ข่าวในประเทศ - บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ประกาศเดินหน้าส่งออกเอสยูวีรุ่น X3 และ X5 (พวงมาลัยซ้าย)ไปตลาดจีนเป็นครั้งแรก พร้อมประกาศจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อป้อนสู่เครือข่ายโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก
เจฟฟรีย์ กอดิอาโน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ส่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่น X5 และ X3 ซึ่งผลิตและประกอบในประเทศไทย ออกสู่ตลาดในประเทศจีนเป็นครั้งแรก
“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ X3 สู่ประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศจีนได้มากขึ้น ด้วยการขนส่งที่รวดเร็วและออพชั่นเสริมที่หลากหลาย นอกจากนี้ ด้วยการปรับอุปกรณ์เสริมต่างๆตามความต้องการของตลาดได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เราจึงมีความยินดีที่ได้ตอบสนองความต้องการดังกล่าวให้แก่ลูกค้า เรามั่นใจว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นจะได้รับความนิยมในตลาดประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียน สำหรับในปี 2559 นี้ จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 488 ล้านบาท เพิ่มเติมจากยอดเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งสิ้นกว่า 3.7 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย และด้วยกำลังสำคัญจากพนักงานกว่า 900 คน อันเป็นจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวนับจากปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย รองรับกำลังการผลิตรถยนต์ได้มากถึง 20,000 คันต่อปี และมอเตอร์ไซค์ 10,000 คันต่อปี
“สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปี เป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงเตรียมจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก” นายกอดิอาโนกล่าว
อนึ่ง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีฐานการผลิตที่ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 78,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีสายการผลิตรองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2559 สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ได้ถึง 19 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็ม ดับเบิลยู X4, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรี่แมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็ม ดับเบิลยู F 800 R, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS, บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GT, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R , บีเอ็ม ดับเบิลยู S 1000 RR และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR
เจฟฟรีย์ กอดิอาโน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ส่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่น X5 และ X3 ซึ่งผลิตและประกอบในประเทศไทย ออกสู่ตลาดในประเทศจีนเป็นครั้งแรก
“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ X3 สู่ประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศจีนได้มากขึ้น ด้วยการขนส่งที่รวดเร็วและออพชั่นเสริมที่หลากหลาย นอกจากนี้ ด้วยการปรับอุปกรณ์เสริมต่างๆตามความต้องการของตลาดได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เราจึงมีความยินดีที่ได้ตอบสนองความต้องการดังกล่าวให้แก่ลูกค้า เรามั่นใจว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นจะได้รับความนิยมในตลาดประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียน สำหรับในปี 2559 นี้ จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 488 ล้านบาท เพิ่มเติมจากยอดเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งสิ้นกว่า 3.7 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานที่เพิ่มขึ้นด้วย และด้วยกำลังสำคัญจากพนักงานกว่า 900 คน อันเป็นจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวนับจากปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย รองรับกำลังการผลิตรถยนต์ได้มากถึง 20,000 คันต่อปี และมอเตอร์ไซค์ 10,000 คันต่อปี
“สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปี เป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงเตรียมจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก” นายกอดิอาโนกล่าว
อนึ่ง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีฐานการผลิตที่ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 78,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีสายการผลิตรองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2559 สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ได้ถึง 19 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็ม ดับเบิลยู X4, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรี่แมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็ม ดับเบิลยู F 800 R, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS, บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GT, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R , บีเอ็ม ดับเบิลยู S 1000 RR และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR