หากพูดถึงชุดแต่งประจำค่ายรถ ในไทยอาจจะคุ้นเคยกับ “ทีอาร์ดี” หรือที่ติดมากับรถเรียกรุ่น “ทีอาร์ดี สปอร์ติโว” หรือรถหรูก็ต้อง “เอเอ็มจี” ชุดแต่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ในส่วนค่ายรถอื่นๆ ก็มีเช่นกัน อย่าง “ฮอนด้า” ที่มีชุดแต่งหล่อ “โมดูโล” (Modulo) ซึ่งเตรียมจะรุกตลาดไทยอย่างเต็มที่จากนี้ไป โดย “ฮาจิเมะ ฟุรุยะ” ประธานบริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด ที่มีสำนักงานใหญ่ในไทย จะมาแย้มกลยุทธ์ให้รับรู้กัน...

หากพูดถึงชุดแต่งประจำค่ายรถ ในไทยอาจจะคุ้นเคยกับ “ทีอาร์ดี” หรือที่ติดมากับรถเรียกรุ่น “ทีอาร์ดี สปอร์ติโว” หรือรถหรูก็ต้อง “เอเอ็มจี” ชุดแต่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ในส่วนค่ายรถอื่นๆ ก็มีเช่นกัน อย่าง “ฮอนด้า” ที่มีชุดแต่งหล่อ “โมดูโล” (Modulo) ซึ่งเตรียมจะรุกตลาดไทยอย่างเต็มที่จากนี้ไป โดย “ฮาจิเมะ ฟุรุยะ” ประธานบริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด ที่มีสำนักงานใหญ่ในไทย จะมาแย้มกลยุทธ์ให้รับรู้กัน...
“ประเทศไทยนับว่ามีตลาดอุปกรณ์ชุดแต่งระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนียถือเป็นตลาดใหญ่มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ารถยนต์ฮอนด้าจะมีการติดตั้งชุดแต่ง 40% รวมกันทั้งจากของฮอนด้า โมดูโล และจากร้านชุดแต่ง หรือร้านประดับยนต์ข้างนอกทั่วๆ ไป เพียงแต่เศรษฐกิจและตลาดรถชะลอตัวในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้อุปกรณ์ชุดตกแต่งลดลงตามไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฮอนด้ายังคงพอประครองไปได้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง ฮอนด้า ซิตี้ และแจ๊ซ ใหม่ เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้การตอบรับรถรุ่นใหม่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เป็นอย่างมากของผู้บริโภคในไทย และบริษัทฯ จะพยายามแนะนำอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโลมารองรับเพิ่มอีก จะทำให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในปีนี้
“ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าลูกค้ารถฮอนด้าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง มียอดจำนวนเงินต่อคันเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งนอกจากสาเหตุการแนะนำรถรุ่นใหม่ ปัจจัยสำคัญยังมาจากการปรับราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพตลาดที่ชะลอตัว หรือการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้แข่งขันกับชุดแต่งตามร้านประดับยนต์ทั่วไป ด้วยการปรับลดราคาลงมาจากเดิมประมาณ 35% ในส่วนของรถรุ่นใหม่ๆ ทำให้ช่องว่างที่เคยห่างกันเป็นเท่าตัวในอดีต หรือปัจจุบันแพงกว่าเพียงประมาณ 30% เท่านั้น ส่งผลให้ลูกค้าหันมาติดตั้งชุดแต่งโมดูโล จากตัวแทนจำหน่ายฮอนด้าโดยตรงมากขึ้น”

