“นุ่มนวล-ดุดัน เลือกได้” ...น่าจะเป็นวลีที่สะท้อนถึงตัวตนของ “เลกซัส อาร์เอ็กซ์ โฉมใหม่” (All New Lexus RX) ได้ดี หลังจากผู้เขียนมีโอกาสลองขับที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่เมืองไทยจะนำเข้ามาเปิดตัวช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยไฮไลต์อยู่ที่รุ่นย่อยใหม่ RX 200t เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ขับแล้วประทับใจมากที่สุด
หากกลับไปดูภาพรวมของ “เลกซัส” ในเครือโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย พระเอกที่ปั้นยอดในปีนี้ต้องยกให้เอสยูวีน้องเล็กรุ่น NX ครับ หลังจากตั้งหลักได้และมีรถพร้อมส่งมอบให้ลูกค้ามาเรื่อยๆตั้งแต่ครึ่งปีหลังที่ผ่านมา คาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะทำยอดขายได้ราวๆ 500 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของยอดขายรวมเลกซัสทุกรุ่น
ถือว่ายอดเยี่ยมกับทางเลือกเอสยูวี Entry Level ของเลกซัส เพราะในปัจจุบันตลาดเอสยูวีแข่งขันกันดุเหลือเกิน ด้วยทุกค่ายรถยนต์ต่างพัฒนารถรุ่นใหม่ๆลงสู่ตลาดในแบบไม่มีใครยอมใคร
...ดูเทรนด์ในเมืองไทยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ได้ ไม่ว่าจะค่ายรถหรูหรือรถบ้าน ต่างเสริมทัพเอสยูวีรุ่นใหม่กันจ้าละหวั่น ทั้งยังได้การตอบรับเป็นอย่างดีเสียด้วย ซึ่งจะว่าไปเทรนด์นี้ก็เข้าทางเลกซัสเพราะรถเด่นรุ่นดังที่เชิดหน้าชูตา หรือพอสู้กับพวกค่ายรถเยอรมันได้ ก็คือกลุ่มเอสยูวีนี่ละครับ
ดังนั้นการเปิดตัวของ “เลกซัส อาร์เอ็กซ์ โฉมใหม่” (All New Lexus RX) ที่งานนิวยอร์ค ออโต้โชว์ 2015 (เดือนเมษายน) จึงถือเป็นการประกาศศึกในสังเวียนที่เลกซัสปักหลักสู้ได้อย่างสบาย(โดยเฉพาะในตลาดอเมริกา)
สำหรับ“เลกซัส อาร์เอ็กซ์” ถือเป็นรถยนต์รุ่นขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ 26 ปีของแบรนด์เลกซัส โดยสามเจเนอเรชันที่ผ่านมา ทำยอดขายรวมทั่วโลกได้กว่า 2.1 ล้านคัน (นับถึงปี 2015) ส่วนเมืองไทยเตรียมนำเข้ารถมาจากญี่ปุ่นเพื่อเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ หรือจำง่ายๆว่าเจอกันแน่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015
“เลกซัส อาร์เอ็กซ์” เจเนอเรชันที่ 4 ออกแบบภายใต้แนวคิด Exceed RX ถ้าให้แปลสวยๆตามสติปัญญาของผู้เขียนก็คงหมายถึง เหนือกว่าอาร์เอ็กซ์รุ่นที่ผ่านๆมา (ก็ถ้าทำใหม่แล้วด้อยกว่า คงไม่ต้องขายกัน) ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือการออกแบบที่ดุดันมากขึ้น บนภาษาการออกแบบของเลกซัสยุคใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว ทั้งกันชนหน้าและโคมไฟหน้า สอดคล้องกับเส้นสายลายตัวถังที่กรีดคม เมื่อยามสะท้อนแสงเงาในหลายๆมุม ยิ่งส่งให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นมีพลัง
ขณะที่ขนาดของตัวถังก็ใหญ่กว่ารุ่นเดิม ด้วยความยาว 4,890 มม. (เพิ่ม 120 มม.) กว้าง 1,895 มม. (เพิ่ม 10 มม.) ความสูง 1,690 มม. (เพิ่ม 5 มม.) ระยะฐานล้อ 2,790 มม.(เพิ่ม 50 มม.)
