นอกจากความโดดเด่นของสมรรถนะและการออกแบบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ดูคล้ายเป็นเอกลักษณ์ของ “ดูคาติ” แบรนด์สองล้อพรีเมี่ยมสัญชาติอิตาเลียนก็คือ เวลาจัดงานกิจกรรมอะไรสักอย่างมักจะต้องมีความพิเศษอลังการ เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ ทุกรายละเอียดต้องสมบูรณ์แบบ ตามแบบฉบับของตำแหน่งการเป็นบิ๊กไบค์ในฝันของเหล่านักบิดหลายๆ คน
เรียกว่าจัดงานแต่ละที ไม่มีครั้งไหนที่สร้างความประทับใจเชิงลบให้กับลูกค้าผู้ร่วมงานเลยสักหนเดียว
และครั้งนี้ก็เช่นกันกับการจัดอีเว้นท์ทดสอบโมเดลใหม่ล่าสุด “959 พานิกาเล่” (959 Panigale) ที่เพิ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคา 749,000 บาท บนสนามแข่งขันที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกอย่าง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย ภายใต้ชื่องานว่า 959 Experience Asia Press Test & DRE ซึ่งมีนักข่าวผู้ทดสอบสายสองล้อและลูกค้าจากทั่วเอเชีย มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ทางค่ายสีแดงภูมิใจนำเสนอ
สำหรับสปอร์ตไบค์สายรหัสใหม่รุ่นนี้เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดขึ้นมาจากโมเดลก่อนหน้า หรือสายรหัสเดิมก็คือ 899 ดังนั้น ด้านรูปร่างหน้าตาโดยรวมจึงไม่แตกต่างกันมากนัก ความเปลี่ยนแปลงภายนอกจุดใหญ่ที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นการใช้ท่อไอเสียทรงใหม่ ซึ่งแม้จะผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 แต่คาดว่าคงไม่ผ่านรสนิยมของคนไทย อย่างไรก็ตามจุดนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะดูคาติมีออฟชั่นท่อแต่งสำนัก Akrapovic เป็นทางเลือกไว้รองรับให้อยู่แล้ว
ส่วนจุดอื่นๆ อย่างพวกช่องรับอากาศขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แฟริ่งด้านหน้ากว้างขึ้นรับกับชิลด์หน้าที่สูงขึ้น ก้านกระจกมองหลังสั้นลง แฟริ่งด้านล่างและท้ายทรงใหม่ ใช้พักเท้าแบบอลูมิเนียม และขยับจุดหมุนสวิงอาร์มต่ำลง 4 มิลลิเมตร พร้อมยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น 5 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มความสมดุลในการขับขี่ รายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดนี้ หากไม่สังเกตถึงขั้นจับผิด ล้วนมองไม่ออกว่ามีความแตกต่างไปจากเดิม
ขณะที่หัวใจหลักของการพัฒนาอยู่ที่การเพิ่มขีดความสามารถของขุมพลังเครื่องยนต์ Superquardro แบบแอล-ทวิน ขนาด 898 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ขยายความจุเป็น 955 ซีซี. อัพเกรดความแรงเร้าใจ ให้กำลังสูงสุด 157 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที(+6%) แรงบิดสูงสุด 107.4 นิวตัน-เมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที (+8%) และติดตั้งระบบสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยซับแรงกระชากในการเปลี่ยนเกียร์เข้ามาด้วย
ขณะเดียวกันในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ ยังคงจัดเต็มด้วยคันเร่งไฟฟ้าที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ Race, Sport และ Wet, ควิกชิฟท์, แทร็กชั่นคอนโทรล, ระบบควบคุมเอ็นจิ้นเบรก และตบท้ายด้วยเบรก ABS ซึ่งตัวช่วยสามส่วนหลัง ไม่ว่าจะเลือกใช้โหมดการขับขี่ลักษณะไหนก็ตาม ยังสามารถปรับตั้งค่าการตอบสนองได้อย่างอิสระเช่นเดิม
ด้านการลิ้มลองสมรรถนะบนแทร็กมาตรฐานที่มีความยาวต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร แบ่งเป็นกลุ่มลงสนามกลุ่มละ 5 ครั้ง ครั้งละ 15 นาทีรวมการขับขี่ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ สัมผัสแรกท่านั่งสบายเกินคาด แม้รูปลักษณ์ประเภทรถจะเป็นสปอร์ตจ๋า แต่ยังไม่ลืมตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันบนท้องถนน โดยเฉพาะความสูงเบาะ 830 มิลลิเมตร เปิดโอกาสให้กับนักบิดไซส์ฝรั่งหรือเอเชีย รวมทั้งชายหรือหญิงก็สามารถขึ้นคร่อมได้แบบสบายๆ ไม่ลำบากอย่างที่คิด
