วันนี้(24 ก.พ.) มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวครอสโอเวอร์ “ซีเอ็กซ์-5” ใหม่ หรือรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ที่เน้นการเพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยสูงสุดเทียบเท่ารถยุโรป พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยเครื่องยนต์ดีเซล Skyactive-D 2.2 ขับเคลื่อน 2 ล้อ เสริมทัพรุ่น AWD และถอดรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรออก เหลือเฉพาะรุ่น Skyactive-G 2.0 เคาะราคา 1.22-1.69 ล้านบาท
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับมาสด้านั้น มาจากความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างจริงจังในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมามาสด้าเปิดตัวรุ่นใหม่มากถึง 5 รุ่น และในปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถใหม่เข้ามาทำตลาดอีก 7 รุ่น การเปิดตัว CX-5 ในวันนี้เป็นรุ่นที่ 2 ถัดจากการปรับโฉมของ Mazda3 ที่ได้เพิ่มอุปกรณ์การประหยัดน้ำมัน i-Stop และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ มากมาย
สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมา มาสด้าสามารถบรรลุยอดขายกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5% ในขณะที่ปีนี้ เป้าหมาย คือ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 5.5% ซึ่งเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา ในขณะที่ยอดขายรวมประมาณ 44,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่มกราคมเดือนแรกของปีนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงร้อนแรง ยอดขายพุ่งสูงถึง 3,491 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 7% ส่งผลให้วันนี้มาสด้าสามารถจำหน่ายรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นไปแล้วมากกว่า 52,000 คัน
ตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีในปีที่ผ่านมา เป็นเพียงเซ็กเม้นเดียวที่มียอดขายเพิ่มขึ้นสวนกับกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาสด้าสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการก้าวขึ้นมาครองอับดับ 3 ในเซ็กเมนต์นี้ มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะยังคงทรงตัว แต่จะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ยังคงเป็นไฮท์ไลท์สำคัญในปีนี้ที่จะนำพาให้ตลาดรถยนต์เติบโตไปได้ ถึงแม้จะเป็นการเติบโตอย่างช้าๆ ก็ตาม เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานได้อย่างครบครัน พร้อมกับราคาที่เหมาะสมยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดปีนี้ มาสด้าจึงวางกลยุทธ์ส่งรถ ครอสโอเวอร์เอสยูวี ขนาดคอมแพ็คท์ประเดิมสนามด้วยการเปิดตัว New Mazda CX-5 เป็นรุ่นที่สองของปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้” เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่มผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ มีแนวทางการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง เป็นผู้นำ และคาดว่าจะประสบความสำเร็จกับเป้ายอดขายที่วางไว้
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกยังคงรูปลักษณ์ที่งดงามของโคโดะ ดีไซน์ แต่เพิ่มเติมด้วยความสปอร์ตด้วยไฟหน้า Adaptive LED Headlamp ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมด้วยระบบอัจฉริยะปรับองศาอัตโนมัติอย่างอิสระซ้าย-ขวา ตามสภาพการขับขี่บนถนน และไฟ DAYTIME RUNNING LAMP และไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมชุดกระจังหน้าแบบใหม่
การออกแบบภายในเน้นหลักการทำงานตามธรรมชาติสรีระของการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จัดวางอุปกรณ์ทุกชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยแผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู ออกแบบใหม่เน้นการใช้สีเงินวาว และสีเงินซาตินโครม ทั้งยังมีวัสดุหุ้มพวงมาลัย มาพร้อมกับแผงหน้าปัดใหม่
ด้านความสะดวกสบายยังอัดแน่นด้วยอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบายที่เพิ่มจากเดิม ประกอบด้วย ระบบเบรกมือไฟฟ้า ELECTRICAL PARKING BREKE (EPB) ที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ที่จะช่วยให้เกิดความเสถียรภาพของจอดที่ง่ายขึ้น อีกหนึ่งไฮไลท์ฟังก์ชั่นด้วยสวิตช์ DRIVE SELECTION ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกโหมดขับขี่ในโหมดสปอร์ตเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตสุดเร้าใจ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูง โดยมีอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง และเบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านผู้โดยสารด้านหน้าในรุ่น XDL
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSEที่ครบครัน ทั้งแบบเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) บนท้องถนนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยทุกวินาทีของการขับขี่ ถือเป็นอีกก้าวที่ล้ำสมัยของเอสยูวี ประกอบด้วย
-ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยไม่ให้การทำงานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น
-LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถอาจเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อันเกิดจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
