ในปี 2559 ที่หลายภาคส่วนมองว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะทรงตัว เพราะยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ๆที่ชัดเจน และจมกับปัญหากำลังซื้อหด ผู้บริโภคไม่มั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย บวกกับหนี้ภาคครัวเรือนสูง ขณะที่ตลาดรถยนต์ยังโดนผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่อีกหนึ่งเด้ง
แต่ทั้งหมดทั้งปวงเหมือนจะสวนทางกับ “มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย” ที่ทำการบ้านมาดี ทั้งตั้งรับและรุกในจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยประธานบริหาร “ฮิเดสึเกะ ทาเกสึอะ” ได้ออกมาสรุปผลประกอบการในปีที่ผ่านมา กับความสำเร็จด้านยอดขายที่เจริญเติบโต พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และมองทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีใหม่ 2559 อย่างน่าสนใจ
***สถานการณ์มาสด้าในปี 2558
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สภาวะเศรษฐกินมีผลกับธุรกิจของมาสด้าน้อยมาก ทั้งในแง่แผนการลงทุน การผลิต การขายในประเทศและส่งออก
ด้านการขายในประเทศ ปี 2558 มาสด้าสามารถทำยอดขายได้รวม 39,471 คัน เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ทำได้ 34,326 คัน โดยสวนทางกับตลาดรวมที่ปิดยอดประมาณ 797,000 คัน (ลดลงจากปี 2557 ที่ขายได้ประมาณ 880,000 คัน) ส่งผลให้มาสด้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 4% เป็น 5%
โดยรุ่น Mazda 2 ขายได้ 19,091 คัน เพิ่มขึ้น 181% ปิกอัพ BT-50 PRO 8,054 คัน ลดลง 38% Mazda3 จำนวน 7,143 คัน ลดลง 20% เอสยูวี CX-5 จำนวน 3,832 คัน ลดลง 32% ในขณะที่น้องใหม่ CX-3 ที่เพิ่งเปิดตัวปลายปีที่แล้วยังทำยอดขายได้ถึง 1,321 คัน
***แผนงานในปีนี้
ปีนี้มาสด้าเตรียมเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 7 รุ่น(เป็นการไมเนอร์เชนจ์รถยนต์ที่ทำตลาดในปัจจุบันครบทุกรุ่น) ขณะที่กำลังผลิตในโควต้าของมาสด้าที่โรงงาน AAT จังหวัดระยอง เตรียมเพิ่มจาก 1.2 แสนคัน เป็น 1.35 แสนคัน ซึ่งถือว่าเต็มกำลังการผลิตในโควต้าของมาสด้า (อีก 1.35 แสนคันเป็นของฟอร์ด)
ในจำนวน 1.35 แสนคัน แบ่งเป็นการส่งออก 9.5 หมื่นคัน (BT-50 จำนวน 3.1 หมื่นคัน Mazda2 จำนวน 5 หมื่นคัน ที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆอีก 14,000 คัน) และขายในประเทศ 4 หมื่นคัน
นอกจากนี้ หลังจากมาสด้าลงทุนขยายกำลังการผลิตเครื่องยนต์ และเกียร์มาที่ประเทศไทย พร้อมดันไทยให้เป็นศูนย์กลางกระจายอะไหล่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญมาก และปีนี้ยังตั้งเป้าหมายส่งออกชิ้นส่วนเพิ่มขึ้นอีก 4% หรือคิดเป็นมูลค่า 3.1 พันล้านบาท
***เป้าหมายการขายมาสด้า
มาสด้าตั้งเป้าหมายการขายไว้ 44,000 คัน เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดจะต้องเพิ่มเป็น 5.5%
โดยคาดว่ากลุ่มเอสยูวียังได้การตอบรับที่ดีจากตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราเติบโตต่อไป ในส่วนมาสด้ามีทั้ง CX-3 และ CX-5 (ที่จะไมเนอร์เชนจ์เร็วๆนี้) คาดว่าทั้งสองรุ่นจะช่วยให้มาสด้าครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเอสยูวีได้ถึง 16%
***โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลกับตลาดรถยนต์ไทย
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีผลกระทบกับรถยนต์หลายเซกเมนต์ แต่หากมองให้ดีจะรู้ว่านี่เป็นการวางแผนยกระดับให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีมาตรฐานเทียบเท่ายุโรป และยิ่งเป็นการทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ตื่นตัว ซึ่งโมเดลที่จะทำตลาดต่อไปต้องพัฒนาประสิทธิภาพให้ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