สำหรับปัจจุบันชุดแต่งของโมดูโล มีสัดส่วนการขายหากคิดจากมูลค่าต่อชิ้น มากสุดจะเป็นรุ่นแอคคอร์ด หรือซีอาร์-วี แต่ถ้าดูจากปริมาณจะเป็นรุ่นซิตี้-แจ๊ซ และซีวิค ตามสัดส่วนการขายของรถ โดยชุดแต่งโมดูโลจะมีรองรับทั้งฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ, ซีวิค, แอคคอร์ด และรถอเนกประสงค์รุ่นซีอาร์-วี ซึ่งปัจจุบันชุดแต่งโมดูโลมีการผลิตในประเทศไทย ในรุ่นหลักๆ อย่างฮอนด้า ซิตี้-แจ๊ซ และซีวิค ส่วนรุ่นอื่นๆ มีการนำเข้าจากต่างประเทศ และชุดแต่งโมดูโลที่ผลิตในไทยจะใช้รองรับตลาดในประเทศ 60% ที่เหลือจะส่งออกในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย
ฟุรุยะยังระบุแนวทางการรุกตลาด โดยเฉพาะในสภาวะตลาดเช่นนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องการปรับราคาจำหน่าย โมดูโลยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ามากที่สุด โดยสนใจเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพอฟอร์มานซ์ หรือพวกอุปกรณ์รองรับการสื่อสารในโลกดิจิตอลปัจจุบัน รวมถึงยังมุ่งให้ความสำคัญกับประเทศไทย ด้วยการพัฒนาและทดสอบแบบครบวงจรในไทย คาดว่าจะสำเร็จภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
“อีกกลยุทธ์ที่กำลังพิจารณา คือการแนะนำชุดแต่งโมดูโลที่ติดตั้งมากับรถเป็นรุ่นพิเศษ แม้ปัจจุบันจะมีแบบติดมากับรถจำหน่าย แต่เป็นเวอร์ชันสปอร์ตของรถรุ่นนั้นๆ โดยในญี่ปุ่นได้มีการแนะนำรถรุ่นตกแต่งพิเศษว่า โมดูโล เอ็กซ์ (Modulo X) หรือในฟิลิปปินส์เรียก โมดูโล แวเรียนต์ (Modulo Variant) ซึ่งในไทยคงจะต้องรออีกสักระยะ เมื่อมีการปรับเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่” ฟุรุยะกล่าว
ส่วนทิศทางตลาดชุดแต่งในอนาคต เชื่อว่าหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี(AEC) จะทำให้เกิดปัจจัยบวกต่อตลาดชุดแต่งมากกว่า ทั้งจากอัตราภาษีที่ทำให้ราคาอุปกณ์ตกแต่งลดลง และการมีตลาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยฮอนด้า โมดูโล ในประเทศไทย เตรียมจะขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ทั้งในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปินส์ และออสเตรเลีย

หากพูดถึงชุดแต่งประจำค่ายรถ ในไทยอาจจะคุ้นเคยกับ “ทีอาร์ดี” หรือที่ติดมากับรถเรียกรุ่น “ทีอาร์ดี สปอร์ติโว” หรือรถหรูก็ต้อง “เอเอ็มจี” ชุดแต่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ในส่วนค่ายรถอื่นๆ ก็มีเช่นกัน อย่าง “ฮอนด้า” ที่มีชุดแต่งหล่อ “โมดูโล” (Modulo) ซึ่งเตรียมจะรุกตลาดไทยอย่างเต็มที่จากนี้ไป โดย “ฮาจิเมะ ฟุรุยะ” ประธานบริษัท ฮอนด้า แอคเซส เอเชีย แอนด์ โอเชียเนีย จำกัด ที่มีสำนักงานใหญ่ในไทย จะมาแย้มกลยุทธ์ให้รับรู้กัน...
