xs
xsm
sm
md
lg

“เรามอบโอกาสพลิกชีวิตให้คนไทย”...ประพัฒน์ เชยชม กับเป้าหมายสูงสุดในนิสสัน จีที อคาเดมี ซีซั่น2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการชิงสิทธิ์เข้าค่ายปั้นนักขับระดับโลกในโครงการ “นิสสัน จีที อคาเดมี” ซีซั่น 2 (Nissan GT Academy Season 2 Thailand National Final) ที่จะพลิกชีวิตผู้ร่วมแข่งขันจากนักซิ่งในจอตู้สู่สนามจริงกับทีมแข่งรถมืออาชีพ โดยการจัดแข่งขันต่อเนื่องเป็นปีที่สองนี้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร กระแสตอบรับมีมากน้อยขนาดไหน และด้านเป้าหมายสูงสุดเป็นอย่างไร...ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมให้รายละเอียด...
ประพัฒน์ เชยชม
นิสสันกับความเร็วเป็นของคู่กัน

“นิสสันกับความเร็วเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ทั้งเวทีใหญ่ในยุโรปหรือระดับโลกก็ตาม จะเห็นว่ามีผลงานสร้างชื่อเสมอมา ดังนั้นด้านชื่อเสียงและความสำเร็จของนิสสันในวงการมอเตอร์สปอร์ตโลก ทุกคนคงรับทราบกันดีอยู่แล้ว อย่างล่าสุดในรายการแข่งขันซูเปอร์ จีที ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้ รถแข่งนิสสัน จีที-อาร์ (GT-R) สามารถคว้าแชมป์สนามได้ทั้งในรุ่นจีที 500 และจีที 300 สะท้อนถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของเราเป็นอย่างดี” ประพัฒน์ เกริ่นถึงศักยภาพในโลกความเร็วและเผยต่อว่า

“ขณะที่โครงการนิสสัน จีที อคาเดมี เปิดโอกาสให้ผู้ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งรถมีโอกาสได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์กับทีมแข่งรถมืออาชีพดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นปีที่ 2 โดยจำนวน 6 คน จาก 20 คน ในรอบสุดท้ายจะได้เข้าค่ายเก็บตัวนักแข่งที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ เพื่อทำความฝันให้เป็นจริงต่อไป”
โฉมหน้าผู้ผ่านเข้ารอบ 20 คน ในนิสสัน จีที อคาเดมี ซีซั่น 2
สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก 20 คน มาจากระบบออนไลน์ PSN จำนวน 10 คน และจากเวทีแข่งขันพิเศษ “Nissan GT Academy Live Event” ซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ผ่านการขับแข่งด้วยเครื่อง “นิสสัน จีที6 ซิมูเลเตอร์” (Nissan GT6 Simulator) ที่ให้บรรยากาศเสมือนนั่งอยู่ในค็อกพิทรถแข่งจริงอีก 10 คน และกำลังชิงชัยรอบตัดเชือกในวันนี้ (1-2 ก.ค.) ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์

โอกาสพลิกชีวิตของคนไทย

ด้วยกระแสตอบรับของบรรดาเกมเมอร์ที่ขยับสูงขึ้นทุกปี ในปีนี้จึงมีผู้เข้าร่วมมากขึ้นกว่า 28 ประเทศทั่วโลก การจัดแข่งจึงแบ่งออกเป็น 3 เวทีหลัก คือ ยุโรป เอเชีย และอินเตอร์เนชันแนล โดยตัวแทนจากไทยจะได้ชิงชัยในเวทีเอเชียกับอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, อินเดีย และอินโดนีเซีย
ด่านสัมภาษณ์ทดสอบทักษะการสื่อสาร
ต่อด้วยเครื่องนิสสัน จีที6 ซิมูเลเตอร์ จำลองการขับขี่เสมือนจริง
“จากปีก่อนเราต้องร่วมสายกับอินเดีย ออสเตรเลีย เม็กซิโก และตะวันออกกลาง ด้วยการแบ่งกลุ่มแบบนี้โอกาสของคนไทยจะมีมากขึ้น ผมมองว่าคู่แข่งในภูมิภาคนี้ที่น่ากลัวที่สุดคือ ญี่ปุ่นและอินเดีย เพราะเขามีนักแข่งระดับโลกที่มีชื่อเสียงหลายคน ส่วนประเทศอื่นๆ แม้เราจะไม่ประมาท แต่คู่แข่งหลักน่าจะเป็นสองประเทศแรกมากกว่า” ผู้บริหารนิสสันเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในปีนี้ ก่อนที่จะย้ำถึงเป้าหมายสำคัญของโครงการว่า

