จัดกันอย่างต่อเนื่องสำหรับกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นตลอด 14 ปี สำหรับ “อีซูซุคาราวานสัญจร” โดยในปีนี้ อีซูซุเบิกฤกษ์ดีที่บุกตลาดลาว นำประชาคมอีซูซุ พร้อมคณะสื่อมวลชนกว่า 150 ชีวิต ลัดเลาะเส้นทางจากด่านช่องเม็ก - วังเต่า สู่หลายเมืองใน สปป. ลาว โดยมีจุดหมายปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทร์ รวมเวลา 5 วัน 4 คืน
สำหรับพิธีตีธงปล่อยตัวคาราวานสัญจร จัดขึ้น ณ โชว์รูมอีซูซุตังปักอุบล โดยได้รับเกียรติจาก นายพิสุทธิ์ บุษยพรรณพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, นายนพรัตน์ กอกหวาน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี, นายอาร์. อิมาอิ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายขายดีลเลอร์ บี พร้อมด้วย อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดคาราวาน ร่วมพิธี ปล่อยขบวนรถอีซูซุรวม 32 คัน เพื่อมุ่งหน้าสู่ เมืองปากเซ อันเป็นที่หมายแรกของการเดินทาง
คณะคาราวานได้แวะชม ปราสาทวัดพู ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑสถานได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนจากองค์การ UNESCO เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของลาว จุดเด่นคือภูเขาด้านหลังปราสาทที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นได้แต่ไกลรูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผานี้ว่า “เขานมสาว” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกภูเกล้ามากกว่า
อาณาเขตของปราสาทวัดพูเริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้น 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่ชั้นบนสุด นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่แข่งเรือและที่สรงน้ำสำหรับพิธีกรรมต่างๆ
วันที่ 2 ขบวนคาราวานอีซูซุ เดินทางกันต่อ โดยวันนี้จุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองสะหวันนะเขต แต่ในระหว่างทางเราได้แวะชม น้ำตกตาดฟาน เมืองปากซอง จุดเด่นอยู่ตรงสายน้ำ 2 สาย ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงราว 120 เมตร โดยสายน้ำทางซ้ายมือไหมมาจากห้วยผักกูดและทางขวามือเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติดงหัวสาว มีจุดชมวิวที่ตั้งอยู่คนละฟากเขากับตัวน้ำตก ในระดับความสูงเท่า ๆ กัน แต่ช่วงที่เราไปมีหมอกปกคลุมน้ำตกจนมองไม่เห็นเลยต้องนั่งรอกัน สุดท้ายก็ได้ชมแม้จะเป็นเพียงแค่แว็บเดียว
สำหรับวันที่ 3 พวกเราได้ไปสักการะ พระธาตุอิงฮัง พระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีความสูง 25 เมตร กว้างด้านละ 9 เมตร ว่ากันว่าเป็นพระธาตุคู่แฝดของพระธาตุพนมของไทย มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมย่อมุมเหมือนหอปราสาท เป็นเจดีย์แบบผสมวิหาร มีภาพสลักนูนสูงออกแนวฮินดูประดับโดยรอบ คาดว่าน่าจะเป็นศิลปะแบบเขมร องค์ พระธาตุเป็นเจดีย์ 3 ฐาน ลดหลั่นกันเป็นลำดับ โดยฐานล่าง-กลาง เป็นศิลปะแบบดั้งเดิม แต่ฐานบนและยอดเจดีย์เป็นศิลปะสมัยล้านช้าง
รอบผนังกำแพงพระธาตุด้านในเป็นศาลาวนรอบ มีพระพุทธรูปวางเรียงรายทั้งสี่ด้าน พระธาตุแห่งนี้ถือเป็นพระธาตุคู่แขวงสาละวัน ซึ่งตามประวัติศาสตร์เชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังบริเวณที่เป็นพระธาตุอิงฮังในปัจจุบัน และทรงฉันภัตตาหารเพลบริเวณใต้ต้น “อิงฮัง” หรือต้นสาละในภาษาไทย
หลังจากนั้นเดินทางไปยังนครหลวงเวียงจันทร์ โดยในช่วงค่ำคืนนั้น อีซูซุได้จัดงานเลี้ยงรับรองขึ้น โดยมีนางปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุ เซลส์ จำกัด และ นาย อา คิระ โอดางากิ ผู้จัดการทั่วไป ดูแลรับผิดชอบตลาดลาวและกัมพูชา พร้อมผู้จัดจำหน่ายอีซูซุในประเทศลาว ร่วมงาน บรรยากาศในงานนอกจากจะมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมชนชาติลาวสนุกๆ มาให้ชื่นชมแล้วนั้น ยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ จาก “คุณจอห์น - นรศักดิ์ รัตนเวโรจน์” หนึ่งในประชาคมอีซูซุ ร่วมร้องเพลงสร้างสีสันความคึกคักในยามค่ำ ให้อิ่มเอมไปด้วยรอยยิ้ม และมิตรภาพของผู้ร่วมเดินทาง ก่อนจบค่ำคืนประทับใจ ด้วยคำบอกเล่าความรู้สึกพิเศษ จากลูกค้าอีซูซุทุกท่าน แถมท้ายเป็นคำราตรีสวัสดิ์แสนหวานก่อนเข้านอน
