ข่าวในประเทศ-แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้เฮ หลังบอสใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ” ประธานที่ปรึกษา BRIC ร่วมกับ มาซากิ บันโดะ ประธานกรรมการจีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน “ซูเปอร์ จีที” แถลงข่าวยืนยันการขยายสัญญาจัดการแข่งขันต่อเนื่องอีก 2 ปี ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมยื่นขอสิทธิ์ไวด์การ์ดเพิ่มหวังให้แฟนกีฬาชาวไทยมีส่วนร่วมเชียร์ทีมเจ้าบ้านมากขึ้น
เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (BRIC) เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ ซูเปอร์ จีที จากครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วและต่อเนื่องถึงปีนี้ ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งขอชื่นชมทีมแข่งของญี่ปุ่นที่สามารถทำเวลาในรอบควอลิฟายได้ดีกว่าปีแรก ทำให้ทีมแข่งจากไทยต้องทำงานหนักมากขึ้นในการเข้าร่วมแข่งขันของปีนี้
“การจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ ซูเปอร์ จีที ที่สัญญาเดิมเรามีอยู่ 2 ปี และปีนี้เป็นครั้งที่สองของสัญญา ซึ่งเราได้บรรลุข้อตกลงกับทาง จีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันรายการ ซูเปอร์ จีที ว่าจะจัดการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ต่อไปอีก 2 ปี (2016-2017) ภายใต้เงื่อนไขมีสิทธิ์ไวด์การ์ดของทีมแข่งไทย 1 ทีม ขณะเดียวกันทางบุรีรัมย์กำลังมองว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตเข้ามาชมการแข่งขันเพิ่มขึ้น นั่นคือการเข้ามาเชียร์นักแข่งที่เป็นคนไทย เราจึงเชื่อว่าหากเราเจราจาขอเพิ่มสิทธิไวด์การ์ดเพิ่ม ทางจีทีเอน่าจะไม่มีปัญหาอะไร” เนวิน กล่าว
มาซากิ บันโดะ ประธานกรรมการบริษัท จีทีเอ (GTA) เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันรายการ ซูเปอร์ จีที กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมบุรีรัมย์ ที่สามารถจัดการแข่งขันได้ดีทั้งสองครั้ง ไม่เพียงแค่การจัดการในสนามแข่งรถ แต่โดยรวมรอบๆ สนามยังมีกิจกรรมให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตได้มีส่วนร่วม และต้องถือว่าที่นี่ครบวงจรเรื่องของกีฬา ซึ่งเราก็พร้อมร่วมมือพัฒนาวงการความเร็วในเมืองไทยให้ยกระดับสู่มาตรฐานสากลต่อไป
“เสียดายที่ทีมไทยไม่สามารถทำเวลาในการควอลิฟายได้ดีเท่าไรนัก แต่เราก็เห็นความพยายามของทีมไทย ยิ่งในช่วงซ้อมเมื่อเช้าก็ทำเวลาได้เป็นที่ 1 ส่วนตัวผมเองคิดว่าทุกทีมสามารถมีส่วนร่วมในรายการแข่งนี้ โดยไม่ได้แบ่งแยกว่าจะเป็นทีมญี่ปุ่นหรือทีมไทย ซึ่งคิดว่าการแข่งขันในรอบชิงจะสนุกมากขึ้น ส่วนการแข่งขันที่จะจัดขึ้นอีก 2 ปีนับจากนี้ มั่นใจว่าจะทำให้ทีมงานและนักแข่งจากทั้งประเทศญี่ปุ่นและไทยมีการพัฒนามากขึ้นในอนาคต” เจ้าของลิขสิทธิ์ ซูเปอร์ จีที กล่าว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (BRIC) เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ ซูเปอร์ จีที จากครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วและต่อเนื่องถึงปีนี้ ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งขอชื่นชมทีมแข่งของญี่ปุ่นที่สามารถทำเวลาในรอบควอลิฟายได้ดีกว่าปีแรก ทำให้ทีมแข่งจากไทยต้องทำงานหนักมากขึ้นในการเข้าร่วมแข่งขันของปีนี้
“การจัดการแข่งขันบุรีรัมย์ ซูเปอร์ จีที ที่สัญญาเดิมเรามีอยู่ 2 ปี และปีนี้เป็นครั้งที่สองของสัญญา ซึ่งเราได้บรรลุข้อตกลงกับทาง จีทีเอ เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันรายการ ซูเปอร์ จีที ว่าจะจัดการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ต่อไปอีก 2 ปี (2016-2017) ภายใต้เงื่อนไขมีสิทธิ์ไวด์การ์ดของทีมแข่งไทย 1 ทีม ขณะเดียวกันทางบุรีรัมย์กำลังมองว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตเข้ามาชมการแข่งขันเพิ่มขึ้น นั่นคือการเข้ามาเชียร์นักแข่งที่เป็นคนไทย เราจึงเชื่อว่าหากเราเจราจาขอเพิ่มสิทธิไวด์การ์ดเพิ่ม ทางจีทีเอน่าจะไม่มีปัญหาอะไร” เนวิน กล่าว
มาซากิ บันโดะ ประธานกรรมการบริษัท จีทีเอ (GTA) เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันรายการ ซูเปอร์ จีที กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมบุรีรัมย์ ที่สามารถจัดการแข่งขันได้ดีทั้งสองครั้ง ไม่เพียงแค่การจัดการในสนามแข่งรถ แต่โดยรวมรอบๆ สนามยังมีกิจกรรมให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตได้มีส่วนร่วม และต้องถือว่าที่นี่ครบวงจรเรื่องของกีฬา ซึ่งเราก็พร้อมร่วมมือพัฒนาวงการความเร็วในเมืองไทยให้ยกระดับสู่มาตรฐานสากลต่อไป
“เสียดายที่ทีมไทยไม่สามารถทำเวลาในการควอลิฟายได้ดีเท่าไรนัก แต่เราก็เห็นความพยายามของทีมไทย ยิ่งในช่วงซ้อมเมื่อเช้าก็ทำเวลาได้เป็นที่ 1 ส่วนตัวผมเองคิดว่าทุกทีมสามารถมีส่วนร่วมในรายการแข่งนี้ โดยไม่ได้แบ่งแยกว่าจะเป็นทีมญี่ปุ่นหรือทีมไทย ซึ่งคิดว่าการแข่งขันในรอบชิงจะสนุกมากขึ้น ส่วนการแข่งขันที่จะจัดขึ้นอีก 2 ปีนับจากนี้ มั่นใจว่าจะทำให้ทีมงานและนักแข่งจากทั้งประเทศญี่ปุ่นและไทยมีการพัฒนามากขึ้นในอนาคต” เจ้าของลิขสิทธิ์ ซูเปอร์ จีที กล่าว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring