รองประธานบอร์ดอีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป เผยเตรียมเลื่อนการลงทุนในประเทศจีนออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศจีนปรับตัวลดลง คาดรอเศรษฐกิจฟื้นก่อนจะเข้าไปลงทุนใหม่ เชื่อมั่นทั้งกำไร-รายได้งวดปีบัญชีนี้เป็นไปตามเป้าแน่นอน
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG กล่าวว่า แผนซื้อกิจการชิ้นส่วนยานยนต์ที่ประเทศจีน บริษัทฯ คาดว่าจะเลื่อนออกไปในปีหน้า ซึ่งจากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาสที่ 4 นี้ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศจีนอยู่ในช่วงของการชะลอตัว โดยจะรอให้ปรับฟื้นตัวขึ้นก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้จากผลการดำเนินงานงวดบัญชีปี 2558/2559 (เม.ย.58-มี.ค.59) จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 25-30% หรือประมาณ 8,500-9,000 ล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ในทุกส่วนของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในส่วนของยอดออเดอร์คำสั่งซื้อสินค้าจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศเข้ามาช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในส่วนของกำไรของงวดปี 2558/2559 (เม.ย.58-มี.ค.59) คาดว่าจะมีการเติบโตกว่าเท่าตัว เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนหน้า คือ 2557/2558 ที่มีกำไรสุทธิ 629.17 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่าไตรมาส 1/2558-2559 ที่ทำได้ 13.21% โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.76% เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต อีกทั้งในส่วนของราคาพลังงานที่ปรับลดลงทำให้วัสดุปลายน้ำ คือ เม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ผลิตสินค้าของบริษัทฯ ลดลงเฉลี่ย 18-30% ทำให้ต้นทุนของบริษัทฯ ลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประมาณการผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังตามงบบัญชีของบริษัท (ต.ค.58-มี.ค.59) คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยบริษัทที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เต็มที่ คือ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ตลอดจนถึงกลุ่มบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท โตไก อิสเทิร์น รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซีออน แอดวานซ์ โพลีมิกซ์ จำกัด ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อของบริษัทรถยนต์ทั้งในยุโรป และอเมริกา และค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย โดยกลุ่มสินค้าใหม่ที่มียอดสินค้าเข้ามามาก ได้แก่ หลังคารถกระบะ และ Sidestep สำหรับรถกระบะ และ SUV ซึ่งช่วยให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อการส่งออกมีแนวโน้มการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากตลาดรถกระบะเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ หลังค่ายรถยนต์เริ่มผลิต และส่งออกโมเดลใหม่สู่ตลาดมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจด้วยการ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในเคื่องจักรใหม่ จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตใหม่มีความรวดเร็ว และมีปริมาณมากขึ้นให้ได้ 10,000 ตัน/ปี ในกลุ่มธุรกิจผลิตสินค้าจากเม็ดพลาสติกประเภท EPP ขณะที่ในส่วนของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนประดับยนต์ของแอร์โรคลาส หรือ ARK คาดว่าจะใช้งบลงทุนด้านเครื่องจักรใหม่ประมาณ 200-300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ในส่วนของธุรกิจแอร์โรเฟล็ก หรือ AFC