รุ่งขึ้นเปลี่ยนโหมดมานั่งรถบัสชมเมือง - สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองเวียงจันทร์ แบบสบายๆ โดยเริ่มตั้งแต่ พระธาตุหลวง (พระเจดีย์โลกะจุฬามณี) เป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติและยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย
พระธาตุหลวง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 มีรูปทรงเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร พระธาตุหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เพราะมีการสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมรอบองค์พระธาตุไว้ พร้อมทำช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ไว้โดยตลอด สำหรับประตูทางเข้านั้นเป็นประตูไม้บานใหญ่ลงรักสีแดงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้รอบ ๆ องค์พระธาตุใหญ่ยังมีเจดีย์บริวารล้อมรอบอยู่โดยรอบอีกหลายองค์
มาต่อกันที่ประตูชัย ๆ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเวียงจันทร์บนถนนล้านช้างไปสิ้นสุดที่บริเวณประตูชัย สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการฎิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “รันเวย์แนวตั้ง” เพราะการก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้ ใช้ปูนที่อเมริกาซื้อเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันได้สร้างอเมริกาแพ้สงครามในอินโดจีนเสียก่อน จึงนำปูนซีเมนต์มาสร้างประตูชัยแทน
ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย เป็นต้น
วัดศรีสะเกษ (วัดสีสะเกด) หรือ วัดสะตะสะหัดสาราม ตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ติดกับหอคำ พระราชวังหลวงของกษัตริย์ลาวสมัยก่อน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2094 โดยพระเจ้าโพธิสารราช พระบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในศตวรรษที่ 16 เป็นวัดเดียวที่ไม่โดนทำลายในช่วงสงคราม หลังจากสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2367 พระเจ้าอนุวงศ์ก็ได้นำพาประชาชนลาวบำเพ็ญกุศุลเฉลิมฉลองเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน
สิ่งที่ได้ก่อสร้างพร้อมกันนี้มีหอพระไตรปิฎกภายในบริเวณหอพิพิธภัณฑ์ แต่ละด้านมีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ อยู่ตามฝาผนังที่ทำด้วยดินเผา ไม้ และอื่น ๆ รวมทั้งหมด 120 องค์ รวมทั้งหมด 10,136 องค์ ซึ่งประชาชนได้พร้อมใจกันหล่อนำมาถวาย
ก่อนจะออกจากประเทศลาวสู่จังหวัดอุดรธานี คณะเราได้ไปกราบไหว้ วัดพระศรีเมือง (วัดแห่งโชคลาภ) เป็นสถานที่สุดท้าย แต่อากาศไม่เอื้ออำนวยฝนตกลงมา เลยไม่มีภาพมาให้ชมกัน วัดสีเมือง เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2106 โดยเหล่าเสนาอำมาตย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ต่อมาถูกกองทัพสยามทำลายลงในปี พ.ศ. 2371 และสร้างวัดสีเมืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2458 วัดนี้ไกด์สาวสวยของเราแอนนา บอกว่าขอพรได้หมด ยกเว้นเรื่องความรัก นะคะ
ความสนุกแบบนี้ อีซูซุจัดให้ลูกค้าผู้ใช้รถทุกท่านเป็นประจำเต็มอิ่ม ปีละ 4 เส้นทางและเส้นทางไทย-ลาว เป็นส้นทางที่ 3 สำหรับเส้นทางสุดท้ายในปีนี้ อีซูซุคาราวานสัญจร” เป็นเส้นทางที่ 4 ชุมพร - เพชรบุรี ซึ่งขบวนคาราวานจะเริ่มเดินทางกัน ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน ศกนี้ ลูกค้าอีซูซุท่านใดสนทริปแบบนี้ ก็คอยฟังข่าวสารจากบริษัทตรีเพชรอีซูซุเซลส์ได้ เพราะจัดทุก ปี ๆ หนึ่งหลายเส้นทาง สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม
*** MGR MOTORING ...แจกบัตร Big Motor Sale ท่านละ 2 ใบ มารับได้ที่บ้านพระอาทิตย์ เวลา 8.30-18.00 น. วันจันทร์-ศุกร์ โทร 02-629-4488 งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-28 สิงหาคม ที่ไบเทค บางนา