-LAS (Lane-keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน จะช่วยคนขับในการควบคุมรถ เมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
-SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ
-SBCS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
-DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบจะช่วงส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับ
-ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลนโดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
-RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังระบบจะส่งสัญญาณเตือนขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist) ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System) ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-5 ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ไม่เคยมีในรถยนต์ประเภทนี้ อาทิ ความสวยงามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ตอบสนองในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง ที่มาพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ดีที่สุดในคลาส เต็มเปี่ยมด้วยรสนิยมแห่งการคัดสรร ให้ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีให้ลูกค้าเลือกได้ทั้ง 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน AWD และแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่มาสด้าเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร
มาสด้า CX-5 ใหม่ มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์ คือ SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.5 กม./ลิตร และ SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.5 กม./ลิตร มีให้เลือกถึง 5 สี ประกอบด้วย สีฟ้า บลูรีเฟล็กซ์, สีเงิน อลูมินัมเมทัลลิค, สีดำ เจ็ทแบล็ก, สีเทา เมทิเออ เกรย์ไมก้า และสีขาว อาร์กติก ไวท์ ซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุด
สำหรับมาสด้า CX-5 ใหม่ มีราคาจำหน่ายดังนี้
รุ่น SKYACTIV-G 2.0 C ราคา 1,220,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-G 2.0 S ราคา 1,330,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-D 2.2 XD ราคา 1,530,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-D 2.2 XDL (AWD) ราคา 1,690,000 บาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับมาสด้านั้น มาจากความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างจริงจังในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมามาสด้าเปิดตัวรุ่นใหม่มากถึง 5 รุ่น และในปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถใหม่เข้ามาทำตลาดอีก 7 รุ่น การเปิดตัว CX-5 ในวันนี้เป็นรุ่นที่ 2 ถัดจากการปรับโฉมของ Mazda3 ที่ได้เพิ่มอุปกรณ์การประหยัดน้ำมัน i-Stop และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ มากมาย
สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมา มาสด้าสามารถบรรลุยอดขายกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5% ในขณะที่ปีนี้ เป้าหมาย คือ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 5.5% ซึ่งเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา ในขณะที่ยอดขายรวมประมาณ 44,000 คัน เพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่มกราคมเดือนแรกของปีนี้ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงร้อนแรง ยอดขายพุ่งสูงถึง 3,491 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 27% ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 7% ส่งผลให้วันนี้มาสด้าสามารถจำหน่ายรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทุกรุ่นไปแล้วมากกว่า 52,000 คัน
ตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีในปีที่ผ่านมา เป็นเพียงเซ็กเม้นเดียวที่มียอดขายเพิ่มขึ้นสวนกับกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาสด้าสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการก้าวขึ้นมาครองอับดับ 3 ในเซ็กเมนต์นี้ มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะยังคงทรงตัว แต่จะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ยังคงเป็นไฮท์ไลท์สำคัญในปีนี้ที่จะนำพาให้ตลาดรถยนต์เติบโตไปได้ ถึงแม้จะเป็นการเติบโตอย่างช้าๆ ก็ตาม เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานได้อย่างครบครัน พร้อมกับราคาที่เหมาะสมยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดปีนี้ มาสด้าจึงวางกลยุทธ์ส่งรถ ครอสโอเวอร์เอสยูวี ขนาดคอมแพ็คท์ประเดิมสนามด้วยการเปิดตัว New Mazda CX-5 เป็นรุ่นที่สองของปีนี้ ภายใต้แนวคิด “Achievement in Control ทุกความสำเร็จ...คุณควบคุมได้” เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่มผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ มีแนวทางการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง เป็นผู้นำ และคาดว่าจะประสบความสำเร็จกับเป้ายอดขายที่วางไว้
