เข้าสู่ครึ่งหลังของปี 2558 ไม่ว่าสภาวการณ์จะซบเซาแค่ไหนก็ตาม แต่ตลาดรถยนต์ในไทยยังดุเดือดร้อนแรง ประเดิมตั้งแต่เดือนแรกของช่วงครึ่งปีหลังกันเลย เพราะมีรถใหม่จ่อคิวเปิดตัวสู่ตลาดหลากหลายรุ่น ครอบคลุมทุกเซกเม้นท์หลักๆ เพื่อออกมายั่วต่อมอยากอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง? มาไล่เลียงกันตามช่วงวันเวลาของเดือนกรกฎาคมกันเลย...
เริ่มจากฤกษ์เปิดตัว “ซูซูกิ เซียส” (Suzuki Ciaz) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมเป็นต้นไป หลังจากได้มีการเผยโฉมหยั่งกระแสครั้งแรกในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 ซึ่งถือเป็นอีโคคาร์โมเดลที่ 3 ในไทย ต่อจากซูซูกิ สวิฟท์ และรุ่นเซเรลิโอ โดยเซียสนี้ใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรุ่นสวิฟท์ เพียงแต่มาในรูปตัวถังแบบซีดาน หรือเก๋ง 4 ประตู
ดังนั้นคู่แข่งตรงๆ ของซูซูกิ เซียส จึงเป็นรถในกลุ่มอีโคคาร์อย่าง นิสสัน อัลเมร่า, มิตซูบิชิ แอททราจ, ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ และมาสด้า2 สกายแอคทีฟ แถมเซียสยังมีแอบไปแซะกลุ่มเก๋งซับคอมแพกต์ 1.5 ลิตร กับความเชื่อมั่นภายใต้คอนเซปต์ “รถซีดานขนานแท้” ที่ชูจุดเด่นความภูมิฐานและใหญ่ ถึงขนาดประกาศลั่นในสื่อโฆษณาต่างๆ ว่ามีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่ที่สุดในตลาดรถระดับเดียวกัน
ความเชื่อมั่นดังกล่าวมาจากมิติตัวถังของเซียส ที่มีความยาว 4,490 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และความยาวระยะฐานล้อ 2,650 มม. จะเห็นเมื่อเทียบกับอีโคคาร์ซีดานด้วยกัน เซียสค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องความใหญ่ของพื้นที่ห้องโดยสาร แม้แต่นิสสัน อัลเมร่า (4,425x1,695x1,500x2,600) ที่ถือว่าใหญ่สุดในกลุ่มที่ผ่านมา ยังเล็กกว่าทั้งในเรื่องของความยาวรวม ตลอดจนความกว้าง และระยะฐานล้อ จะมีด้อยกว่าก็เรื่องของความสูง ซึ่งซูซูกิมองว่าออกแบบเหมาะสมไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร
ในเมื่อตัวถังใหญ่ขนาดนี้จะส่งผลต่อสมรรถนะการฉุดลากหรือไม่? ซูซูกิยืนยันไม่มีปัญหากับขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1,242 ซีซี. 91 แรงม้า และเมื่อบวกกับการออกแบบรถให้น้ำหนักเบา (960-1,005 กก.แล้วแต่รุ่นย่อย) ทำให้ตัวเลขอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ หรือแรงม้า 1 ตัวของเซียสแบกน้ำหนักน้อยกว่าคู่แข่งในกลุ่มหลายรุ่นด้วยกัน
ส่วนสนนราคาเปิดออกมาเริ่มต้น 484,000 -625,000 บาท และเมื่อมาผสานกับจุดเด่นหลักๆ ของซูซูกิ เซียส มาลุ้นกันว่าจะช่วยผลักดันให้ซูซูกิผงาดสู่ความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก อย่างที่วาดหวังไว้หรือไม่?!