“ประเทศไทยนับว่ามีตลาดอุปกรณ์ชุดแต่งระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนียถือเป็นตลาดใหญ่มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ารถยนต์ฮอนด้าจะมีการติดตั้งชุดแต่ง 40% รวมกันทั้งจากของฮอนด้า โมดูโล และจากร้านชุดแต่ง หรือร้านประดับยนต์ข้างนอกทั่วๆ ไป เพียงแต่เศรษฐกิจและตลาดรถชะลอตัวในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้อุปกรณ์ชุดตกแต่งลดลงตามไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฮอนด้ายังคงพอประครองไปได้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง ฮอนด้า ซิตี้ และแจ๊ซ ใหม่ เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้การตอบรับรถรุ่นใหม่ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เป็นอย่างมากของผู้บริโภคในไทย และบริษัทฯ จะพยายามแนะนำอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโลมารองรับเพิ่มอีก จะทำให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในปีนี้
“ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าลูกค้ารถฮอนด้าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง มียอดจำนวนเงินต่อคันเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งนอกจากสาเหตุการแนะนำรถรุ่นใหม่ ปัจจัยสำคัญยังมาจากการปรับราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพตลาดที่ชะลอตัว หรือการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้แข่งขันกับชุดแต่งตามร้านประดับยนต์ทั่วไป ด้วยการปรับลดราคาลงมาจากเดิมประมาณ 35% ในส่วนของรถรุ่นใหม่ๆ ทำให้ช่องว่างที่เคยห่างกันเป็นเท่าตัวในอดีต หรือปัจจุบันแพงกว่าเพียงประมาณ 30% เท่านั้น ส่งผลให้ลูกค้าหันมาติดตั้งชุดแต่งโมดูโล จากตัวแทนจำหน่ายฮอนด้าโดยตรงมากขึ้น”
สำหรับปัจจุบันชุดแต่งของโมดูโล มีสัดส่วนการขายหากคิดจากมูลค่าต่อชิ้น มากสุดจะเป็นรุ่นแอคคอร์ด หรือซีอาร์-วี แต่ถ้าดูจากปริมาณจะเป็นรุ่นซิตี้-แจ๊ซ และซีวิค ตามสัดส่วนการขายของรถ โดยชุดแต่งโมดูโลจะมีรองรับทั้งฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ, ซีวิค, แอคคอร์ด และรถอเนกประสงค์รุ่นซีอาร์-วี ซึ่งปัจจุบันชุดแต่งโมดูโลมีการผลิตในประเทศไทย ในรุ่นหลักๆ อย่างฮอนด้า ซิตี้-แจ๊ซ และซีวิค ส่วนรุ่นอื่นๆ มีการนำเข้าจากต่างประเทศ และชุดแต่งโมดูโลที่ผลิตในไทยจะใช้รองรับตลาดในประเทศ 60% ที่เหลือจะส่งออกในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย
ฟุรุยะยังระบุแนวทางการรุกตลาด โดยเฉพาะในสภาวะตลาดเช่นนี้ ซึ่งนอกจากเรื่องการปรับราคาจำหน่าย โมดูโลยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ามากที่สุด โดยสนใจเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพอฟอร์มานซ์ หรือพวกอุปกรณ์รองรับการสื่อสารในโลกดิจิตอลปัจจุบัน รวมถึงยังมุ่งให้ความสำคัญกับประเทศไทย ด้วยการพัฒนาและทดสอบแบบครบวงจรในไทย คาดว่าจะสำเร็จภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
“อีกกลยุทธ์ที่กำลังพิจารณา คือการแนะนำชุดแต่งโมดูโลที่ติดตั้งมากับรถเป็นรุ่นพิเศษ แม้ปัจจุบันจะมีแบบติดมากับรถจำหน่าย แต่เป็นเวอร์ชันสปอร์ตของรถรุ่นนั้นๆ โดยในญี่ปุ่นได้มีการแนะนำรถรุ่นตกแต่งพิเศษว่า โมดูโล เอ็กซ์ (Modulo X) หรือในฟิลิปปินส์เรียก โมดูโล แวเรียนต์ (Modulo Variant) ซึ่งในไทยคงจะต้องรออีกสักระยะ เมื่อมีการปรับเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่” ฟุรุยะกล่าว
ส่วนทิศทางตลาดชุดแต่งในอนาคต เชื่อว่าหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี(AEC) จะทำให้เกิดปัจจัยบวกต่อตลาดชุดแต่งมากกว่า ทั้งจากอัตราภาษีที่ทำให้ราคาอุปกณ์ตกแต่งลดลง และการมีตลาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยฮอนด้า โมดูโล ในประเทศไทย เตรียมจะขยายตลาดส่งออกมากขึ้น ทั้งในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปินส์ และออสเตรเลีย