ส่วนไลน์อัพของรถ ยังคงรุ่น RX 350 เครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.5 ลิตร และรุ่น RX 450h เครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงรุ่นใหม่ที่ว่าน่าสนใจคือ RX 200t เครื่องยนต์บล็อกใหม่เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งจะเข้ามาทำตลาดแทนรุ่น RX 270 เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร
ขณะเดียวกันทุกบล็อกที่กล่าวมา ทั้ง รุ่นเครื่องยนต์ วี6 (ไฮบริด) รหัส 2GR-FXS (รุ่นเดิม 2GR-FXE) และรุ่นเครื่องยนต์ วี6 รหัส 2GR-FKS (เดิม 2GR-FE) และเครื่องยนต์ 4 สูบ 8AR-FTS ยังมากับระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ “ไดเรกอินเจกชัน” หรือระบบ D4-S อีกด้วย
การทดสอบแถวๆชานเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ทีมงานเลกซัสนำรถมาให้ลองครบทุกรุ่นครับ เพียงแต่สเปกต่างๆอาจจะไม่ตรงกับที่ขายในบ้านเรา และแทบทุกรุ่นเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า (เมืองไทยรุ่นท็อปๆน่าจะเน้นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD) มิหนำซ้ำยังเป็นรถแบบพรีโปรดักต์ชันอีกต่างหาก(ยังไม่ใช่รถที่ผลิตเพื่อขาย ซึ่งในอเมริกาก็จะเริ่มส่งมอบรถให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคมนี้)
ช่วงเช้าผู้เขียนเริ่มขับ RX 350 (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ตามประสิทธิผลของเครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.5 ลิตร วาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 - 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (เดิม 6 สปีด)
เรี่ยวแรงนั่นหายห่วง กดเป็นหายสบายเท้า จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าได้แบบนุ่มนวลต่อเนื่อง สอดคล้องกับช่วงล่างที่ค่อนข้างนุ่ม(น่าจะนุ่มกว่ารุ่นเดิม) และพวงมาลัยไฟฟ้าที่เบามือ แต่ให้การควบคุมทิศทางที่แม่นยำ
จะว่าไปแล้ว บุคลิกรถแบบนี้ไม่ใช่ทางผู้เขียนแน่ๆ เพียงแต่ว่ายังไม่ทันได้ติหรือทิ้งระยะเวลาให้สงสัยนาน ผู้เขียนก็ได้ลองรุ่น RX 200t เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 238 แรงม้า ที่ให้อารมณ์การขับต่างออกไป และให้ความประทับใจกว่ามาก
สมรรถนะเกินคาดครับ เครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด นำพารถคันโตแล่นฉิววิ่งสบาย ไม่ต้องเข่นไม่ต้องเครียด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 9.2 วินาที ขณะเดียวกันการตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์ ยังเร่งเร้าเป็นธรรมชาติมากกว่า RX 350 อยู่พอสมควร
เหนืออื่นใดในรุ่นที่ได้ลองขับนี้ยังมากับ Adaptive Variable Suspension หรือระบบปรับช่วงล่าง(โช้คอัพ)อัตโนมัติตามสภาพถนนและลักษณะการขับ พร้อมตอบสนองการเปลี่ยนแปลงตามอัตราเร่ง การควบคุม การเบรก เพื่อให้รถมีเสถียรภาพสูงสุด
