แม้ใครมองว่าช่วงกลางปีต่อเนื่องถึงไตรมาสที่3 จะเป็นนอกฤดูกาลขายรถยนต์ ซึ่งต่างจากปลายปีและต้นปีที่สถานการณ์ตลาดคึกคักกว่า ทั้งในแง่กำลังซื้อและการระดมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่สอดคล้องกัน ทว่ากลุ่มรถยนต์ระดับหรูที่ตลาดมักอยู่เหนือภาวะเศรษฐกิจ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ติดตาม และยิ่งน่าสนใจเมื่อเป็นการขยับจาก“เมอร์เซเดส-เบนซ์”
เจ้าพ่อรถหรูดูจะไม่สะท้านกับภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ เมื่อพิจารณาจากยอดขาย 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ค.2559) ทำได้ 6,504 คันเติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สวนทางกับตลาดรถหรูที่ยอดขายลดลงเล็กน้อย
โดยต้นปีเปิดตัวไปสามโมเดลใหญ่ๆนั่น คือ “อี-คลาส โฉมใหม่” W213 และรถยนต์ระบบปลั๊ก-อินไฮบริด “ซี-คลาส” “เอส-คลาส” ล่าสุดเสริมทัพอีกหนึ่งรุ่นคือ “จีแอลอี-คลาส” ซึ่งล้วนเป็นรุ่นประกอบในประเทศพร้อมทำราคาได้น่าสนใจ อย่างเอสยูวี GLE 500e 4MATIC เริ่มต้นเพียง 4.49 ล้านบาท
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้เทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดเป็นทางเลือกที่ดีของการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะขับขี่ในเมืองปล่อยไอเสียน้อย หรือวิ่งออกนอกเมืองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จไฟ
สำหรับ GLE 500e 4MATIC จะเข้ามาเติมเต็มกลุ่ม Mercedes-Benz electric Driving หลังจากนำเสนอ S 500e และ C 350e ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะอันทรงพลัง แต่ยังคงตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม และ ความประหยัด
“เราวางแผนนำเสนอรถยนต์ Mercedes-Benz electric Driving ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นการปูรากฐานไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียเลย (Zero Emission) ภายใต้กลยุทธ์ที่เป็นแนวทางการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2025” นายไมเคิล เกรเว่ กล่าว
นอกจากเอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริด ที่สร้างความฮือฮาแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังฉีกทุกข้อจำกัดของฤดูกาล ด้วยการเตรียมแนะนำรถยนต์อีก 4 รุ่นใหม่ ในกลุ่ม Dream Car (รถสปอร์ตในฝัน รถสมรรถนะสูง) ซึ่งล้วนเป็นตัวถังเปิดประทุนทั้งสิ้น
เริ่มจากโรดสเตอร์น้องเล็กที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อในการทำตลาดจาก SLK เป็น SLC ตามนโยบายการปรับชื่อรุ่นใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งกลุ่มรถสปอร์ตและเอสยูวี
ในเวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ของ SLK เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้จังหวะในการเปลี่ยนชื่อในการทำตลาด พร้อมใช้รหัสตัวถังใหม่จาก R172 เป็น R173
สำหรับเมืองไทยจะทำตลาดกับรุ่น SLC300 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. สนนราคา 3.99 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังไม่ลืมตัวแรง AMG ที่เหมือนจะต้องเสริมเข้ามาในทุกตระกูลเป็นภาคบังคับไปแล้ว โดยโรดสเตอร์คันนี้มาพร้อมชื่อ Mercedes-AMG SLC 43 วางเบนซิน วี6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.7 วินาที
เมื่อมีตัวเล็ก SLC ก็ต้องมีสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นใหญ่ SL ที่เพิ่งเปิดตัวโฉมเฟสลิฟท์ปลายปีที่แล้ว โดยจะนำเข้ารุ่น SL400 ที่วางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ Mercedes-AMG SLC 43 คือ วี6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที คาดว่าราคาขายประมาณ 14 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยการปัดฝุ่นเวอร์ชันเปิดประทุนของ “เอส-คลาส” กลับมาทำตลาดอีกครั้ง(หลังเคยมีตัวถังนี้แต่เลิกไปในปี 1971) ซึ่งตัวถังนี้แตกต่างจาก SL โดยสิ้นเชิงและไม่ความเกี่ยวเนื่องหรือแชร์แพลตฟอร์มร่วมกัน
แน่นอนว่า SL ยังเป็นตัวท็อปของโรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง แต่“เอส-คลาส เปิดประทุน” (คาบริโอเลต) เน้นความหรูหราแบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งต่อยอดมาจากตัวถังคูเป้ และการทำตลาดจะมาในรุ่น S 500 Cabriolet พกเครื่องยนต์เบนซิน วี8 4.7 ลิตร เทอร์โบคู่ 455 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ส่วนราคาน่าจะอยู่แถวๆ 16 ล้านบาท
...ถือเป็นรถยนต์เปิดประทุน 4 รุ่นใหม่ที่จะเข้ามาท้าทายสายฝนเทกระหน่ำในช่วงนี้ โดยบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัว อย่างเป็นทางการในงาน “สตาร์เฟส 2016” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Unleash your senses” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 23 - 28 สิงหาคมนี้
เจ้าพ่อรถหรูดูจะไม่สะท้านกับภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ เมื่อพิจารณาจากยอดขาย 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ค.2559) ทำได้ 6,504 คันเติบโต 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สวนทางกับตลาดรถหรูที่ยอดขายลดลงเล็กน้อย
โดยต้นปีเปิดตัวไปสามโมเดลใหญ่ๆนั่น คือ “อี-คลาส โฉมใหม่” W213 และรถยนต์ระบบปลั๊ก-อินไฮบริด “ซี-คลาส” “เอส-คลาส” ล่าสุดเสริมทัพอีกหนึ่งรุ่นคือ “จีแอลอี-คลาส” ซึ่งล้วนเป็นรุ่นประกอบในประเทศพร้อมทำราคาได้น่าสนใจ อย่างเอสยูวี GLE 500e 4MATIC เริ่มต้นเพียง 4.49 ล้านบาท
ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้เทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดเป็นทางเลือกที่ดีของการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะขับขี่ในเมืองปล่อยไอเสียน้อย หรือวิ่งออกนอกเมืองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จไฟ
สำหรับ GLE 500e 4MATIC จะเข้ามาเติมเต็มกลุ่ม Mercedes-Benz electric Driving หลังจากนำเสนอ S 500e และ C 350e ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะอันทรงพลัง แต่ยังคงตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม และ ความประหยัด
“เราวางแผนนำเสนอรถยนต์ Mercedes-Benz electric Driving ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นการปูรากฐานไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียเลย (Zero Emission) ภายใต้กลยุทธ์ที่เป็นแนวทางการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2025” นายไมเคิล เกรเว่ กล่าว
นอกจากเอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริด ที่สร้างความฮือฮาแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังฉีกทุกข้อจำกัดของฤดูกาล ด้วยการเตรียมแนะนำรถยนต์อีก 4 รุ่นใหม่ ในกลุ่ม Dream Car (รถสปอร์ตในฝัน รถสมรรถนะสูง) ซึ่งล้วนเป็นตัวถังเปิดประทุนทั้งสิ้น
เริ่มจากโรดสเตอร์น้องเล็กที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อในการทำตลาดจาก SLK เป็น SLC ตามนโยบายการปรับชื่อรุ่นใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งกลุ่มรถสปอร์ตและเอสยูวี
ในเวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ของ SLK เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้จังหวะในการเปลี่ยนชื่อในการทำตลาด พร้อมใช้รหัสตัวถังใหม่จาก R172 เป็น R173
สำหรับเมืองไทยจะทำตลาดกับรุ่น SLC300 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 245 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. สนนราคา 3.99 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังไม่ลืมตัวแรง AMG ที่เหมือนจะต้องเสริมเข้ามาในทุกตระกูลเป็นภาคบังคับไปแล้ว โดยโรดสเตอร์คันนี้มาพร้อมชื่อ Mercedes-AMG SLC 43 วางเบนซิน วี6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.7 วินาที
เมื่อมีตัวเล็ก SLC ก็ต้องมีสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นใหญ่ SL ที่เพิ่งเปิดตัวโฉมเฟสลิฟท์ปลายปีที่แล้ว โดยจะนำเข้ารุ่น SL400 ที่วางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ Mercedes-AMG SLC 43 คือ วี6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที คาดว่าราคาขายประมาณ 14 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยการปัดฝุ่นเวอร์ชันเปิดประทุนของ “เอส-คลาส” กลับมาทำตลาดอีกครั้ง(หลังเคยมีตัวถังนี้แต่เลิกไปในปี 1971) ซึ่งตัวถังนี้แตกต่างจาก SL โดยสิ้นเชิงและไม่ความเกี่ยวเนื่องหรือแชร์แพลตฟอร์มร่วมกัน
แน่นอนว่า SL ยังเป็นตัวท็อปของโรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง แต่“เอส-คลาส เปิดประทุน” (คาบริโอเลต) เน้นความหรูหราแบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งต่อยอดมาจากตัวถังคูเป้ และการทำตลาดจะมาในรุ่น S 500 Cabriolet พกเครื่องยนต์เบนซิน วี8 4.7 ลิตร เทอร์โบคู่ 455 แรงม้า ประกบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ส่วนราคาน่าจะอยู่แถวๆ 16 ล้านบาท
...ถือเป็นรถยนต์เปิดประทุน 4 รุ่นใหม่ที่จะเข้ามาท้าทายสายฝนเทกระหน่ำในช่วงนี้ โดยบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัว อย่างเป็นทางการในงาน “สตาร์เฟส 2016” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Unleash your senses” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 23 - 28 สิงหาคมนี้