ขยับไปอีกสัปดาห์วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 เป็นคิวของรถยนต์อเนกประสงค์แบบพีพีวีที่ผู้คนส่วนใหญ่เฝ้ารอ “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” โฉมใหม่ ซึ่งเป็น 1 ในรถจากโครงการ IMV ของโตโยต้า ที่ใช้พื้นตัวถังร่วมกับปิกอัพไฮลักซ์ รีโว่ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากโฉมที่ผ่านมา จากการพยายามฉีกรูปลักษณ์ให้แตกต่างจากปิกอัพไฮลักซ์ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นภายนอกและภายในห้องโดยสาร เพื่อยกระดับความหรูหราไม่ให้ติดกลิ่นอายของความเป็นปิกอัพ
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ มากับนิยาม “...New legend of the pride” หรือตำนานใหม่แห่งความภาคภูมิ ชัดเจนว่าจะเพิ่มความหรูแค่ไหน เพราะแค่ดูจากปิกอัพไฮลักซ์ รีโว่ ที่จัดเต็มอุปการณ์มาตรฐานมาเพียบแล้ว แว่วว่าฟอร์จูนเนอร์ใหม่ยังเพิ่มความหรูกับฝาประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ และถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคันอีกด้วย(เฉพาะรุ่นบน) โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ทั้งจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลรหัส GD ขนาด 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร เช่นเดียวกับปิกอพไฮลักซ์ รีโว่
นอกจากนี้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังได้จัดกิจกรรมรอบสาธารณชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคมศกนี้ ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้ฤกษ์เปิดตัวปิกอัพ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่ อย่างเป็นทางการกับลูกค้าทั่วไปเช่นกัน หลังจากเผยโฉมแบบแวบๆ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 โดยกำหนดจัดกิจกรรมแนะนำสู่ตลาด ณ ลานจอดรถ EZ Park ถนนพระราม 4 ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2558 นี้
ในงานนี้ฟอร์ดได้เตรียมเปิดตัวเรนเจอร์ ใหม่ พร้อมรายละเอียดราคากว่า 17 รุ่น ทั้งรุ่นสแตนดาร์ดแค็บ, โอเพ่นแค็บ, ดับเบิ้ลแค็บ และการเผยโฉม "เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค" ใหม่ ตัวจริงเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดให้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ และสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สำคัญฟอร์ดยังเตรียมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ โดยผู้ซื้อรถในงานรับสิทธิ์รับรถก่อนใครพร้อมประกันชั้น 1 และซื้ออุปกรณ์ตกแต่งฟอร์ดแท้ในราคาพิเศษ
สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เป็นการไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อรองรับรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” โฉมใหม่ ที่พัฒนาบนพื้นโครงสร้างสร้างตัวถังร่วมกัน และเพิ่งแนะนำสู่ตลาดไป ซึ่งเรนเจอร์ใหม่ออกแบบภายนอกดุดันแข็งแกร่ง ห้องโดยสารมอบความสะดวกสบาย หรูหรา และทันสมัย พร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยการออกแบบเส้นสายตามแนวขวาง เพื่อให้ความรู้สึกที่โอ่อ่าและกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งยังมากับเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดต่อสื่อสารภายในตัวรถได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 2 (SYNC 2) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงอุปกรณ์ชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น ระบบเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ปรับปรุงโปรแกรมการทำงานของเกียร์ และเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะดีขึ้น
ปิดท้ายตามรายงานล่าสุด ณ ปัจจุบัน ช่วงปลายเดือนประมาณกรกฎาคมนี้ จะเป็นการเปิดตัวของคอมแพ็กต์คาร์ “เอ็มจี6” ใหม่ ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก หลังจากแนะนำสู่ตลาดไทยได้เกือบครบปี โดยมีการปรับกระจังและกันชนหน้าใหม่ รวมถึงลวดลายช่องดักลมเป็นแบบรังผึ้ง เช่นเดียวกับช่องไฟตัดหมอก แต่เปลี่ยนเป็นติดตั้ง DRL แทน
แน่นอนสิ่งที่จะเป็นไฮไลต์ของ เอ็มจี6 ใหม่ ย่อมต้องเป็น inkaNet ระบบที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์เอ็มจีกับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่าน T-Box ซึ่งเป็นชุดการสื่อสารบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายในรถที่ติดตั้งมาจากโรงงานครั้งแรก โดยประกอบด้วยฟังก์ชั่นหลัก อาทิ ระบบความปลอดภัยและระบบนำทางแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นการตรวจวิเคราะห์รถยนต์แบบรีโมท ระบบการแจ้งเตือนความผิดปกติ ระบบตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของรถ และฟังก์ชั่นควบคุการเปิด/ปิดประตูรถ ที่ล้วนสั่งหรือจัดการผ่านแอพพลิชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ซึ่งระบบ inkaNet จะติดตั้งในรถใหม่ของเอ็มจีทุกรุ่น เริ่มตั้งแต่เอ็มจี6 เป็นต้นไป
จากความเคลื่อนไหวทั้งหมด จะเห็นว่าเพียงประเดิมเดือนแรกช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดรถยนต์ก็ร้อนแรงในแทบจะทุกเซกเม้นต์หลัก เชื่อว่าค่ายอื่นๆ จะต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่ออกมาชนแน่นอน...
