ในปีนี้ BMW มีวาระพิเศษในแง่ของการเฉลิมฉลอง และมีอายุครบ 100 ปีไปหมาดๆ เมื่อไม่นานนี้ พร้อมกับจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยไฮไลท์ในนั้นนอกจากการนำเสนอเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตแล้ว BMW ยังนำเสนอในเรื่องของอนาคต กับต้นแบบทรงสุดเฉียบที่มีชื่อว่า Vision Next 100
แค่ชื่อรุ่นก็พอจะบอกได้แล้วว่าต้นแบบรุ่นนี้กำลังจะสื่อให้เห็นถึงอะไร โดยตัวรถถือเป็น Self Driving Concept ที่สามารถขับเคลื่อนได้อัตโนมัติตามสมัยนิยมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Alive Geometry Approach ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าสู่โหมดที่เรียกว่า Boost หรือ Switch Mode ในการสลับเปลี่ยนระหว่างการขับด้วยตัวเอง หรือว่าให้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อน โดยเมื่ออยู่ในโหมด Boost ระบบทั้งหมดจะโฟกัสไปที่คนขับในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ การขับขี่ที่สนุกสนานและเร้าใจในการขับขี่ตามแบบฉบับรถยนต์ของ BMW แต่เมื่อเลือก Ease Mode ก็เป็นการขับด้วยระบบหลัก พวงมาลัยจะหดเข้าไปเก็บ และตัวรถก็จะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับการจัดวางเบาะนั่งก็จะเปลี่ยนใหม่หมด
Adrian van Hooydonk หัวหน้าทีมออกแบบของ BMW กล่าวว่า ‘ในฐานะของการเป็นนักออกแบบ คุณสามารถจินตนาการอะไรบางอย่างได้ ดังนั้น Vision Next 100 คือ คำตอบของเราในการสร้างอะไรขึ้นมาภายใต้แนวคิดของสิ่งที่ผู้คนจะต้องเข้าไปเชื่อมต่อหรือสัมผัส’
ตัวรถมาพร้อมกับความล้ำสมัย และชิ้นส่วนตัวถังถูกผลิตจากวัสดุที่เป็นส่วนผสมระหว่างคาร์บอนกับพลาสติก ซึ่งในปัจจุบันวัสดุประเภทนี้กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุคหน้า ในการเข้ามาแทนที่โครงสร้างที่ผลิตจากเหล็กเหมือนกับรถยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงวัสดุที่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ พร้อมรูปลักษณ์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd เพียง 0.18 เท่านั้น
หลังการปรากฎตัวที่งานนีแล้ว BMW จะนำออกจัดแสดงตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งก็คือ จีน อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยในลอนดอนทาง BMW บอกว่าจะมีต้นแบบใหม่จากค่าย Mini และ Rolls-Royce มาจัดแสดงร่วมด้วย ส่วนที่แอลเอ จะมีต้นแบบมอเตอร์ไซค์ใหม่เพิ่มมาอีก 1 รุ่น
แค่ชื่อรุ่นก็พอจะบอกได้แล้วว่าต้นแบบรุ่นนี้กำลังจะสื่อให้เห็นถึงอะไร โดยตัวรถถือเป็น Self Driving Concept ที่สามารถขับเคลื่อนได้อัตโนมัติตามสมัยนิยมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Alive Geometry Approach ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าสู่โหมดที่เรียกว่า Boost หรือ Switch Mode ในการสลับเปลี่ยนระหว่างการขับด้วยตัวเอง หรือว่าให้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อน โดยเมื่ออยู่ในโหมด Boost ระบบทั้งหมดจะโฟกัสไปที่คนขับในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ การขับขี่ที่สนุกสนานและเร้าใจในการขับขี่ตามแบบฉบับรถยนต์ของ BMW แต่เมื่อเลือก Ease Mode ก็เป็นการขับด้วยระบบหลัก พวงมาลัยจะหดเข้าไปเก็บ และตัวรถก็จะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับการจัดวางเบาะนั่งก็จะเปลี่ยนใหม่หมด
Adrian van Hooydonk หัวหน้าทีมออกแบบของ BMW กล่าวว่า ‘ในฐานะของการเป็นนักออกแบบ คุณสามารถจินตนาการอะไรบางอย่างได้ ดังนั้น Vision Next 100 คือ คำตอบของเราในการสร้างอะไรขึ้นมาภายใต้แนวคิดของสิ่งที่ผู้คนจะต้องเข้าไปเชื่อมต่อหรือสัมผัส’
ตัวรถมาพร้อมกับความล้ำสมัย และชิ้นส่วนตัวถังถูกผลิตจากวัสดุที่เป็นส่วนผสมระหว่างคาร์บอนกับพลาสติก ซึ่งในปัจจุบันวัสดุประเภทนี้กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุคหน้า ในการเข้ามาแทนที่โครงสร้างที่ผลิตจากเหล็กเหมือนกับรถยนต์ในปัจจุบัน รวมถึงวัสดุที่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ พร้อมรูปลักษณ์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd เพียง 0.18 เท่านั้น
หลังการปรากฎตัวที่งานนีแล้ว BMW จะนำออกจัดแสดงตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งก็คือ จีน อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยในลอนดอนทาง BMW บอกว่าจะมีต้นแบบใหม่จากค่าย Mini และ Rolls-Royce มาจัดแสดงร่วมด้วย ส่วนที่แอลเอ จะมีต้นแบบมอเตอร์ไซค์ใหม่เพิ่มมาอีก 1 รุ่น