ผู้บริโภคต้องการรถยนต์ที่เงียบสงบ โดยสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ ด้วยเหตุนี้ ฟอร์ดจึงมาพร้อมแนวทางการพัฒนาที่ดีขึ้นที่จะช่วยให้รถยนต์เงียบยิ่งกว่าเดิม
อุโมงค์ลมเคลื่อนที่เพื่อทดสอบเสียงอากาศสวนศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของโลกนี้เป็นระบบการทดสอบที่ล้ำสมัยและกำลังรอการจดสิทธิบัตร ซึ่งระบบนี้จะช่วยตรวจจับเสียงไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากลมระหว่างขั้นตอนการผลิตรถยนต์ในช่วงเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วขึ้นและช่วยให้สามารถพัฒนาแนวทางแก้ไขได้เร็วขึ้นอีกด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคจะได้ขับรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีเสียงภายในที่เงียบซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือระดับ
“โครงการนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งในด้านการควบคุมและจำกัดเสียงภายในห้องโดยสารที่ไวต่อการรับรู้ของผู้บริโภค” บิลล์ กัลเคอร์ ที่ปรึกษาหลักด้านเสียงที่เกิดจากลมของฟอร์ดกล่าว “และอุโมงค์ลมใหม่ของเรานี้ได้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ทีมวิศวกรฟอร์ด ทั้งยังเป็นตัวอย่างด้านนวัตกรรมชั้นเลิศที่เราพยายามผสานเข้ากับทุกสิ่งที่เราทำ”
อุโมงค์ลมใหม่ของฟอร์ดริเริ่มขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์แฟลตร็อค ในมลรัฐมิชิแกน โดยความร่วมมือกับกลุ่มทดสอบรถในโรงงานต่างๆ ที่กำลังเติบโต รวมถึงสภาประเมินผลด้านสิ่งแวดล้อมจำนวน 3 แห่ง
การผลิกโฉมการทดสอบความเงียบ
ห้องทดลองด้านอากาศพลศาสตร์เต็มรูปแบบอย่างเช่นอุโมงค์ลมหลักของฟอร์ดในแอลเลน พาร์ค มลรัฐมิชิแกน มีการจัดสรรเครื่องมือทันสมัยล่าสุดสำหรับการตรวจวัดความไวต่อความรู้สึกและการวิเคราะห์ข้อมูล สถานที่ทดสอบซึ่งมีขนาดเท่าตึกออฟฟิศเหล่านี้มีความชำนาญพิเศษสำหรับการพัฒนาขั้นสูงของรถยนต์ในอนาคตทั้งด้านอากาศพลศาสตร์และอากาศสวนศาสตร์ โดยสถานที่ทดสอบแต่ละแห่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.65 พันล้านบาท)และด้วยเครื่องมือเฉพาะทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในสถานที่ทดลองนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินเครื่องจักรคือสิ่งที่มีค่ายิ่ง
อุโมงค์ลมเคลื่อนที่ได้แห่งใหม่ของฟอร์ดมีมูลค่าเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของมูลค่าห้องทดลองขนาดเต็มรูปแบบ เนื่องจากการทดลองอาศัยเพียงแค่กระแสลมแรงบนถนนทางหลวง ดังนั้น อุปกรณ์ขนาดใหญ่และไวต่อการตรวจจับในห้องทดลองทางพลศาสตร์แบบเต็มรูปแบบจึงไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม เซ็นเซอร์สุดล้ำสมัยที่ติดตั้งอยู่ในห้องโดยสารอย่างเช่น หุ่นจำลองการรับเสียงของใบหูมนุษย์(Aachen head)และระบบตรวจวัดเสียงรอบทิศทาง (Noise Vision) ยังคงสามารถนำมาใช้ได้
ด้วยห้องทดลองเสียงที่เกิดจากลมแบบนอกสถานที่นี้ โรงงานฟอร์ดจึงสามารถนำตัวอย่างรถยนต์จากสายการผลิตมาทดสอบได้ทันที ช่วยให้ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการขนย้ายรถยนต์ข้ามประเทศไปมา
ปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขในระหว่างขั้นตอนการประกอบรถยนต์ที่ละเอียดนี้ จะได้รับการตรวจจับและแก้ไขอย่างทันท่วงทีเนื่องจากผู้เกี่ยวข้องทุกคนนั้นพร้อมปฏิบัติการ
“ตอนนี้เราสามารถตรวจจับได้แม้กระทั่งเสียงที่แผ่วเบาที่สุด” กัลเคอร์กล่าว “เราสามารถระบุตำแหน่งที่ต้องปรับปรุง โดยมีกลุ่มคนสำคัญที่ดูแลอยู่ร่วมกัน และสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว เพื่อพร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที”
