3 ค่ายรถยนต์เล็ก เผยความสำเร็จครึ่งปีแรกโตสวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มาสด้ามียอดขายสูงถึง 21,000 คัน โต 25.7 % ขยับขึ้นครองอันดับ 3 ตลาดเก๋งแบบชิลชิล พร้อมเตรียมเปิดตัวรถใหม่มาสด้า 3 ไมเนอร์เชนจ์ ควงมากับเทคโนโลยีใหม่ G-Vectoring Control รวมถึงจับกระบะ บีที-50 มาปรับโฉมเล็กน้อย และรุ่น MX-5 มีหลังคาไฟฟ้ามาเพิ่มเติม หวังดันยอดตามเป้า 42,000 คัน ขณะที่ค่ายฟอร์ดโตกว่าปีที่ผ่านมา 26 % มียอดรวม 18,032 คัน แน่นอนพระเอกจะเป็นใครไม่ได้นอกจากฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยตัวเลข 13,374 คัน ส่วนน้องใหม่ เอ็มจี ไม่ธรรมดายอดครึ่งปี 3,778 คัน เท่ากับยอดรวมทั้งปีของปีที่แล้ว หรือโต 5.3 เท่า จับตาครึ่งปีหลังยอดขายจะทะลุเป้าหรือไม่
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ตลาดรถยนต์นั่งน่าจะอยู่ที่ 780,000 คัน ได้ไม่ยากเพราะเชื่อว่าตลาดรถจะกลับมามีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เห็นได้จาก การบริโภคของภาคเอกชนที่ปรับตัวในทางทีดี รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวขยายตัว 7.8 % โครงการรถยนต์คันแรกจะหมดอายุเดือนกันยายน นี้ น่าจะทำให้ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มขยายตัวจากการเปลี่ยนมือรถคันแรก
สำหรับมาสด้าครึ่งปีแรกมียอดขาย 21,160 คัน เติบโต 25.7 % สูงสุดนับแต่เข้ามาทำธุรกิจในไทย และสิ้นปีนี้มั่นใจจะมียอดขาย 42,000 คัน (เป้าเดิม 44,000 คัน) พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4 % โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่งเหมือนเดิม
ยอดขายมาสด้า เมื่อแยกย่อยออกมาแบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 13,500 คัน เติบโต 23 % มีส่วนแบ่งการตลาด 13 % ส่วนรถอเนกประสงค์มียอดขาย 4,512 คัน เติบโต 160 % มีส่วนแบ่งตลาด 8 % (รวม PPV) และ 18.6 % (ไม่รวม PPV) ขณะที่รถกระบะมียอดขาย 3,148 คัน ลดลง 24 % และสิ้นปีตั้งเป้าไว้ 7,000 คัน
ทาเกสึเอะ กล่าวถึงแผนการตลาดครึ่งปีหลังว่า ได้เตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดลงตลาดในครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น บวกกับการใช้กลยุทธ์เดิม ไม่ว่าจะเป็น sport marketing ที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์มาสด้า ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้และการสร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก แทนการเป็นแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก
สำหรับรถใหม่ที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังน่าจะไม่พ้น มาสด้า 3 ไเนอร์เชนจ์ (อ่านรายละเอียด ด้านบน) โดยรุ่นนี้ไม่ได้มาเฉพาะระบบ SKYACTIV-Vehicle Dynamics เท่านั้น แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ G-Vectoring Control นอกจากนี้มี บีที-50 ที่มีการปรับเล็กน้อย เช่น ใส่เนวิเกเตอร์ กล้องมองหลังเพิ่มขึ้น และอีกรุ่นน่าจะเป็น MX -5 เพิ่มรุ่นหลังคาไฟฟ้า มาเสริมทัพ
หันมาดูพาตเนอร์มาสด้ากันบ้าง ค่ายฟอร์ดก็ไม่น้อยหน้าช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตถึง 26 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดรวม 18,032 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 4.9 % ขณะที่สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวลง 0.6 % ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
“รถกระบะเกิดมาแกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงครองตำแหน่งรถฟอร์ดขายดีที่สุดในไทย ด้วยยอดขายครึ่งปีแรกสูงถึง 13,374 คัน โดยฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.3 % เติบโตขึ้น 31 % เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเติบโตสูงกว่าตลาดรถกระบะซึ่งเติบโตเพียง 2.6 % ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มียอดขาย 3,188 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดรถเอสยูวีขนาดกลางที่ 9.9 %”
กลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ดยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์การใช้บริการอันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้า และการขยายเครือข่ายศูนย์บริการในเขตพื้นที่หลักทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฟอร์ดยังขยายเวลาการให้บริการ 7 วัน ทั้งในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่ปริมณฑล
ล่าสุด ฟอร์ดจัด แคมเปญสุดพิเศษ “FORD X THAILAND’S GOT TALENT” โหวตรถลุ้นแสนกับไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ส่วนลดเงินสดในการซื้อรถฟอร์ดมูลค่า 100,000 บาท 1 รางวัล สำหรับลูกค้าผู้โชคดีที่ทดลองขับรถฟอร์ดรุ่นใดก็ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ถึง15 สิงหาคม 2559 และออกรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2559 และยังมีรางวัลส่วนลดเงินสดในการซื้อรถฟอร์ดมูลค่า 10,000 บาท และ บัตรเข้าชม Thailand’s Got Talent รอบ Final* 2 ใบ อีก 10 รางวัล รวมมูลค่า 200,000 บาท รวมของรางวัลตลอดรายการมูลค่า 300,000 บาท
มาถึงค่ายเอ็มจี กันบ้าง แม้จะทำตลาดที่หลัง แต่ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง จนชื่อเสียงของแบรนด์ได้รับรู้ในวงกว้างขึ้น บวกกับผลลัพท์ที่ได้เล่นเอาค่ายนี้เป็นปลื้มกันเลยทีเดียว เพราะยอดขายครึ่งปีมีตัวเลขรวมทั้งสิ้น 3,778 คัน ซึ่งเท่ากับยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของปีที่ผ่านมา หรือโตถึง 5.3 เท่า
สำหรับตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ เอ็มจี ในเดือนมิถุนายนนี้ถือเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดของเอ็มจี ในรอบ 6 เดือนโดยมีตัวเลขจำหน่ายรวมอยู่ที่ 811 คัน นำโดย MG3 ที่มียอดขายในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 558 คัน เติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมียอดเป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดจำหน่ายสะสมของ MG3 ในหกเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 2,590 คัน
ส่วนยอดจำหน่ายสะสมหกเดือนแรกปีนี้ของ MG6 อยู่ที่ 235 คันหรือเติบโตเพิ่มขึ้น 87 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับยอดจำหน่ายสะสมของ MG5 อยู่ที่ 769 คัน และ MG GS มียอดจำหน่ายสะสมที่ 184 คัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของเอ็มจี ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ที่สวนกระแสกับสภาวะตลาดที่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าที่มีต่อรถยนต์ทุกรุ่นของเอ็มจี รวมทั้งยังมั่นใจในคุณภาพการให้บริการที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุด ทางเอ็มจี จึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งพร้อมเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายของปีนี้ด้วยการเพิ่มยอดจำหน่ายเป็น 2 เท่า หรือ ที่ประมาณ 10,000 คันภายในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพบริการหลังการขายเพื่อรองรับลูกค้า เอ็มจี รวมทั้งการขยายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานให้ครบ 80 แห่ง ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 42 แห่งทั่วประเทศ”
นอกจากนี้เอ็มจียังได้เปิดตัวรถมือสองคุณภาพเยี่ยม หรือแอพพรูฟ เซอร์ติฟายด์ ยูส คาร์ บาย เอ็มจี (APPROVED Certified Used Car by MG) ซึ่งรถมือสองทุกคันของ เอ็มจี จะผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าด้วยการตรวจเช็คอย่างละเอียดครอบคลุมมากกว่า 200 จุด พร้อมการรับประกันชิ้นส่วนสำคัญถึง 144 รายการ และการรับประกันรถยนต์เพิ่มเติมอีก 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เอ็มจี ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษโดยมอบโปรโมชันภายใต้แคมเปญ “เอ็มจี เมกะ โบนัส (MG Mega Bonus)” ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์ต่ำ และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งอีกมากมาย