การขับ RX 200t ยังให้สัมผัสของเอสยูวีชั้นดี แต่เพิ่มความหนักแน่นของการควบคุมและช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท หลังเป็นปีกนกสองชั้น ประกบด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ทั้งนี้ในช่วงบ่ายผู้เขียนยังได้ลอง RX 200t F Sport ก็ยิ่งได้ใจมากกว่าเดิม ด้วยหน้าตาที่เสริมแต่ง วัสดุที่ใช้ภายในก็แต้มให้ดูสปอร์ต ทั้งบนพวงมาลัย คอนโซล แป้นคันเร่ง แป้นเบรก และมีแพดเดิ้ลชิฟท์หลังพวงมาลัย ขณะที่เบาะนั่งจะโอบกระชับรับสรีระมากกว่ารุ่นปกติ
ในส่วนของเรี่ยวแรงไม่ต่าง แต่รับรู้ได้ถึงช่วงล่างที่หนึบแข็งขึ้น นำ้หนักพวงมาลัยมากขึ้น พร้อมการปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ให้เล็ดรอดมากระแทกหูผู้ขับ หวังเพิ่มความเร้าใจในการกดคันเร่ง สามารถยกระดับความสปอร์ตในองค์รวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สมรรถนะของ RX 200t และรุ่น F Sport ไม่มีข้อสงสัยและชอบที่สุดในการขับเลกซัส อาร์เอ็กซ์ ทุกรุ่นในวันนั้น เพียงแต่อัตราบริโภคน้ำมันอาจจะขัดใจเล็กน้อย จากการขับทดสอบใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.บนถนนใหญ่ และต่ำกว่า 60 กม./ชม.เมื่อเข้าไปในชุมชน รถยังประมวลผลอัตราบริโภคน้ำมันได้เฉลี่ยประมาณ 12 กม./ลิตรครับ (ก็รถใหญ่ขนาดนั้น)
ดังนั้นถ้าเอาตัวเลขนี้ไปเทียบกับ RX 450h ไฮบริด ที่สมรรถนะก็ไม่ได้หนีไปจากรุ่นเดิมมากมาย การขับนวลเนียนไปเสียทุกอย่าง พร้อมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารชั้นเลิศ ซึ่งเลกซัสเคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไว้ 5.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 17.5 กม./ลิตร ดังนั้นรุ่นไฮบริด น่าจะยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของความประหยัดนำ้มัน
สำหรับการทำตลาดในเมืองไทยมากันครบทุกทางเลือกเครื่องยนต์ครับ ขณะที่ราคาขายยังไม่มีการเปิดเผย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะขยับขึ้นไปจากเดิมมาก หรือรุ่นเริ่มต้น RX 200t น่าจะเกาะอยู่ในช่วงเดิมของ RX 270 (4 - 4.5 ล้านบาท)ใครสนใจก็จองกันได้ปลายปีนี้ และรับรถได้ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า โดยรุ่น RX 200t พร้อมส่งมอบก่อน
รวบรัดตัดความ...ในประเทศไทยตอนนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ “เอ็ม-คลาส” กำลังจะตกรุ่น หรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านโมเดลใหม่เป็น “จีแอลอี” ขณะที่วอลโว่ "เอ็กซ์ซี-90 โฉมใหม่" ก็ยังไม่มา หรือใครเบื่อๆสไตล์ของบีเอ็มดับเบิลยู “เอ็กซ์5” (ที่จริงๆก็สมรรถนะดี แถมล่าสุดยังเสริมรุ่นดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ประกอบในประเทศเข้ามาอีก) อาจจะลองหันมาพิจารณา “เลกซัส อาร์เอ็กซ์” ที่สดใหม่ หล่อเข้มกระชากวัย บนแนวทางพัฒนาที่เน้นความหรูหรา ความสะดวกสบาย ออปชันเยอะ และอารมณ์การขับขี่ที่ต่างจากเอสยูวีค่ายยุโรป ด้วย 3 ทางเลือกของขุมพลังขับเคลื่อน พร้อมเซ็ทบุคคลิกต่างกันออกไป ไล่ตั้งแต่นุ่มเนียน ไปจนถึงสปอร์ตดุดันในแบบฉบับของตนเอง....เรียกว่าชอบทางไหน “เลกซัส อาร์เอ็กซ์” จัดให้ได้หมด
ข้อมูลทางเทคนิค เลกซัส อาร์เอ็กซ์ โฉมใหม่