ค้นหาแนวความคิดใหม่ด้านอุโมงค์ลม
โรงงานแบบเคลื่อนที่ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับแนวความคิดของห้องทดลองอุโมงค์ลมแบบเต็มรูปแบบนี้ ปัจจัยสำคัญคือ การสร้างโรงงานอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาด 53 ฟุต จำนวน 2 ตู้โดยแต่ละตู้มีใบพัดผลิตเสียงที่เกิดจากลมและท่อภายในเพื่อสร้างกระแสลมที่ราบรื่นและควบคุมได้ที่หัวฉีดบริเวณปลายเครื่องจักร ในขณะที่พัดลมจำนวน 2 อันที่ประกอบด้วยใบพัดจำนวน 16 ชิ้น เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 ฟุตและทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลัง 250 แรงม้า สามารถผลิตแรงลมสูงสุดได้ถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ชุดประตูรอบๆ ตู้คอนเทนเนอร์ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าแต่ละส่วนของตู้มีความมั่นคงปลอดภัยในขณะเดินทางหรือระหว่างการจัดเก็บ
เครื่องจักรประกอบด้วยตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 2 ตู้ผูกติดกันบนพื้นที่เรียบราดด้วยยางมะตอย บริเวณระหว่างตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสองตู้นี้คือประตู 2 บานที่ม้วนขึ้น โดยประตูที่ปลายทางด้านหน้าและด้านหลังจะเปิดกว้างออกเพื่อสร้างแรงลมเข้ามาและลมปล่อยออกทางหัวฉีด ตู้คอนเทอนเนอร์ตู้ที่สามซึ่งมีขนาด 40 ฟุต ที่วางตั้งอยู่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของออฟฟิศขนาดย่อมและยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานและแหล่งควบคุมพร้อมสายเคเบิ้ลที่ส่งพลังงานและข้อมูลเชื่อมต่อระหว่างตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้
การดำเนินการทั้งหมดสามารถแยกส่วนประกอบได้ภายใน1 วัน และยังสามารถขนย้ายไปยังโรงงานประกอบรถยนต์ฟอร์ดแห่งใดก็ได้ในทวีปอเมริกาเหนือโดยอาศัยรถบรรทุก จากนั้นจึงประกอบขึ้นที่ไซต์งานใหม่และพร้อมสำหรับการทำการทดสอบภายในไม่กี่ชั่วโมง
คล่องแคล่วและการขับเคลื่อนเพื่อคุณภาพ
ความสามารถของฟอร์ดในการทดลองด้านเสียงที่เกิดจากลมที่โรงงานต่างๆ หมายความว่าตอนนี้อุโมงค์ลมหลักที่แอลเลน พาร์ค จะมีอิสระในการมุ่งเน้นเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์รุ่นต่างๆ ในอนาคต ทั้งยังส่งผลต่อระยะเวลาที่ใช้ไปกับรถยนต์ใหม่ โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนา และท้ายที่สุดแล้ว ฟอร์ดไม่เพียงจะได้ห้องโดยสารภายในที่เงียบยิ่งขึ้น แต่ยังพัฒนาเรื่องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย
อุโมงค์ลมเพื่อการทดสอบเสียงแห่งใหม่ คือตัวอย่างหนึ่งของการคิดนอกกรอบที่พนักงานฟอร์ดทุกคนได้รับการสนับสนุนให้มี และอุโมงค์ลมแห่งนี้สามารถพัฒนาทั้งในด้านการทำงานและคุณภาพชีวิตแก่วิศวกรด้านเสียงที่เกิดจากลมของฟอร์ด ตอนนี้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างไกลจากครอบครัวเป็นเวลานานจากการเดินทางไปมาระหว่างโรงงานต่างๆ อีกแล้ว
เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุโมงค์ลมเพื่อทดสอบเสียงแห่งแรกของฟอร์ด
•ความเร็วสูงสุดของลมที่ผลิตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 80 ไมล์ต่อชั่วโมง
•พละกำลังสูงสุดของระบบอยู่ที่ 500 แรงม้า
•ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละใบพัดอยู่ที่ 6 ฟุต
•สามารถดำเนินการได้ 24 ชั่วโมงต่อวันโดยใช้เจ้าหน้าที่ทำงาน 2 คน
•สายเคเบิ้ลส่งพลังงานขนาดใหญ่มีน้ำหนัก 10 ปอนต์ต่อ 1 ฟุตโดยแต่ละปลั๊กมีน้ำหนัก 40 ปอนด์ รวมแล้ว สายเคเบิ้ลขนาด 100 ฟุตแต่ละสายมีน้ำหนักประมาณ 1,080 ปอนด์