เรามอบโอกาสพลิกชีวิตให้คนไทยแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าพวกเขาจะสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากโครงการใหญ่ระดับนี้ใช้เงินทุนสูง และถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับประเทศไทยที่ได้จัดกิจกรรมการแข่งขันต่อเนื่อง เพราะการจะเข้ามาเป็นนักแข่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากนับเฉพาะแค่ค่าใช้จ่ายในเกมกีฬามอเตอร์สปอร์ตก็ต้องใช้เงินสูงอยู่แล้ว ไม่นับรวมโอกาสที่ได้จะร่วมสังกัดทีมแข่งระดับโลก สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ คงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงขอให้ผู้เข้ารอบทั้งหมดต้องตั้งใจและคว้าโอกาสไปให้ได้”
เบ๊บ-ฐนโรจน์ ธนาสิทธิ์นิธิเกตุ คว้าชัยในไมคราคัพที่ประเทศแคนาดา
ตัวอย่างความสำเร็จจากแชมป์ปี 2014

เมื่อกล่าวถึงชีวิตความเปลี่ยนแปลงของผู้ชนะในปีก่อน ประพัฒน์ เล่าว่า หากเบ๊บ-ฐนโรจน์ ธนาสิทธิ์นิธิเกตุ แชมป์นิสสัน จีที อคาเดมี คนแรกของประเทศไทย ไม่ผิดพลาดในรอบตัดสินและสามารถคว้าชัยชนะได้เงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมเข้าโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งอาชีพสังกัดทีมนิสโม่ กลับมาคงพลิกชีวิตไปอีกขั้นแน่นอน

“แม้จะไม่ได้แชมป์ แต่ขณะนี้ชีวิตก็พลิกผันเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตระดับสากลแล้ว เนื่องจากเรามองเห็นความสามารถในตัวเขา เราเห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ ซึ่งเขามีคุณสมบัติของนักกีฬาครบถ้วน โดยเฉพาะความมีวินัยที่มีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นเราจึงสนับสนุนผลักดันให้ไปแข่งไมคราคัพที่ประเทศแคนาดา และเขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงทักษะที่พัฒนาขึ้นอย่างเยี่ยมยอด ซึ่งไม่เพียงคว้าชัยในสองสนามแรก อีกทั้งยังได้รับคำชมถึงความมีน้ำใจนักกีฬา และการเป็นนักแข่งที่มีวินัย หมั่นฟิตซ้อมมากคนหนึ่งด้วย”

มุมมองกีฬามอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทย

เมื่อถามถึงโอกาสที่นิสสันจะจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในเมืองไทยเหมือนกับค่ายญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นๆ หรือไม่ ประพัฒน์ ให้คำตอบว่า ขอดูความนิยมกีฬามอเตอร์สปอร์ตไปอีกสักระยะ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากระแสความนิยมกีฬาประเภทนี้ยังไม่เปิดกว้างมากนัก เนื่องจากสนามแข่งที่ผ่านการรับรองระดับสากลยังไม่พร้อมเท่าที่ควร อีกทั้งยังขาดระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐานด้วย

“ตอนนี้เท่าที่เห็นมีสนามช้างฯ แห่งเดียว หากมีสนามระดับเดียวกันมากขึ้น เชื่อว่าจะมีคนสนใจมากขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน ส่วนการจัดแข่งขันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในด้านตลาดรถยนต์บ้านเราถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ไทยเปรียบเสมือนดีทรอยต์ของเอเชีย ทั้งทำการผลิตและส่งออก มียอดขายในประเทศเฉลี่ยต่อปีเกือบล้านคัน ถือว่ามีความพร้อมทั้งในด้านประชากรและเศรษฐกิจในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับภูมิภาคสูงมากอยู่แล้ว”

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น