแบบของ ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งขายอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก และเส้นสายที่ทำให้ซีดาน 4 ประตูดูมีความสปอร์ตมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงท้ายที่ออกแบบให้ลาดเทและกล่องที่ 3 หรือด้านหลัง C-Pillar ดูสั้นจนคล้ายกับพวก Fastback พร้เอมกับติดตั้งฝากระโปรงหน้าแบบอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก
ในเรื่องของมิติตัวถังนั้น แอคคอร์ด ใหม่มีขนาดลดลงจากรุ่นเดิมในด้านความยาวและความสูง แต่เพิ่มขึ้นในแง่ของระยะฐานล้อ ซึ่งจะส่งผลต่อความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร โดย ฮอนด้า บอกว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 2.16 นิ้วหรือ 54.8 มิลลิเมตรเป็น 2,830 มิลลิเมตร ส่วนความยาวลดลง 9 มิลลิเมตร เป็น 4,880 มิลลิเมตร ส่วนความสูงลดลง 15 มิลลิเมตรเป็น 1,450 มิลลิเมตร แต่ความกว้างเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตรเป็น 1,860 มิลลิเมตร
ในเรื่องของเครื่องยนต์ที่จะทำตลาดในช่วงแรกนั้นมีด้วยกัน 3 แบบ และเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1,500 ซีซี กลายเป็นขุมพลังหลักที่ประจำการอยู่ในรถยนต์ในคลาส C และ D ของ ฮอนด้า ไปแล้ว โดยขุมพลังบล็อกนี้มีกำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. ที่ 1,500-5,500 รอบ/นาที มีขายเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ CVT แบบมี Paddle Shift
อีกรุ่น คือเบนซินปกติ 4 สูบ ทวินแคม i-VTEC 2,000 ซีซี เทอร์โบ โดยใช้เทอร์โบของ IHI และเวสต์เกตอิเล็กทรอนิกส์ รีดกำลังออกมาได้ 252 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 37.6 กก.-ม. ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 10 จังหวะ
ปิดท้ายกับทางเลือกแห่งความประหยัดของรุ่นไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีแบบ NA เป็นต้นกำลัง และประกบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า และมีแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนในการเก็บกระแสไฟฟ้า โดยสเป็กในเรื่องของแรงม้าและแรงบิดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ และในรุ่นนี้จะใช้เกียร์ CVT แบบไฟฟ้า หรือ e-CVT
ทุกรุ่นมีล้อ 17 นิ้วติดตั้งมาจากโรงงาน และมีล้อ 19 นิ้วเป็นออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ที่น่าสนใจคือ มีการติดตั้งระบบปรับความหนืดของโช้กอัพ หรือ ADS-Adaptive Damper System มาตั้งแต่ต้นทางไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์อะไร โดนจะทำงานบนพื้นฐานของระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง
ในแง่ของระบบความปลอดภัยจัดเต็มตามสไตล์ Honda Sensing ซึ่งมีทั้งระบบแจ้งเตือนหากมีแนวโน้มว่าจะเกิดการชนทางด้านหน้า ระบบรักษาให้ตัวรถอยู่ในช่องทาง ระบบรักษาความเร็วแบบปรับความเร็วได้อัตโนมัติ หรือ Adaptive Cruise Control ระบบจดจำระบบสัญญาณไฟจราจร และระบบขับตามคันหน้าด้วยความเร็วต่ำสำหรับการใช้งานในเมือง
ในสหรัฐอเมริกาเผยโฉมออกมาให้เห็นแล้ว แต่จะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ ส่วนบ้านเราที่อ้างอิงกับสเปกของสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่รุ่นที่ 6 ซึ่งเปิดตัวในปี 1998 ก็ต้องรอดูว่าจะมีการปรับรายละเอียดตรงจุดไหนบ้าง และมากับสเป็กเครื่องยนต์รุ่นไหนในการทำตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี เทอร์โบ กับไฮบริดมีแนวโน้มว่าจะเป็น 2 รุ่นหลัก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
แอคคอร์ด เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นยอดนิยมของ ฮอนด้า ซึ่งมีขายอยู่ในตลาดทั่วโลก และมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก ซึ่งมียอดขายสะสมมากกว่า 13 ล้านคัน โดยที่เห็นอยู่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 นับตั้งแต่ชื่อนี้อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1976 และในตอนแรกมีการเผยโฉมออกมาเฉพาะรุ่นซีดาน 4 ประตูเท่านั้น ส่วนรุ่นคูเป้ที่จะขายควบคู่กันด้วยในตลาดอเมริกาเหนือนั้นยังไม่มีการเผยโฉมออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าตามมาอีกไม่นาน
สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับ แอคคอร์ด ใหม่ คือการรับเอาสไตล์การออกแบบของ ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งขายอยู่ในปัจจุบัน ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก และเส้นสายที่ทำให้ซีดาน 4 ประตูดูมีความสปอร์ตมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงท้ายที่ออกแบบให้ลาดเทและกล่องที่ 3 หรือด้านหลัง C-Pillar ดูสั้นจนคล้ายกับพวก Fastback พร้เอมกับติดตั้งฝากระโปรงหน้าแบบอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก
ในเรื่องของมิติตัวถังนั้น แอคคอร์ด ใหม่มีขนาดลดลงจากรุ่นเดิมในด้านความยาวและความสูง แต่เพิ่มขึ้นในแง่ของระยะฐานล้อ ซึ่งจะส่งผลต่อความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร โดย ฮอนด้า บอกว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 2.16 นิ้วหรือ 54.8 มิลลิเมตรเป็น 2,830 มิลลิเมตร ส่วนความยาวลดลง 9 มิลลิเมตร เป็น 4,880 มิลลิเมตร ส่วนความสูงลดลง 15 มิลลิเมตรเป็น 1,450 มิลลิเมตร แต่ความกว้างเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตรเป็น 1,860 มิลลิเมตร
ในเรื่องของเครื่องยนต์ที่จะทำตลาดในช่วงแรกนั้นมีด้วยกัน 3 แบบ และเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 1,500 ซีซี กลายเป็นขุมพลังหลักที่ประจำการอยู่ในรถยนต์ในคลาส C และ D ของ ฮอนด้า ไปแล้ว โดยขุมพลังบล็อกนี้มีกำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. ที่ 1,500-5,500 รอบ/นาที มีขายเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และ CVT แบบมี Paddle Shift
อีกรุ่น คือเบนซินปกติ 4 สูบ ทวินแคม i-VTEC 2,000 ซีซี เทอร์โบ โดยใช้เทอร์โบของ IHI และเวสต์เกตอิเล็กทรอนิกส์ รีดกำลังออกมาได้ 252 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 37.6 กก.-ม. ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 10 จังหวะ
ปิดท้ายกับทางเลือกแห่งความประหยัดของรุ่นไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีแบบ NA เป็นต้นกำลัง และประกบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า และมีแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนในการเก็บกระแสไฟฟ้า โดยสเป็กในเรื่องของแรงม้าและแรงบิดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ และในรุ่นนี้จะใช้เกียร์ CVT แบบไฟฟ้า หรือ e-CVT
ทุกรุ่นมีล้อ 17 นิ้วติดตั้งมาจากโรงงาน และมีล้อ 19 นิ้วเป็นออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ที่น่าสนใจคือ มีการติดตั้งระบบปรับความหนืดของโช้กอัพ หรือ ADS-Adaptive Damper System มาตั้งแต่ต้นทางไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์อะไร โดนจะทำงานบนพื้นฐานของระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง
ในแง่ของระบบความปลอดภัยจัดเต็มตามสไตล์ Honda Sensing ซึ่งมีทั้งระบบแจ้งเตือนหากมีแนวโน้มว่าจะเกิดการชนทางด้านหน้า ระบบรักษาให้ตัวรถอยู่ในช่องทาง ระบบรักษาความเร็วแบบปรับความเร็วได้อัตโนมัติ หรือ Adaptive Cruise Control ระบบจดจำระบบสัญญาณไฟจราจร และระบบขับตามคันหน้าด้วยความเร็วต่ำสำหรับการใช้งานในเมือง
ในสหรัฐอเมริกาเผยโฉมออกมาให้เห็นแล้ว แต่จะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ ส่วนบ้านเราที่อ้างอิงกับสเปกของสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่รุ่นที่ 6 ซึ่งเปิดตัวในปี 1998 ก็ต้องรอดูว่าจะมีการปรับรายละเอียดตรงจุดไหนบ้าง และมากับสเป็กเครื่องยนต์รุ่นไหนในการทำตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี เทอร์โบ กับไฮบริดมีแนวโน้มว่าจะเป็น 2 รุ่นหลัก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring