ซัสโก้ เดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงกับกำไรครึ่งปีแรกที่พุ่งขึ้นถึง20% มั่นใจยังโตได้อีกเพราะดีมานต์ในตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นเหตุราคาเป็นแรงกระตุ้นหลักที่สำคัญ เตรียมงบลงทุนกว่า 200ล้านบาทผุดสถานีบริการแตะ 250 แห่งทั่วประเทศในปี 2560 พร้อมดันการเติบโตธุรกิจ Non-oil เสริมแกร่งรายได้จากปัจจุบันสู่อนาคตและขยายการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านหลังล่าสุดเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ (SUSCO) เปิดเผยว่าปี 2559 ถือเป็นปีที่ซัสโก้สามารถสร้างยอดขายได้ดีที่สุดในรอบกว่า30 ปี โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ซัสโก้สามารถสร้างยอดขายได้สูงเกือบ 10,000ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 170 ล้านบาทคิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้ประกาศปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาทกำหนดจ่ายในวันที่ 7 กันยายน 2559สำหรับการเติบโตดังกล่าวเกิดจากปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มสถานีบริการ และการขายไปต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
“ซัสโก้วางแผนที่จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันให้ได้ 250 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2560 ซึ่งปัจจุบันเรามีสาขารวม 224แห่ง ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของปี 2559 ซัสโก้ได้เปิดดำเนินการสาขาใหม่ไปแล้ว5สาขา จากเป้าที่ตั้งไว้ 10 สาขาในปี 2559 ซึ่งเราจะใช้งบ100ล้านบาทเพื่อการลงทุนในส่วนนี้”นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้แผนในการเพิ่มรายได้ของซัสโก้อีกหนึ่งกลยุทธ์ก็คือการจับมือแบรนด์พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมอบบริการด้าน Non-oil แก่ผู้บริโภค “ปัจจุบันซัสโก้ได้ผนึกพลังร่วมกับเหล่าแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ ลอว์สัน108 ร้านสะดวกซื้อจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับโฉมของสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันมากขึ้น และยังเปิดรับแบรนด์ต่างๆ ให้เข้ามาร่วมสร้างการเติบโตร่วมกันอีกจำนวนมาก รองรับแผนการขยายสาขาในอนาคตนอกจากนี้ การรุกตลาดในต่างประเทศของซัสโก้ก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของซัสโก้มาจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศประมาณ 35% และในประเทศ 65%โดยตลาดหลักที่สำคัญได้แก่ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์”
เกี่ยวกับภาพรวมตลาดน้ำมันนั้น นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า “ในปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในขณะที่อัตราการบริโภคทั้งด้านครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ทั้งในไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น และคาดว่าจะเกิดการเติบโตเช่นนี้ไปจนถึงปี 2560 ด้านรูปลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมันในไทยจะมีการพัฒนาให้เติมเต็มไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยจะเพิ่มบริการในด้านค้าปลีกเข้ามาเสริมเพื่อรองรับวิถีชีวิตที่เร่งรีบในยุคปัจจุบัน”
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ (SUSCO) เปิดเผยว่าปี 2559 ถือเป็นปีที่ซัสโก้สามารถสร้างยอดขายได้ดีที่สุดในรอบกว่า30 ปี โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ซัสโก้สามารถสร้างยอดขายได้สูงเกือบ 10,000ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 170 ล้านบาทคิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้ประกาศปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาทกำหนดจ่ายในวันที่ 7 กันยายน 2559สำหรับการเติบโตดังกล่าวเกิดจากปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มสถานีบริการ และการขายไปต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
“ซัสโก้วางแผนที่จะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันให้ได้ 250 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2560 ซึ่งปัจจุบันเรามีสาขารวม 224แห่ง ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของปี 2559 ซัสโก้ได้เปิดดำเนินการสาขาใหม่ไปแล้ว5สาขา จากเป้าที่ตั้งไว้ 10 สาขาในปี 2559 ซึ่งเราจะใช้งบ100ล้านบาทเพื่อการลงทุนในส่วนนี้”นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้แผนในการเพิ่มรายได้ของซัสโก้อีกหนึ่งกลยุทธ์ก็คือการจับมือแบรนด์พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมอบบริการด้าน Non-oil แก่ผู้บริโภค “ปัจจุบันซัสโก้ได้ผนึกพลังร่วมกับเหล่าแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ ลอว์สัน108 ร้านสะดวกซื้อจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับโฉมของสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันมากขึ้น และยังเปิดรับแบรนด์ต่างๆ ให้เข้ามาร่วมสร้างการเติบโตร่วมกันอีกจำนวนมาก รองรับแผนการขยายสาขาในอนาคตนอกจากนี้ การรุกตลาดในต่างประเทศของซัสโก้ก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของซัสโก้มาจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศประมาณ 35% และในประเทศ 65%โดยตลาดหลักที่สำคัญได้แก่ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์”
เกี่ยวกับภาพรวมตลาดน้ำมันนั้น นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า “ในปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในขณะที่อัตราการบริโภคทั้งด้านครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ทั้งในไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น และคาดว่าจะเกิดการเติบโตเช่นนี้ไปจนถึงปี 2560 ด้านรูปลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมันในไทยจะมีการพัฒนาให้เติมเต็มไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยจะเพิ่มบริการในด้านค้าปลีกเข้ามาเสริมเพื่อรองรับวิถีชีวิตที่เร่งรีบในยุคปัจจุบัน”