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกยังคงรูปลักษณ์ที่งดงามของโคโดะ ดีไซน์ แต่เพิ่มเติมด้วยความสปอร์ตด้วยไฟหน้า Adaptive LED Headlamp ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมด้วยระบบอัจฉริยะปรับองศาอัตโนมัติอย่างอิสระซ้าย-ขวา ตามสภาพการขับขี่บนถนน และไฟ DAYTIME RUNNING LAMP และไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมชุดกระจังหน้าแบบใหม่
การออกแบบภายในเน้นหลักการทำงานตามธรรมชาติสรีระของการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จัดวางอุปกรณ์ทุกชิ้น ให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยแผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู ออกแบบใหม่เน้นการใช้สีเงินวาว และสีเงินซาตินโครม ทั้งยังมีวัสดุหุ้มพวงมาลัย มาพร้อมกับแผงหน้าปัดใหม่
ด้านความสะดวกสบายยังอัดแน่นด้วยอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบายที่เพิ่มจากเดิม ประกอบด้วย ระบบเบรกมือไฟฟ้า ELECTRICAL PARKING BREKE (EPB) ที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ที่จะช่วยให้เกิดความเสถียรภาพของจอดที่ง่ายขึ้น อีกหนึ่งไฮไลท์ฟังก์ชั่นด้วยสวิตช์ DRIVE SELECTION ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกโหมดขับขี่ในโหมดสปอร์ตเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตสุดเร้าใจ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูง โดยมีอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมบันทึกความจำ 2 ตำแหน่ง และเบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านผู้โดยสารด้านหน้าในรุ่น XDL
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSEที่ครบครัน ทั้งแบบเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) และความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive Safety) บนท้องถนนจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยทุกวินาทีของการขับขี่ ถือเป็นอีกก้าวที่ล้ำสมัยของเอสยูวี ประกอบด้วย
-ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ช่วยปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกกันอย่างอิสระทั้งซ้าย-ขวาให้เหมาะสมกับระยะห่าง และตำแหน่งของรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยไม่ให้การทำงานของไฟสูงไปรบกวนรถคันอื่น
-LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถอาจเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อันเกิดจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
-LAS (Lane-keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน จะช่วยคนขับในการควบคุมรถ เมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
-SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ
-SBCS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
-DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบจะช่วงส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากความเหนื่อยล้าของผู้ขับ
-ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลนโดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบรถในเลนด้านข้างที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลังและอยู่ในจุดที่ผู้ขับอาจมองไม่เห็น
-RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังระบบจะส่งสัญญาณเตือนขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลัง
นอกจากนี้ยังมี ABS ทั้ง 4 ล้อ พร้อม EBD ที่ช่วยกระจายแรงเบรก, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, DSC (Dynamic Stability Control) ช่วยควบคุมเสถียรภาพ และการทรงตัวของรถ, HLA (Hill Launch Assist) ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS (Traction Control System) ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-5 ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ต พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่ไม่เคยมีในรถยนต์ประเภทนี้ อาทิ ความสวยงามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ตอบสนองในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง ที่มาพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ดีที่สุดในคลาส เต็มเปี่ยมด้วยรสนิยมแห่งการคัดสรร ให้ความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีให้ลูกค้าเลือกได้ทั้ง 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน AWD และแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่มาสด้าเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร
มาสด้า CX-5 ใหม่ มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์ คือ SKYACTIV-D เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 17.5 กม./ลิตร และ SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.5 กม./ลิตร มีให้เลือกถึง 5 สี ประกอบด้วย สีฟ้า บลูรีเฟล็กซ์, สีเงิน อลูมินัมเมทัลลิค, สีดำ เจ็ทแบล็ก, สีเทา เมทิเออ เกรย์ไมก้า และสีขาว อาร์กติก ไวท์ ซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุด
สำหรับมาสด้า CX-5 ใหม่ มีราคาจำหน่ายดังนี้
รุ่น SKYACTIV-G 2.0 C ราคา 1,220,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-G 2.0 S ราคา 1,330,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-D 2.2 XD ราคา 1,530,000 บาท
รุ่น SKYACTIV-D 2.2 XDL (AWD) ราคา 1,690,000 บาท
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring