หลังจาก“ผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวระดับ “เวิล์ด พรีเมียร์ ลอนซ์” ของ“ปอร์เช่ พานาเมร่า โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่สองที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกได้เผยโฉมของรุ่น 4S เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 2.9 ลิตร ไบ-เทอร์โบ 400 แรงม้า และรุ่นเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน วี8 4.0 ลิตร ไบ-เทอร์โบ 550 แรงม้า รวมถึงรุ่นดีเซล วี8 ขนาด 4.0 ลิตร 422 แรงม้า รวม 3 ทางเลือกในรูปแบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine)
ล่าสุดก็เป็นไปตามคาดและไม่ต้องรอกันนานสำหรับรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ปอร์เช่ประกาศว่าจะนำไปอวดโฉมในงานปารีส มอเตอร์โชว์2016 ต้นเดือนตุลาคมนี้
โดยรถสปอร์ตซาลูนขุมพลังลูกผสมเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าและสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ จะใช้ชื่อในการทำตลาดว่า พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ขณะที่ระบบไฮบริดปลดปล่อยพละกำลังได้สูงสุด 462 แรงม้า และเคลมอัตราการบริโภคน้ำมันไว้ 40 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราบริโภคในรถยนต์ plug-in hybrid ของยุโรปหรือ NEDC) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (Co2) เพียง 56 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการคิดภาษีสรรพสามิตในประเทศไทย
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สามารถเริ่มการทำงานได้จากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือขับเคลื่อนโดยปราศจากมลพิษ (zero-emission) ได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ขณะที่ความเร็วสูงสุดในโหมด EVนี้ ไล่ไปได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยกำลังเสริมจากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าอีกกว่า 136 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร ผสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันกับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 2.9 ลิตรไบเทอร์โบ 330 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 8 จังหวะ
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแรงบิดทั้งหมดได้รับการส่งต่อไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 อย่างสมบูรณ์โดยมีระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ three-chamber air suspension
สำหรับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยปอร์เช่ผสานพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 สมรรถนะสูง พร้อมระบบ electric clutch actuator (ECA) นวัตกรรมเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ที่ได้รับการติดตั้งลงใน ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ ทำงานด้วยการควบคุมของชุด electro-mechanically ซึ่งให้การตอบสนองที่แม่นยำฉับไวมากกว่าการควบคุมด้วย electro-hydraulic แบบเดิมใน พานาเมร่ารุ่นก่อนหน้า จึงเป็นที่มาของการถ่ายทอดกำลังที่มีความรวดเร็วและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น
ด้านแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยของเหลวหรือ liquid-cooled Lithium-ion battery ที่ได้รับการติดตั้งอยู่บริเวณพื้นตัวถังใต้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ แม้มีอัตราความจุพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 9.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมงในรุ่นเดิม เป็น 14.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมงในรุ่นใหม่ แต่กลับมีน้ำหนักที่ไม่แตกต่างกัน และสามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ในเวลา 5.8 ชั่วโมงสำหรับสายชาร์จขนาด 230-V, 10-A อย่างไรก็ตาม ถ้าเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบพิเศษ 7.2 kW on-board charger และสายชาร์จขนาด 230-V, 32-A จะใช้เวลาชาร์จไฟเพียง 3.6 ชั่วโมง
สำหรับการทำตลาดในไทยมาแน่ๆ แต่ต้องไปว่ากันในปีหน้า 2560
ล่าสุดก็เป็นไปตามคาดและไม่ต้องรอกันนานสำหรับรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ปอร์เช่ประกาศว่าจะนำไปอวดโฉมในงานปารีส มอเตอร์โชว์2016 ต้นเดือนตุลาคมนี้
โดยรถสปอร์ตซาลูนขุมพลังลูกผสมเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าและสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ จะใช้ชื่อในการทำตลาดว่า พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ขณะที่ระบบไฮบริดปลดปล่อยพละกำลังได้สูงสุด 462 แรงม้า และเคลมอัตราการบริโภคน้ำมันไว้ 40 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราบริโภคในรถยนต์ plug-in hybrid ของยุโรปหรือ NEDC) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (Co2) เพียง 56 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการคิดภาษีสรรพสามิตในประเทศไทย
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สามารถเริ่มการทำงานได้จากระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือขับเคลื่อนโดยปราศจากมลพิษ (zero-emission) ได้เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ขณะที่ความเร็วสูงสุดในโหมด EVนี้ ไล่ไปได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยกำลังเสริมจากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าอีกกว่า 136 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร ผสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันกับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 2.9 ลิตรไบเทอร์โบ 330 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ PDK 8 จังหวะ
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแรงบิดทั้งหมดได้รับการส่งต่อไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 อย่างสมบูรณ์โดยมีระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ three-chamber air suspension
สำหรับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยปอร์เช่ผสานพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์เบนซิน วี6 สมรรถนะสูง พร้อมระบบ electric clutch actuator (ECA) นวัตกรรมเทคโนโลยีทางวิศวกรรมยานยนต์ที่ได้รับการติดตั้งลงใน ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ ทำงานด้วยการควบคุมของชุด electro-mechanically ซึ่งให้การตอบสนองที่แม่นยำฉับไวมากกว่าการควบคุมด้วย electro-hydraulic แบบเดิมใน พานาเมร่ารุ่นก่อนหน้า จึงเป็นที่มาของการถ่ายทอดกำลังที่มีความรวดเร็วและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น
ด้านแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยของเหลวหรือ liquid-cooled Lithium-ion battery ที่ได้รับการติดตั้งอยู่บริเวณพื้นตัวถังใต้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ แม้มีอัตราความจุพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 9.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมงในรุ่นเดิม เป็น 14.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมงในรุ่นใหม่ แต่กลับมีน้ำหนักที่ไม่แตกต่างกัน และสามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ในเวลา 5.8 ชั่วโมงสำหรับสายชาร์จขนาด 230-V, 10-A อย่างไรก็ตาม ถ้าเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบพิเศษ 7.2 kW on-board charger และสายชาร์จขนาด 230-V, 32-A จะใช้เวลาชาร์จไฟเพียง 3.6 ชั่วโมง
สำหรับการทำตลาดในไทยมาแน่ๆ แต่ต้องไปว่ากันในปีหน้า 2560