เริ่มจากฤกษ์เปิดตัว “ซูซูกิ เซียส” (Suzuki Ciaz) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมเป็นต้นไป หลังจากได้มีการเผยโฉมหยั่งกระแสครั้งแรกในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 ซึ่งถือเป็นอีโคคาร์โมเดลที่ 3 ในไทย ต่อจากซูซูกิ สวิฟท์ และรุ่นเซเรลิโอ โดยเซียสนี้ใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกับรุ่นสวิฟท์ เพียงแต่มาในรูปตัวถังแบบซีดาน หรือเก๋ง 4 ประตู
ดังนั้นคู่แข่งตรงๆ ของซูซูกิ เซียส จึงเป็นรถในกลุ่มอีโคคาร์อย่าง นิสสัน อัลเมร่า, มิตซูบิชิ แอททราจ, ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ และมาสด้า2 สกายแอคทีฟ แถมเซียสยังมีแอบไปแซะกลุ่มเก๋งซับคอมแพกต์ 1.5 ลิตร กับความเชื่อมั่นภายใต้คอนเซปต์ “รถซีดานขนานแท้” ที่ชูจุดเด่นความภูมิฐานและใหญ่ ถึงขนาดประกาศลั่นในสื่อโฆษณาต่างๆ ว่ามีพื้นที่ห้องโดยสารใหญ่ที่สุดในตลาดรถระดับเดียวกัน
ความเชื่อมั่นดังกล่าวมาจากมิติตัวถังของเซียส ที่มีความยาว 4,490 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และความยาวระยะฐานล้อ 2,650 มม. จะเห็นเมื่อเทียบกับอีโคคาร์ซีดานด้วยกัน เซียสค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องความใหญ่ของพื้นที่ห้องโดยสาร แม้แต่นิสสัน อัลเมร่า (4,425x1,695x1,500x2,600) ที่ถือว่าใหญ่สุดในกลุ่มที่ผ่านมา ยังเล็กกว่าทั้งในเรื่องของความยาวรวม ตลอดจนความกว้าง และระยะฐานล้อ จะมีด้อยกว่าก็เรื่องของความสูง ซึ่งซูซูกิมองว่าออกแบบเหมาะสมไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร
ในเมื่อตัวถังใหญ่ขนาดนี้จะส่งผลต่อสมรรถนะการฉุดลากหรือไม่? ซูซูกิยืนยันไม่มีปัญหากับขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ขนาด 1,242 ซีซี. 91 แรงม้า และเมื่อบวกกับการออกแบบรถให้น้ำหนักเบา (960-1,005 กก.แล้วแต่รุ่นย่อย) ทำให้ตัวเลขอัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ หรือแรงม้า 1 ตัวของเซียสแบกน้ำหนักน้อยกว่าคู่แข่งในกลุ่มหลายรุ่นด้วยกัน
ส่วนสนนราคาเปิดออกมาเริ่มต้น 484,000 -625,000 บาท และเมื่อมาผสานกับจุดเด่นหลักๆ ของซูซูกิ เซียส มาลุ้นกันว่าจะช่วยผลักดันให้ซูซูกิผงาดสู่ความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก อย่างที่วาดหวังไว้หรือไม่?!
