xs
xsm
sm
md
lg

ลองขับ“ฮอนด้า บีอาร์-วี”...ผมไม่ใช่“โมบิลิโอ้”ยกสูงนะครับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อีกหนึ่งผลผลิตจากแพลตฟอร์มเก๋งเล็กที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกัน จนออกมาเป็นตัวถังแฮทช์แบ็กรุ่น“บริโอ้” ซีดาน“บริโอ้ อเมซ” และ เอ็มพีวี “โมบิลิโอ้”



ฮอนด้า บีอาร์-วี (Honda BR-V) เป็นเอสยูวีหรือครอสโอเวอร์ ที่คลอดออกมาหลังสุด และเป็นรถแบบ Regional Model ทำตลาดในย่านอาเซียนเป็นหลัก (ต่างจากพวก Global Model อย่าง ซีวิค หรือ แอคคอร์ด ซีอาร์-วี) และย้ำอีกทีว่ารุ่นนี้ผลิตที่โรงงานฮอนด้า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหมือนกับรุ่นอื่นๆในตระกูลนะครับ

แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าฮอนด้าจะเล่นง่าย เหมือนเอาเอ็มพีวี “โมบิลิโอ้” มายกสูงอีกนิด ตกแต่งเพิ่มเติมอีกหน่อย แล้วขายเป็นเอสยูวี แต่หลังจากการไปลองขับครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว และล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทดสอบอีกครั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเรียนรู้สัมผัสและได้รับคำอธิบายถึงแนวทางการพัฒนา ถึงเข้าใจว่าอย่าไปเรียก“บีอาร์-วี” เขาว่า “โมบิลิโอ้ ยกสูง” เลยครับ

ถ้าตามที่ฮอนด้าบอก ในส่วนที่สายตาเห็นมีแต่พวกบานประตูเท่านั้นที่เหมือนกัน นอกนั้นทำขึ้นมาใหม่ให้ต่างกันทั้งหมด

...แล้วอะไรบ้างที่แตกต่างกันในเชิงเทคนิควิศวกรรม?


โครงสร้างด้านหน้าออกแบบใหม่ ขณะที่ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า(ล้อซ้ายล้อขวา) และหลัง(ล้อซ้ายล้อขวา) 1,500 มม. มากกว่าโมบิลิโอ้ 28 และ 25 มม.ตามลำดับ เช่นเดียวกับระยะต่ำสุดจากพื้น 201 มม. (โมบิลิโอ้ 189 มม.) ขณะที่ความยาว กว้าง สูง และระยะฐานล้อ มากกว่าโมบิลิโอ้ทุกมิติ

เช่นเดียวกับช่วงล่างที่แม้จะเป็นโครงสร้างแบบเดียวกันคือ หน้าแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และหลังเป็นคานทอร์ชันบีมแบบ H-shape แต่บีอาร์-วี ใช้โช้กอัพคนละตัว ขณะที่สปริงก็ให้ค่าแข็งกว่า ส่วนเหล็กกันโคลงหนากว่าเมื่อวัดจากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยางดันลอป 195/60 R16 (โมบิลิโอ้ ใช้ยาง 185/65 R15 )

สำหรับการทำตลาดของ “บีอาร์-วี” ช่วงแรกจะมีเพียง 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น 5 ที่นั่ง เกรด V ราคา 7.5 แสนบาท และรุ่นท็อป 7 ที่นั่ง เกรด SV ราคา 8.2 แสนบาท

...ถูก-แพง กว่ากัน 7 หมื่นบาท นอกจากจำนวนที่นั่งแล้ว มีอะไรต่างกันอีกบ้าง?

ภายนอกของรุ่น 5 ที่นั่ง จะไม่มีไฟตัดหมอก และเมื่อเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสาร อารมณ์ยังคล้ายๆกับโมบิลิโอ้ ทั้งเบาะนั่งวัสดุแบบผ้า พวงมาลัย (เหมือนกันตั้งแต่รุ่นบริโอ้) ชุดเครื่องเสียง และไม่มีแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งการตกแต่งและการใช้วัสดุรวมๆในรุ่นนี้ดูงอกง่อยไปนิด ผิดกับรุ่น 7 ที่นั่งที่ดูพรีเมี่ยมกว่า


โดยตัวท็อปเกรด SV พวงมาลัยจะเป็นแบบเดียวกับ“ซีวิค”ตัวปัจจุบัน(ที่กำลังจะตกรุ่น) รูปแบบดูดีกว่าพร้อมหุ้มด้วยหนัง เช่นเดียวกับเบาะผ้าที่ใช้วัสดุหนังแท้และหนังเทียมสลับกัน พร้อมด้วยคอนโซลหน้ามีหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว คอยควบคุมและแสดงผลเรื่องเครื่องเสียงและโทรศัพท์ บวกกับวัสดุที่แต้มแต่งแดชบอร์ดหน้าและแผงประตู ก็ส่งให้รถดูหรูหรายิ่งขึ้น

…ใครอยากได้รุ่น 5 ที่นั่ง เพราะคิดว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และราคาต่างกัน 7 หมื่นบาท เมื่อเจออารมณ์การตกแต่งแบบดิบๆเข้าไปไม่รู่ว่าจะซื้อลงหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม ในรุ่น 5 ที่นั่งของ“บีอาร์-วี” จริงๆแล้ว ฮอนด้ายังหวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่เอาไปใช้งานแบบอเนกประสงค์ หรือคนต่างจังหวัดมีโอกาสซื้อไปใช้แทนปิกอัพ(ถ้าคุณไม่เอาไปบรรทุกหนัก) เพราะเมื่อคุณพับเบาะนั่งแถวสองลง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังจะเหลือเต็มๆลูกบาศก์

ขณะเดียวกัน น่าจะเหมาะกับผู้ประกอบการรายย่อยที่หวังเอาไปใช้เป็นรถเพื่อการพาณิชย์ (ดังนั้นออปชันต่างๆจึงจัดมาให้แบบพอใช้งาน ไม่ต้องหรูหรามาก) พวกรับส่งของ ขนของไปขาย หรือเป็นร้านเคลื่อนที่เล็กๆตามที่สมัยนี้นิยมกัน

ในขณะที่รุ่น 7 ที่นั่ง ชัดเจนว่าเป็นรถครอบครัว ใครไม่ชอบเอ็มพีวี หรือกำลังมองหาเอสยูวี 7 ที่นั่งราคาไม่เกินล้าน ต้องบอกว่า “บีอาร์-วี” ราคานี้ถูกที่สุดแล้ว แถมยังขับคล่องตัวกว่า เอสยูวี/พีพีวี คันโตๆอีกด้วย

ที่บอกว่าคล่องตัวนั้น จากการลองขับในเมืองเชียงใหม่ที่สภาพการจราจรหนาแน่น “บีอาร์-วี” คันนี้ เอี้ยวเลี้ยว แทรกมุดได้สบาย


เหนืออื่นใด ความสูงของตำแหน่งนั่ง และการมองผ่านกระจกบังลมหน้าสูงกว่าเก๋งเล็กทั่วไปแน่ๆ แต่ก็ไม่เด่นอลังการเหมือนปิกอัพหรือ พีพีวีคันโต ซึ่งผู้เขียนว่าความสูงกำลังเหมาะพอดีต่อทัศนวิสัยโดยรวม แต่ถ้าหากจะมีมุมอับบ้าง ก็น่าจะมุมมองจากกระจกมองหลัง (แต่ในรุ่น 7 ที่นั่งจะมีกล้องมองหลังมาให้ด้วย ช่วยเวลาถอยจอด)

เรี่ยวแรงของเครื่องยนต์บล็อกสหกรณ์ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT การตอบสนองดีเกินคาด

ทั้งนี้ จุดเด่นเรื่องความคล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มาจากระบบควบคุมและช่วงล่างที่พอเหมาะแล้ว พละกำลังจากเครื่องยนต์และหน้าที่ของเกียร์ชุดนี้ จัดมาให้แบบเหลือๆ คืออยากจะพุ่งออกตัวในทันที เร่งแซงกะทันหัน หรือนำพารถออกจากจุดคับขัน ทำได้ดีไม่มีเอื่อยอืด

ผู้เขียนมีโอกาสขับขากลับ จากแถวๆดอยสะเก็ดกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ กำลังของรถถือว่ายอดเยี่ยม ความเร็วปลายช่วง 100 กม./ชม.ขึ้นไปก็อัดได้เต็มกำลังดี แต่คงต้องดูจังหวะการยกคันเร่งให้เหมาะสมกับธรรมชาติของเกียร์สายพาน CVT เท่านี้ก็ฉลุยทุกเส้นทาง

ด้านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 12 วินาที วิศวกรฮอนด้าบอกว่า อาจจะด้อยกว่าโมบิลิโอ้นิดๆ ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่า (เพราะเครื่องยนต์-เกียร์ชุดเดียวกัน) ส่วนความเร็วสูงสุดล็อกไว้ 160 กม./ชม.

ในส่วนของช่วงล่าง วิศวกรฮอนด้าเซ็ทมาน่าชื่นชมครับ หากดูจากพื้นฐานโครงสร้างหรือประเมินจากโมบิลิโอ้แล้ว ไม่น่าจะทำออกมาได้เนียนขนาดนี้ แต่สุดท้ายประสิทธิภาพการทรงตัวในโค้ง ความนิ่งของพวงมาลัยบนความเร็วสูงให้ความมั่นใจพอสมควร

ประเด็นนี้แม้จะไม่เฉียบเท่า “เอชอาร์-วี” แต่ช่วงล่างและการควบคุมของ “บีอาร์-วี” ทำได้ดีเกินคาด หรือใครรับได้กับ “นิสสัน จู๊ค” สมรรถนะตรงนี้ก็ไม่เป็นปัญหากับ “บีอาร์-วี” แน่นอน




จุดเด่นที่เกินหน้าเกินตาของเอสยูวีระดับเริ่มต้นของฮอนด้าคันนี้ ต้องยกให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุดมไปด้วยอรรถประโยชน์ อย่างรุ่นท็อป เบาะนั่งแถวที่สองสามารถเลื่อนหน้าถอยหลังได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับพนักพิงหลัง ที่ปรับองศาการเอนได้

รถหลังคาสูง นั่งแล้วรู้สึกสบายใหญ่โต (นั่งใน เอชอาร์-วี หลังคายังเตี้ยกว่า) พื้นที่ว่างช่วงขาก็ขยับขยายได้สบาย ทว่าเบาะนั่งแถวสามยังขอให้เป็นเรื่องของคุณผู้หญิงตัวเล็กๆจะดีกว่า

…อ่อลืมบอกไปในรุ่น 7 ที่นั่ง ฮอนด้าให้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด มาครบคนนะครับ

ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมัน จาการขับเที่ยวกลับ (แถวดอยสะเก็ดลงมาตัวเมืองเชียงใหม่) ระยะทางประมาณ 50 กม. ขับเร็วครับ ทั้งขึ้น-ลงเขาและทางตรงยาวๆ จนเข้ามารถติดในเมือง สุดท้ายได้ตัวเลขประมาณ 14 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...เป็นอีกหนึ่งความโหดของฮอนด้าในการหาช่องทางเจาะตลาดเอสยูวี ที่ตอนนี้มีโมเดลให้เลือกมากที่สุด(ในบรรดารถตลาด) ซึ่งจะว่าไปก็อาจจะกินยอดขายรถยนต์ประเภทอื่น รวมถึงรถในไลน์อัพของตนเอง แต่เมื่อดูจากความสำเร็จของรุ่นพี่อย่าง“เอชอาร์-วี” ปีที่แล้วยังช่วยดันให้ฮอนด้าเป็นแชมป์ในกลุ่มรถยนต์นั่ง พร้อมรักษายอดขายรวมให้เติบโตสวนทางกับภาวะตลาด

ขณะที่ “บีอาร์-วี” ปีนี้หวังขาย 15,000 คัน น่าจะไปถึงตัวเลขนี้ได้ไม่ยากจากสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งาน เครื่องยนต์-เกียร์ ให้พละกำลังดี ช่วงล่างการควบคุมอยู่ในระดับพอใช้ แต่ก็ให้ความมั่นใจในการขับขี่ บวกกับจุดเด่นของความอเนกประสงค์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ใครอยากได้เอสยูวี 7 ที่นั่งตอนนี้ “บีอาร์-วี” ราคาถูกสุดแล้ว ส่วนคนที่อยากซื้อไปใช้เพื่อการพาณิชย์ สร้างงานทำเงินในกิจการค้าขาย รุ่น 5 ที่นั่งตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง หรือดีไม่ดีจะกลายเป็นอาวุธใหม่ในการบุกตลาดต่างจังหวัดของฮอนด้าที่น่าจับตาอย่างยิ่ง




กำลังโหลดความคิดเห็น