ถึงบรรทัดนี้คงจับตามองครึ่งปีหลังว่านอกเหนือจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ การจัดแคมเปญ ลดแลกแจกแถม จะสามารถผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่ค่ายรถคาดการณ์กันไว้หรือไม่ อยู่ที่ 740,000-780,000 คัน
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ตลาดรถยนต์นั่งน่าจะอยู่ที่ 780,000 คัน ได้ไม่ยากเพราะเชื่อว่าตลาดรถจะกลับมามีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เห็นได้จาก การบริโภคของภาคเอกชนที่ปรับตัวในทางทีดี รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวขยายตัว 7.8 % โครงการรถยนต์คันแรกจะหมดอายุเดือนกันยายน นี้ น่าจะทำให้ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มขยายตัวจากการเปลี่ยนมือรถคันแรก
สำหรับมาสด้าครึ่งปีแรกมียอดขาย 21,160 คัน เติบโต 25.7 % สูงสุดนับแต่เข้ามาทำธุรกิจในไทย และสิ้นปีนี้มั่นใจจะมียอดขาย 42,000 คัน (เป้าเดิม 44,000 คัน) พร้อมส่วนแบ่งการตลาด 5.4 % โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์นั่งเหมือนเดิม
ยอดขายมาสด้า เมื่อแยกย่อยออกมาแบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 13,500 คัน เติบโต 23 % มีส่วนแบ่งการตลาด 13 % ส่วนรถอเนกประสงค์มียอดขาย 4,512 คัน เติบโต 160 % มีส่วนแบ่งตลาด 8 % (รวม PPV) และ 18.6 % (ไม่รวม PPV) ขณะที่รถกระบะมียอดขาย 3,148 คัน ลดลง 24 % และสิ้นปีตั้งเป้าไว้ 7,000 คัน
ทาเกสึเอะ กล่าวถึงแผนการตลาดครึ่งปีหลังว่า ได้เตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดลงตลาดในครึ่งปีหลังอีก 3 รุ่น บวกกับการใช้กลยุทธ์เดิม ไม่ว่าจะเป็น sport marketing ที่เชื่อว่าจะสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์มาสด้า ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้และการสร้างแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารัก แทนการเป็นแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก
สำหรับรถใหม่ที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังน่าจะไม่พ้น มาสด้า 3 ไเนอร์เชนจ์ (อ่านรายละเอียด ด้านบน) โดยรุ่นนี้ไม่ได้มาเฉพาะระบบ SKYACTIV-Vehicle Dynamics เท่านั้น แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ G-Vectoring Control นอกจากนี้มี บีที-50 ที่มีการปรับเล็กน้อย เช่น ใส่เนวิเกเตอร์ กล้องมองหลังเพิ่มขึ้น และอีกรุ่นน่าจะเป็น MX -5 เพิ่มรุ่นหลังคาไฟฟ้า มาเสริมทัพ
หันมาดูพาตเนอร์มาสด้ากันบ้าง ค่ายฟอร์ดก็ไม่น้อยหน้าช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตถึง 26 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดรวม 18,032 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 4.9 % ขณะที่สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวลง 0.6 % ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
“รถกระบะเกิดมาแกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงครองตำแหน่งรถฟอร์ดขายดีที่สุดในไทย ด้วยยอดขายครึ่งปีแรกสูงถึง 13,374 คัน โดยฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.3 % เติบโตขึ้น 31 % เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเติบโตสูงกว่าตลาดรถกระบะซึ่งเติบโตเพียง 2.6 % ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มียอดขาย 3,188 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดรถเอสยูวีขนาดกลางที่ 9.9 %”
กลยุทธ์การเติบโตของฟอร์ดยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์การใช้บริการอันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้า และการขยายเครือข่ายศูนย์บริการในเขตพื้นที่หลักทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฟอร์ดยังขยายเวลาการให้บริการ 7 วัน ทั้งในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่ปริมณฑล
ล่าสุด ฟอร์ดจัด แคมเปญสุดพิเศษ “FORD X THAILAND’S GOT TALENT” โหวตรถลุ้นแสนกับไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ส่วนลดเงินสดในการซื้อรถฟอร์ดมูลค่า 100,000 บาท 1 รางวัล สำหรับลูกค้าผู้โชคดีที่ทดลองขับรถฟอร์ดรุ่นใดก็ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ถึง15 สิงหาคม 2559 และออกรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2559 และยังมีรางวัลส่วนลดเงินสดในการซื้อรถฟอร์ดมูลค่า 10,000 บาท และ บัตรเข้าชม Thailand’s Got Talent รอบ Final* 2 ใบ อีก 10 รางวัล รวมมูลค่า 200,000 บาท รวมของรางวัลตลอดรายการมูลค่า 300,000 บาท
มาถึงค่ายเอ็มจี กันบ้าง แม้จะทำตลาดที่หลัง แต่ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง จนชื่อเสียงของแบรนด์ได้รับรู้ในวงกว้างขึ้น บวกกับผลลัพท์ที่ได้เล่นเอาค่ายนี้เป็นปลื้มกันเลยทีเดียว เพราะยอดขายครึ่งปีมีตัวเลขรวมทั้งสิ้น 3,778 คัน ซึ่งเท่ากับยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของปีที่ผ่านมา หรือโตถึง 5.3 เท่า
สำหรับตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ เอ็มจี ในเดือนมิถุนายนนี้ถือเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดของเอ็มจี ในรอบ 6 เดือนโดยมีตัวเลขจำหน่ายรวมอยู่ที่ 811 คัน นำโดย MG3 ที่มียอดขายในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 558 คัน เติบโตขึ้น 19% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมียอดเป็น 2 เท่าของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดจำหน่ายสะสมของ MG3 ในหกเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 2,590 คัน
ส่วนยอดจำหน่ายสะสมหกเดือนแรกปีนี้ของ MG6 อยู่ที่ 235 คันหรือเติบโตเพิ่มขึ้น 87 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับยอดจำหน่ายสะสมของ MG5 อยู่ที่ 769 คัน และ MG GS มียอดจำหน่ายสะสมที่ 184 คัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตของเอ็มจี ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ที่สวนกระแสกับสภาวะตลาดที่ยังไม่มีความชัดเจนมากนักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าที่มีต่อรถยนต์ทุกรุ่นของเอ็มจี รวมทั้งยังมั่นใจในคุณภาพการให้บริการที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุด ทางเอ็มจี จึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งพร้อมเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายของปีนี้ด้วยการเพิ่มยอดจำหน่ายเป็น 2 เท่า หรือ ที่ประมาณ 10,000 คันภายในสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพบริการหลังการขายเพื่อรองรับลูกค้า เอ็มจี รวมทั้งการขยายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานให้ครบ 80 แห่ง ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 42 แห่งทั่วประเทศ”
นอกจากนี้เอ็มจียังได้เปิดตัวรถมือสองคุณภาพเยี่ยม หรือแอพพรูฟ เซอร์ติฟายด์ ยูส คาร์ บาย เอ็มจี (APPROVED Certified Used Car by MG) ซึ่งรถมือสองทุกคันของ เอ็มจี จะผ่านการรับรองคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าด้วยการตรวจเช็คอย่างละเอียดครอบคลุมมากกว่า 200 จุด พร้อมการรับประกันชิ้นส่วนสำคัญถึง 144 รายการ และการรับประกันรถยนต์เพิ่มเติมอีก 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เอ็มจี ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษโดยมอบโปรโมชันภายใต้แคมเปญ “เอ็มจี เมกะ โบนัส (MG Mega Bonus)” ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์ต่ำ และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งอีกมากมาย
ถึงบรรทัดนี้คงจับตามองครึ่งปีหลังว่านอกเหนือจากปัจจัยสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ การจัดแคมเปญ ลดแลกแจกแถม จะสามารถผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่ค่ายรถคาดการณ์กันไว้หรือไม่ อยู่ที่ 740,000-780,000 คัน