•แม้ว่าเครื่องจักรจะมอบพลังงานมหาศาล เครื่องจักรทำงานด้วยเสียงดังเพียงแค่ 75 เดซิเบลเมื่อวัดจากระยะห่าง 6 ฟุตจากบริเวณที่ทำการทดสอบ เทียบง่ายๆ คือเท่ากับเสียงหมุนโทรศัพท์
อุโมงค์ลมเคลื่อนที่เพื่อทดสอบเสียงอากาศสวนศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของโลกนี้เป็นระบบการทดสอบที่ล้ำสมัยและกำลังรอการจดสิทธิบัตร ซึ่งระบบนี้จะช่วยตรวจจับเสียงไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากลมระหว่างขั้นตอนการผลิตรถยนต์ในช่วงเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วขึ้นและช่วยให้สามารถพัฒนาแนวทางแก้ไขได้เร็วขึ้นอีกด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บริโภคจะได้ขับรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีเสียงภายในที่เงียบซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือระดับ
“โครงการนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งในด้านการควบคุมและจำกัดเสียงภายในห้องโดยสารที่ไวต่อการรับรู้ของผู้บริโภค” บิลล์ กัลเคอร์ ที่ปรึกษาหลักด้านเสียงที่เกิดจากลมของฟอร์ดกล่าว “และอุโมงค์ลมใหม่ของเรานี้ได้ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ทีมวิศวกรฟอร์ด ทั้งยังเป็นตัวอย่างด้านนวัตกรรมชั้นเลิศที่เราพยายามผสานเข้ากับทุกสิ่งที่เราทำ”
อุโมงค์ลมใหม่ของฟอร์ดริเริ่มขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์แฟลตร็อค ในมลรัฐมิชิแกน โดยความร่วมมือกับกลุ่มทดสอบรถในโรงงานต่างๆ ที่กำลังเติบโต รวมถึงสภาประเมินผลด้านสิ่งแวดล้อมจำนวน 3 แห่ง
การผลิกโฉมการทดสอบความเงียบ
ห้องทดลองด้านอากาศพลศาสตร์เต็มรูปแบบอย่างเช่นอุโมงค์ลมหลักของฟอร์ดในแอลเลน พาร์ค มลรัฐมิชิแกน มีการจัดสรรเครื่องมือทันสมัยล่าสุดสำหรับการตรวจวัดความไวต่อความรู้สึกและการวิเคราะห์ข้อมูล สถานที่ทดสอบซึ่งมีขนาดเท่าตึกออฟฟิศเหล่านี้มีความชำนาญพิเศษสำหรับการพัฒนาขั้นสูงของรถยนต์ในอนาคตทั้งด้านอากาศพลศาสตร์และอากาศสวนศาสตร์ โดยสถานที่ทดสอบแต่ละแห่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.65 พันล้านบาท)และด้วยเครื่องมือเฉพาะทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในสถานที่ทดลองนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินเครื่องจักรคือสิ่งที่มีค่ายิ่ง
อุโมงค์ลมเคลื่อนที่ได้แห่งใหม่ของฟอร์ดมีมูลค่าเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของมูลค่าห้องทดลองขนาดเต็มรูปแบบ เนื่องจากการทดลองอาศัยเพียงแค่กระแสลมแรงบนถนนทางหลวง ดังนั้น อุปกรณ์ขนาดใหญ่และไวต่อการตรวจจับในห้องทดลองทางพลศาสตร์แบบเต็มรูปแบบจึงไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม เซ็นเซอร์สุดล้ำสมัยที่ติดตั้งอยู่ในห้องโดยสารอย่างเช่น หุ่นจำลองการรับเสียงของใบหูมนุษย์(Aachen head)และระบบตรวจวัดเสียงรอบทิศทาง (Noise Vision) ยังคงสามารถนำมาใช้ได้
ด้วยห้องทดลองเสียงที่เกิดจากลมแบบนอกสถานที่นี้ โรงงานฟอร์ดจึงสามารถนำตัวอย่างรถยนต์จากสายการผลิตมาทดสอบได้ทันที ช่วยให้ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการขนย้ายรถยนต์ข้ามประเทศไปมา
ปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขในระหว่างขั้นตอนการประกอบรถยนต์ที่ละเอียดนี้ จะได้รับการตรวจจับและแก้ไขอย่างทันท่วงทีเนื่องจากผู้เกี่ยวข้องทุกคนนั้นพร้อมปฏิบัติการ
“ตอนนี้เราสามารถตรวจจับได้แม้กระทั่งเสียงที่แผ่วเบาที่สุด” กัลเคอร์กล่าว “เราสามารถระบุตำแหน่งที่ต้องปรับปรุง โดยมีกลุ่มคนสำคัญที่ดูแลอยู่ร่วมกัน และสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว เพื่อพร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที”
ค้นหาแนวความคิดใหม่ด้านอุโมงค์ลม