สำหรับการควบคุม จุดเด่นของความพริ้วไหว น้ำหนักเบา คล่องตัว เลี้ยวง่าย จากสายรหัสเดิมยังคงอยู่อย่างครบถ้วน ส่วนที่เพิ่มเติมคือ รอบกำลังความแรงของเครื่องยนต์ที่กว้างขึ้น เมื่อเทียบกับ 899 จังหวะเปิดคันเร่งทะยานออกจากโค้งจะทำได้สั้นกว่า ขณะที่ 959 สามารถกระแทกคันเร่งได้เต็มไม้เต็มมือมากขึ้น และรู้สึกถึงการส่งกำลังที่มีความต่อเนื่องมากกว่าเดิมด้วย
นอกจากจุดเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ชัดเจน ในส่วนของระบบช่วงล่างและเบรก แม้จะยกชุดจากสายรหัสก่อนหน้า แต่ประสิทธิภาพการใช้งานนั้นดีเยี่ยมอยู่แล้ว เมื่อรวมกับการพัฒนาตัวรถสู่ความสมบูรณ์ด้านเสถียรภาพหรือ Perfect balance ภายใต้กรอบการทดสอบที่เน้นความปลอดภัย สปอร์ตไบค์ใหม่ล่าสุดรุ่นนี้จึงให้การตอบสนองความสนุกเร้าใจในสนามแข่งขันได้อย่างไร้ที่ติจริงๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม 959 Experience Asia Press Test & DRE ประสบการณ์ความประทับใจที่ได้รับ สะท้อนบางอย่างให้เห็นว่า ความโดดเด่นด้านสมรรถนะที่เคยดุดันและแข็งกร้าวของดูคาติ จากเดิมที่ค่อนข้างจะขี่ยาก ควบคุมยาก ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนเพื่อหวังเจาะตลาดนักบิดหน้าใหม่ในวงกว้างมากขึ้น
ในที่นี้ไม่ใช่อรรถรสความสนุกที่ลดลง เพียงแต่ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากขึ้น หรือสรุปสั้นๆ ว่าขี่ง่ายขึ้นนั่นเอง ส่วนการตัดสินใจซื้อจะง่ายขึ้นตามไปด้วยหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันอีกยาว
ชั่วโมงนี้ปรับให้ขี่ง่ายอาจยังไม่พอ ถ้าขยับราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้นด้วย น่าจะดึงดูดความสนใจได้มากกว่า!
***ขอขอบคุณ Alpinestars Thailand สำหรับอุปกรณ์ Riding Gear (www.1goal1visionth.com โทร. 02-000-7885-6)***
DRE เรซซิ่งคอร์ส เปิดประตูสู่โลกนักบิด
จากความห่วงใยลูกค้าที่มากกว่าแค่การขายรถ ดูคาติได้เริ่มต้นเปิดหลักสูตรการขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ภายใต้ชื่อ Ducati Riding Experience (DRE) ที่ประเทศอิตาลี และกระจายต่อไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีสองล้อแบรนด์หรูทำตลาดอยู่ทั่วโลก
โดยวัตถุประสงค์ที่จัดตั้งขึ้น หวังเพิ่มทักษะการควบคุมรถที่ถูกต้องให้กับผู้เข้าอบรม พร้อมเสริมสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่มีความปลอดภัย ตลอดจนเข้าถึงและใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับหลักสูตรขั้นสูงสุด Racing Course ที่จัดในสนามช้างฯ ครั้งนี้ มีความเข้มข้นมุ่งเน้นเนื้อหาการขับขี่ในสนามแข่งขันเป็นหลัก ผ่านการแนะนำโดยครูฝึกจากต้นตำรับแดนมักโรนีที่มีความชำนาญในระดับดีกรีแชมป์ นำโดย Dario Marchetti -DRE Technical Director and Instructor Manager ผู้ชนะเลิศในศึก Daytona Battle of the Twins ปี 2004, 2006 และ 2007 ตามด้วย Alessandro Valia -Official Ducati Test Rider และ Manuel Poggiali อดีตแชมป์เวิล์ดกรังปรีด์รุ่น 125 และ 250 ปี 2001 และ 2003 ตามลำดับ
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากบรรดาครูฝึกขั้นเทพ นอกเหนือจากเทคนิคการขับขี่ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติที่พวกเขาพร้อมถ่ายทอดอย่างหมดเปลือกแล้ว ยังได้รับโอกาสพิเศษเข้าร่วมขับขี่บนแทร็กระดับโลก ซึ่งหาได้ยากยิ่งอีกด้วย
หลักสูตรที่ให้ประสบการณ์สุดพิเศษแบบนี้ มีให้บริการเฉพาะชาวดูคาทิสต้าเท่านั้น
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring