ผลผลิตที่ 3 จากค่าย Tesla ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว โดยคราวนี้หลังจากที่เจาะตลาดโรดสเตอร์และเก๋งขนาดใหญ่ พวกเขาขยับแนวรุกลงสู่ตลาดที่แปลกตาออกมาหน่อยกับรถยนต์พลังไฟฟ้า ที่มากับตัวถังครอสส์โอเวอร์สำหรับเอาใจคนรักความอเนกประสงค์กับชื่อ Model X
ในแง่ของรูปทรงและสไตล์รถถือว่ามาถูกจังหวะและช่วงเวลา เพราะในปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย แต่ยังคงความสะดวกสบาย และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเก๋งเอาไว้
รูปร่างหน้าตาของ Model X มาพร้อมกับความสวยและโฉบเฉี่ยว โดยมีรูปลักษณ์ด้านหน้าคล้ายกับ Model S ซึ่งเป็นซีดานระดับหรู ขณะที่ด้านท้ายมีการออกแบบให้ลาดเทและเป็นตัวถังทรง 5 ประตู แต่ที่เด่นสุดๆ คือ ประตูบานหลังเปิดขึ้นในลักษณะแบบปีกนกเหมือนกับรถสปอร์ต ซึ่งทาง Tesla เรียกว่า falcon Wing (ไม่ใช่ Gullwings เหมือนกับ Benz) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร ขณะที่ตัวรถมีความเพรียวลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน-Cd 0.24
สำหรับโครงสร้างตัวถังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของการเลือกใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมและเหล็กชั้นดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และยังลดน้ำหนักได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถตอบสนองด้วยความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งกว้างขวางแถมยังฉุดลากบ้านเคลื่อนที่ หรือรถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 5,000 ปอนด์ได้อีกด้วย
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในตัวรถมีทั้งหมด 2 ชุด ตัวที่อยู่บนเพลาหน้ามีกำลังสูงสุด 259 แรงม้า และด้านหลังมีกำลัง 503 แรงม้า ขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ และให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ใช้เวลา 3.2 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนการชาร์จของแบตเตอรี่ระดับ 90 kWh เมื่อเต็มแล้วสามารถแล่นได้ไกลถึง 250 ไมล์ หรือกว่า 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ต้องการความอเนกประสงค์แบบรักษ์โลก รอกันอีกนิด เพราะ Tesla จะเริ่มส่งขายในตลาดช่วงปีหน้า
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
ในแง่ของรูปทรงและสไตล์รถถือว่ามาถูกจังหวะและช่วงเวลา เพราะในปัจจุบัน รถยนต์อเนกประสงค์กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย แต่ยังคงความสะดวกสบาย และมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเก๋งเอาไว้
รูปร่างหน้าตาของ Model X มาพร้อมกับความสวยและโฉบเฉี่ยว โดยมีรูปลักษณ์ด้านหน้าคล้ายกับ Model S ซึ่งเป็นซีดานระดับหรู ขณะที่ด้านท้ายมีการออกแบบให้ลาดเทและเป็นตัวถังทรง 5 ประตู แต่ที่เด่นสุดๆ คือ ประตูบานหลังเปิดขึ้นในลักษณะแบบปีกนกเหมือนกับรถสปอร์ต ซึ่งทาง Tesla เรียกว่า falcon Wing (ไม่ใช่ Gullwings เหมือนกับ Benz) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร ขณะที่ตัวรถมีความเพรียวลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน-Cd 0.24
สำหรับโครงสร้างตัวถังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของการเลือกใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมและเหล็กชั้นดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และยังลดน้ำหนักได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถตอบสนองด้วยความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งกว้างขวางแถมยังฉุดลากบ้านเคลื่อนที่ หรือรถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 5,000 ปอนด์ได้อีกด้วย
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในตัวรถมีทั้งหมด 2 ชุด ตัวที่อยู่บนเพลาหน้ามีกำลังสูงสุด 259 แรงม้า และด้านหลังมีกำลัง 503 แรงม้า ขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ และให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ใช้เวลา 3.2 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนการชาร์จของแบตเตอรี่ระดับ 90 kWh เมื่อเต็มแล้วสามารถแล่นได้ไกลถึง 250 ไมล์ หรือกว่า 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ต้องการความอเนกประสงค์แบบรักษ์โลก รอกันอีกนิด เพราะ Tesla จะเริ่มส่งขายในตลาดช่วงปีหน้า
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