โรงงานแบบเคลื่อนที่ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับแนวความคิดของห้องทดลองอุโมงค์ลมแบบเต็มรูปแบบนี้ ปัจจัยสำคัญคือ การสร้างโรงงานอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาด 53 ฟุต จำนวน 2 ตู้โดยแต่ละตู้มีใบพัดผลิตเสียงที่เกิดจากลมและท่อภายในเพื่อสร้างกระแสลมที่ราบรื่นและควบคุมได้ที่หัวฉีดบริเวณปลายเครื่องจักร ในขณะที่พัดลมจำนวน 2 อันที่ประกอบด้วยใบพัดจำนวน 16 ชิ้น เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 ฟุตและทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลัง 250 แรงม้า สามารถผลิตแรงลมสูงสุดได้ถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ชุดประตูรอบๆ ตู้คอนเทนเนอร์ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าแต่ละส่วนของตู้มีความมั่นคงปลอดภัยในขณะเดินทางหรือระหว่างการจัดเก็บ
เครื่องจักรประกอบด้วยตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 2 ตู้ผูกติดกันบนพื้นที่เรียบราดด้วยยางมะตอย บริเวณระหว่างตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสองตู้นี้คือประตู 2 บานที่ม้วนขึ้น โดยประตูที่ปลายทางด้านหน้าและด้านหลังจะเปิดกว้างออกเพื่อสร้างแรงลมเข้ามาและลมปล่อยออกทางหัวฉีด ตู้คอนเทอนเนอร์ตู้ที่สามซึ่งมีขนาด 40 ฟุต ที่วางตั้งอยู่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของออฟฟิศขนาดย่อมและยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานและแหล่งควบคุมพร้อมสายเคเบิ้ลที่ส่งพลังงานและข้อมูลเชื่อมต่อระหว่างตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้
การดำเนินการทั้งหมดสามารถแยกส่วนประกอบได้ภายใน1 วัน และยังสามารถขนย้ายไปยังโรงงานประกอบรถยนต์ฟอร์ดแห่งใดก็ได้ในทวีปอเมริกาเหนือโดยอาศัยรถบรรทุก จากนั้นจึงประกอบขึ้นที่ไซต์งานใหม่และพร้อมสำหรับการทำการทดสอบภายในไม่กี่ชั่วโมง
คล่องแคล่วและการขับเคลื่อนเพื่อคุณภาพ
ความสามารถของฟอร์ดในการทดลองด้านเสียงที่เกิดจากลมที่โรงงานต่างๆ หมายความว่าตอนนี้อุโมงค์ลมหลักที่แอลเลน พาร์ค จะมีอิสระในการมุ่งเน้นเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์รุ่นต่างๆ ในอนาคต ทั้งยังส่งผลต่อระยะเวลาที่ใช้ไปกับรถยนต์ใหม่ โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนา และท้ายที่สุดแล้ว ฟอร์ดไม่เพียงจะได้ห้องโดยสารภายในที่เงียบยิ่งขึ้น แต่ยังพัฒนาเรื่องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย
อุโมงค์ลมเพื่อการทดสอบเสียงแห่งใหม่ คือตัวอย่างหนึ่งของการคิดนอกกรอบที่พนักงานฟอร์ดทุกคนได้รับการสนับสนุนให้มี และอุโมงค์ลมแห่งนี้สามารถพัฒนาทั้งในด้านการทำงานและคุณภาพชีวิตแก่วิศวกรด้านเสียงที่เกิดจากลมของฟอร์ด ตอนนี้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างไกลจากครอบครัวเป็นเวลานานจากการเดินทางไปมาระหว่างโรงงานต่างๆ อีกแล้ว
เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุโมงค์ลมเพื่อทดสอบเสียงแห่งแรกของฟอร์ด
•ความเร็วสูงสุดของลมที่ผลิตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 80 ไมล์ต่อชั่วโมง
•พละกำลังสูงสุดของระบบอยู่ที่ 500 แรงม้า
•ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละใบพัดอยู่ที่ 6 ฟุต
•สามารถดำเนินการได้ 24 ชั่วโมงต่อวันโดยใช้เจ้าหน้าที่ทำงาน 2 คน
•สายเคเบิ้ลส่งพลังงานขนาดใหญ่มีน้ำหนัก 10 ปอนต์ต่อ 1 ฟุตโดยแต่ละปลั๊กมีน้ำหนัก 40 ปอนด์ รวมแล้ว สายเคเบิ้ลขนาด 100 ฟุตแต่ละสายมีน้ำหนักประมาณ 1,080 ปอนด์
•แม้ว่าเครื่องจักรจะมอบพลังงานมหาศาล เครื่องจักรทำงานด้วยเสียงดังเพียงแค่ 75 เดซิเบลเมื่อวัดจากระยะห่าง 6 ฟุตจากบริเวณที่ทำการทดสอบ เทียบง่ายๆ คือเท่ากับเสียงหมุนโทรศัพท์