ขยับไปอีกสัปดาห์วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 เป็นคิวของรถยนต์อเนกประสงค์แบบพีพีวีที่ผู้คนส่วนใหญ่เฝ้ารอ “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์” โฉมใหม่ ซึ่งเป็น 1 ในรถจากโครงการ IMV ของโตโยต้า ที่ใช้พื้นตัวถังร่วมกับปิกอัพไฮลักซ์ รีโว่ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากโฉมที่ผ่านมา จากการพยายามฉีกรูปลักษณ์ให้แตกต่างจากปิกอัพไฮลักซ์ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นภายนอกและภายในห้องโดยสาร เพื่อยกระดับความหรูหราไม่ให้ติดกลิ่นอายของความเป็นปิกอัพ
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ มากับนิยาม “...New legend of the pride” หรือตำนานใหม่แห่งความภาคภูมิ ชัดเจนว่าจะเพิ่มความหรูแค่ไหน เพราะแค่ดูจากปิกอัพไฮลักซ์ รีโว่ ที่จัดเต็มอุปการณ์มาตรฐานมาเพียบแล้ว แว่วว่าฟอร์จูนเนอร์ใหม่ยังเพิ่มความหรูกับฝาประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ และถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคันอีกด้วย(เฉพาะรุ่นบน) โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ทั้งจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลรหัส GD ขนาด 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร เช่นเดียวกับปิกอพไฮลักซ์ รีโว่
นอกจากนี้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังได้จัดกิจกรรมรอบสาธารณชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคมศกนี้ ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้ฤกษ์เปิดตัวปิกอัพ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่ อย่างเป็นทางการกับลูกค้าทั่วไปเช่นกัน หลังจากเผยโฉมแบบแวบๆ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2014 โดยกำหนดจัดกิจกรรมแนะนำสู่ตลาด ณ ลานจอดรถ EZ Park ถนนพระราม 4 ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2558 นี้
ในงานนี้ฟอร์ดได้เตรียมเปิดตัวเรนเจอร์ ใหม่ พร้อมรายละเอียดราคากว่า 17 รุ่น ทั้งรุ่นสแตนดาร์ดแค็บ, โอเพ่นแค็บ, ดับเบิ้ลแค็บ และการเผยโฉม "เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค" ใหม่ ตัวจริงเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดให้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ และสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สำคัญฟอร์ดยังเตรียมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ โดยผู้ซื้อรถในงานรับสิทธิ์รับรถก่อนใครพร้อมประกันชั้น 1 และซื้ออุปกรณ์ตกแต่งฟอร์ดแท้ในราคาพิเศษ
สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เป็นการไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อรองรับรถอเนกประสงค์แบบพีพีวี “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” โฉมใหม่ ที่พัฒนาบนพื้นโครงสร้างสร้างตัวถังร่วมกัน และเพิ่งแนะนำสู่ตลาดไป ซึ่งเรนเจอร์ใหม่ออกแบบภายนอกดุดันแข็งแกร่ง ห้องโดยสารมอบความสะดวกสบาย หรูหรา และทันสมัย พร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยการออกแบบเส้นสายตามแนวขวาง เพื่อให้ความรู้สึกที่โอ่อ่าและกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งยังมากับเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดต่อสื่อสารภายในตัวรถได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 2 (SYNC 2) เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงอุปกรณ์ชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น ระบบเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ปรับปรุงโปรแกรมการทำงานของเกียร์ และเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะดีขึ้น
ปิดท้ายตามรายงานล่าสุด ณ ปัจจุบัน ช่วงปลายเดือนประมาณกรกฎาคมนี้ จะเป็นการเปิดตัวของคอมแพ็กต์คาร์ “เอ็มจี6” ใหม่ ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก หลังจากแนะนำสู่ตลาดไทยได้เกือบครบปี โดยมีการปรับกระจังและกันชนหน้าใหม่ รวมถึงลวดลายช่องดักลมเป็นแบบรังผึ้ง เช่นเดียวกับช่องไฟตัดหมอก แต่เปลี่ยนเป็นติดตั้ง DRL แทน
แน่นอนสิ่งที่จะเป็นไฮไลต์ของ เอ็มจี6 ใหม่ ย่อมต้องเป็น inkaNet ระบบที่ใช้สื่อสารระหว่างรถยนต์เอ็มจีกับผู้ขับขี่ โดยเชื่อมต่อกันผ่าน T-Box ซึ่งเป็นชุดการสื่อสารบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายในรถที่ติดตั้งมาจากโรงงานครั้งแรก โดยประกอบด้วยฟังก์ชั่นหลัก อาทิ ระบบความปลอดภัยและระบบนำทางแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นการตรวจวิเคราะห์รถยนต์แบบรีโมท ระบบการแจ้งเตือนความผิดปกติ ระบบตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของรถ และฟังก์ชั่นควบคุการเปิด/ปิดประตูรถ ที่ล้วนสั่งหรือจัดการผ่านแอพพลิชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ซึ่งระบบ inkaNet จะติดตั้งในรถใหม่ของเอ็มจีทุกรุ่น เริ่มตั้งแต่เอ็มจี6 เป็นต้นไป
จากความเคลื่อนไหวทั้งหมด จะเห็นว่าเพียงประเดิมเดือนแรกช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดรถยนต์ก็ร้อนแรงในแทบจะทุกเซกเม้นต์หลัก เชื่อว่าค่ายอื่นๆ จะต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการเปิดตัวรถใหม่ออกมาชนแน่นอน...