วานนี้ (30 ต.ค.) บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานเปิดตัว “พานาเมร่า ใหม่” โดยรุ่นที่นำมาอวดโฉมคือตัวท็อป“เทอร์โบ” ราคา 21.9 ล้านบาท
พานาเมร่า เจเนอเรชั่นที่ 2 เป็นสปอร์ตแกรนทัวริ่ง 4 ประตู ที่เตรียมทำตลาดครบไลน์คือ รุ่นเทอร์โบ 550 แรงม้า รุ่น 4เอส 440 และ 4เอส อี-ไฮบริด (ปลั๊ก-อินไฮบริด) กำลัง 462 แรงม้า
ปอร์เช่ บอกว่า ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของประสิทธิภาพการทำงานและสมรรถนะที่เหนือชั้นพร้อมนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่เครื่องยนต์ V6 และ V8 biturbo ซึ่งได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นสำหรับติดตั้งลงใน พานาเมร่า ใหม่โดยเฉพาะ ขุมพลังทุกขนาดความจุนั้นล้วนแล้วแต่ผ่านการยกระดับให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของพละกำลังสูงสุดที่มากยิ่งขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ชั้นเลิศประจำการร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ หรือ PDK II ขณะที่ พานาเมร่า เทอร์โบ และ พานาเมร่า 4เอส ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ permanent all-wheel drive system
โดยปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ วางเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร biturbo ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้าที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ที่ 1,960-4,500 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้น 30 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 70 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม) อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.8 วินาที และ 3.6 วินาทีเมื่อได้รับการติดตั้งชุดแต่งสปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ความเร็วสูงสุด 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก (power-to-weight ratio) อยู่ในระดับ 3.6 กิโลกรัมต่อแรงม้า
ด้านพานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ให้กำลังสูงสุดถึง 462 แรงม้าจากการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5/100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงของยานพาหนะ plug-in hybrid ของ NEDC และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (Co2) ในอัตรา 56 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ รุ่น plug-in hybrid ใหม่ล่าสุดคันนี้สามารถออกสตาร์ทได้ด้วยพลังงานจากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวและเดินทางต่อเนื่องได้เป็นระยะทางถึง 50 กิโลเมตร ในฐานะของยานพาหนะที่ปราศจากมลภาวะความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรับหน้าที่ในการถ่ายทอดแรงบิดมหาศาลกว่า 700 นิวตันเมตร
อัตราเร่งจากจุดสตาร์ทไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.6 วินาที ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมและยึดเกาะถนนเป็นเยี่ยมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและระบบช่วงล่างแบบถุงลม three-chamber air suspension เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจในเสถียรภาพการทรงตัวเฉกเช่นรถสปอร์ต ขณะเดียวกันยังกับการได้รับความนุ่มนวลสะดวกสบายในทุกเส้นทางตามนิยามของซาลูนสุดหรูหรา
นอกจากนี้ ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลาย อาทิ ระบบช่วงล่างแบบถุงลม three-chamber air suspension ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering และระบบควบคุมการทำงานของตัวถัง electronic 4D Chassis Control รวมไปถึงระบบช่วยเหลือล้ำสมัยอีกมากมายที่เพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ราคาเริ่มต้น 9.8 ล้านบาท (ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว) ส่งมอบรถได้ตั้งแต่กลางปีหน้า
- พานาเมร่า 4 เอส ราคาเริ่มต้น 13.5 ล้านบาท ส่งมอบรถได้ต้นปีหน้า
- พานาเมร่า เทอร์โบ ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท ส่งมอบรถได้ต้นปีหน้า
พานาเมร่า เจเนอเรชั่นที่ 2 เป็นสปอร์ตแกรนทัวริ่ง 4 ประตู ที่เตรียมทำตลาดครบไลน์คือ รุ่นเทอร์โบ 550 แรงม้า รุ่น 4เอส 440 และ 4เอส อี-ไฮบริด (ปลั๊ก-อินไฮบริด) กำลัง 462 แรงม้า
ปอร์เช่ บอกว่า ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของประสิทธิภาพการทำงานและสมรรถนะที่เหนือชั้นพร้อมนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่เครื่องยนต์ V6 และ V8 biturbo ซึ่งได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นสำหรับติดตั้งลงใน พานาเมร่า ใหม่โดยเฉพาะ ขุมพลังทุกขนาดความจุนั้นล้วนแล้วแต่ผ่านการยกระดับให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของพละกำลังสูงสุดที่มากยิ่งขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ชั้นเลิศประจำการร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ หรือ PDK II ขณะที่ พานาเมร่า เทอร์โบ และ พานาเมร่า 4เอส ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ permanent all-wheel drive system
โดยปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ วางเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร biturbo ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้าที่ 5,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ที่ 1,960-4,500 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้น 30 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 70 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม) อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.8 วินาที และ 3.6 วินาทีเมื่อได้รับการติดตั้งชุดแต่งสปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ความเร็วสูงสุด 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก (power-to-weight ratio) อยู่ในระดับ 3.6 กิโลกรัมต่อแรงม้า
ด้านพานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ให้กำลังสูงสุดถึง 462 แรงม้าจากการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5/100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงของยานพาหนะ plug-in hybrid ของ NEDC และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (Co2) ในอัตรา 56 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ รุ่น plug-in hybrid ใหม่ล่าสุดคันนี้สามารถออกสตาร์ทได้ด้วยพลังงานจากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวและเดินทางต่อเนื่องได้เป็นระยะทางถึง 50 กิโลเมตร ในฐานะของยานพาหนะที่ปราศจากมลภาวะความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรับหน้าที่ในการถ่ายทอดแรงบิดมหาศาลกว่า 700 นิวตันเมตร
อัตราเร่งจากจุดสตาร์ทไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.6 วินาที ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมและยึดเกาะถนนเป็นเยี่ยมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและระบบช่วงล่างแบบถุงลม three-chamber air suspension เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจในเสถียรภาพการทรงตัวเฉกเช่นรถสปอร์ต ขณะเดียวกันยังกับการได้รับความนุ่มนวลสะดวกสบายในทุกเส้นทางตามนิยามของซาลูนสุดหรูหรา
นอกจากนี้ ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลาย อาทิ ระบบช่วงล่างแบบถุงลม three-chamber air suspension ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering และระบบควบคุมการทำงานของตัวถัง electronic 4D Chassis Control รวมไปถึงระบบช่วยเหลือล้ำสมัยอีกมากมายที่เพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ราคาเริ่มต้น 9.8 ล้านบาท (ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว) ส่งมอบรถได้ตั้งแต่กลางปีหน้า
- พานาเมร่า 4 เอส ราคาเริ่มต้น 13.5 ล้านบาท ส่งมอบรถได้ต้นปีหน้า
- พานาเมร่า เทอร์โบ ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท ส่งมอบรถได้ต้นปีหน้า