หลังควบ โตโยต้า อัลติส เข้าเส้นชัย สนามนูร์เบอร์กริงด้วยจำนวน 102 รอบ หรือกว่า 2,652 กิโลเมตร คว้าอันดับ 2 รุ่น Super Production 3 จากรถในรุ่นเดียวกัน 18 คัน และอันดับที่ 75 ในรุ่น Overall จากรถทั้งหมด 159 คัน ผู้จัดการมอเตอริ่ง ไม่รอช้าขอสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกแห่งชัยชนะในครั้งแรกบนสนามโลก
สุทธิพงศ์ สมิตชาติ
ปีนี้ผมคาดหวังว่าจะได้ขึ้นโพเดียม และสุดท้ายก็ได้จริง ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จที่ว่ามันเกิดจากหลายปัจจัย มันคือทีมงานทั้งหมด ไม่เฉพาะนักแข่ง มีช่าง คนดูแล แม่ครัวจากไทย รถโตโยต้า และที่สำคัญ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนพวกเรา และในการแข่งครั้งนี้เราได้มีโอกาสนำขึ้นมาเป็นอันดับ 1 อยู่ 2 รอบ แต่เรามาเสียจังหวะต้องเข้ามาเปลี่ยนอะไหล่ ตอนตี 5 ท่อไอเสียแตก 7 โมงเช้าเพลาขาด และพอใกล้จบก่อนถึงเส้นชัยเพลาขาดอีก แต่อย่างไรเราก็สามารถพารถเข้าเส้นชัยคว้าอันดับ 2 มาครองได้
สำหรับแผนในปีหน้า เราก็ต้องกลับมาคิด จะขยับเป็นรุ่นใหญ่ ก็ต้องศึกษา ต้องวางแผน และที่สำคัญต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่าจะเอาอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ อยากลุยสนามนี้ต่ออีก
ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ
ผมก็คงเหมือนคนอื่นทำอะไรประสบความสำเร็จก็ดีใจ แต่ความดีใจผมมองเป็นแรงผลักดันให้เราต้องรักษาคุณภาพนี้ไว้ให้ได้ และกลับไปปรับปรุงแก้ไขในข้อบกพร่อง และผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้มีองค์ประกอบโดยรวมหลายอย่าง แต่เราต้องมีดวงด้วย อันนี้ผมเชื่อมาตลอด แม้จะไม่มากแค่ 5 % ก็ตาม ที่สำคัญในช่วงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ผมเป็นคนขับ รถเกิดมีปัญหาเพลาขาด เล่นเอาเครียดเลย แต่เราก็ต้องตั้งสติ และคิดว่าเราต้องทำอะไร ด้วยประสบการณ์ของเรา ก็ปิดสวิตซ์ และรีเซทใหม่ กะว่าถ้าติด ก็โอเค แต่ถ้าไม่ติดก็ช่วยไม่ได้ ทำใจ ผมก็สวดมนต์ด้วย บอกว่าติดนะ อย่าล้อเล่น นี่มันจะเข้าเส้นชัยแล้ว พอติดผมก็ค่อยๆ คลานมาเลย บวกกับต้องฟังข้อมูลในทีม ตอนนี้เราทิ้งคู่แข่งเท่าไร ตามเขาเท่าไร เราต้องขับอย่างไร บริหารจัดการ ขับไปคิดไปตลอด
มานัต กุละปาลานนท์
เป็นชัยชนะครั้งแรกของคนไทยในสนามแข่งระดับโลก และเป็นการแข่ง 24 ชั่วโมงด้วย ทำให้ทีมไทยเราดังขึ้นไปอีก จากทีดังในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ที่ 1 แต่เราก็นำเป็นที่ 1 ได้อยู่แว็บหนึ่ง สุดท้ายได้ที่ 2 ก็ดีใจมากแล้ว
...ตอนที่มีปัญหาในรอบสุดท้าย ใจแป้วเลย คิดอยู่ในใจว่าเราจะไม่ได้จริง ๆ หรือ สุดท้ายก็ประคองรถมาได้ ทำได้สำเร็จดีใจมาก ๆ เลยครับ
ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ
ในปีแรกพวกเราตั้งใจมาลองดูก่อนว่าเป็นอย่างไร พอปีที่ 2 เราก็มุ่งหวังให้จบการแข่งขัน เพราะมัน 24 ชั่วโมง และปีนี้ พวกเราหวังว่าจะได้ขึ้นโพเดียม และก็ได้จริง ๆ รู้สึกดีใจ ภูมิใจมาก สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ผมต้องรับหน้าที่ขับรถทั้ง 2 คัน คือเบอร์ 123 จะขับกลางคืนเป็นส่วนใหญ่จนถึงเช้า ส่วนเบอร์ 124 ผมขับคนสุดท้ายในช่วงบ่าย ..ไม่ง่วงครับเพราะก่อนที่จะไปขับอีกคันมีช่วงให้พัก -หลับได้ ...จริง ๆผมขับมา 2 ปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ 3 ผมภูมิใจมาก ในรายการนี้ 24 ชั่วโมง เพราะมันเป็นรายการใหญ่ และค่อนข้างเขี้ยว ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะทีมงานครับ ผมคนเดียวไม่ได้ พวกเราต้องช่วยกัน
เห็นร้องไห้.... เป็นครั้งแรกครับ ปกติไม่เคยร้องไห้ แต่ครั้งนี้น้ำตามันไหลเอง น่าจะเกิดจากความดีใจ ที่ทำสำเร็จนะครับ
ทั้งหมดคือความรู้สึกที่ออกมาจากใจของพวกเขา แม้ว่าจะไม่ใช่อันดับ 1 แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะเอ่ยปากได้ว่า ไม่ใช่เพราะพวกเขา เพราะถ้ามีรถ มีผู้สนับสนุน แต่ไม่มีนักแข่ง..รถก็ขับเคลื่อนไม่ได้ และยิ่งนักแข่งมากฝีมือ ..ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินฝัน..เหมือนอย่างที่เขาสามารถทำมันได้แล้ว ณ วันนี้ กับชัยชนะบนสนามแข่งระดับโลก


