ยิ้มกันถ้วนหน้า! สำหรับบรรดาค่ายรถหรูที่ต่างกวาดยอดขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ปิดยอดขายช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-เม.ย.) ตลาดรถหรูพุ่งกว่า 12% โดยเฉพาะสองค่ายผู้นำ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” ต่างแถลงกวาดยอดขายถล่มทลายทำสถิติยอดขายใหม่กันหมด แต่ใช่ว่าค่ายตราดาวและใบพัดสีฟ้าจะพอใจแค่นั้น ต่างเดินหน้าส่งที่สุดของความหรูหรารถยนต์ราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มาล้วงกระเป๋ามหาเศรษฐีไทยกันต่อเนื่อง...
ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ประเดิมเขย่าตลาดรถหรูรับตลาดช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวรถใหม่ในกลุ่ม Dream Car ในรุ่น “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส500 คูเป้ เอเอ็มจี” (Mercedes-Benz S500 Coupe AMG) สปอร์ตหรูวางเครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 4,663 ซีซี เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 455 แรงม้า วางราคาจำหน่าย 15,490,000 บาท
“ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดไทย 6 รุ่น และเพื่อผลักดันยอดขายต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนจะเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดอีก 9 รุ่นครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม โดยหนึ่งในนั้นเป็นรถในกลุ่ม Dream Car อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส มายบัค (Mercedes-Benz S-Class Maybach) สู่ตลาดไทย” ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว
เมอร์เซเดส-มายบัคอาจจะฟังดูแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้นหู แต่หากเอ่ยชื่อ “มายบัค” (Maybach) เดี่ยวๆ นี่คือแบรนด์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรีคาร์ของค่ายตราดาว เพียงแต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จนเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องหยุดโครงการนี้ไประยะหนึ่ง และกลับมาฟื้นชีพใหม่อีกครั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการปัดฝุ่นนำมาผนึกรวมกับสายพันธุ์เอส-คลาส โดยให้มายบัคเป็นเวอร์ชันที่หรูแบบสุดๆ ของซีดานตระกูลนี้ไป
สำหรับการทำตลาดครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดพัฒนามาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส600 (S600) เพื่อเป็นการบอกว่ารุ่นท็อปในอดีตอย่าง S600 ยังมีอะไรที่หรูกว่านั้นวางขายด้วย โดยในเวอร์ชันนี้ไม่ได้ยกตัวถังกันมาแล้วแค่เติมความหรูเข้า ไปเฉยๆ แต่ทีมงานจับเอารุ่น S600L มาขยายทั้งความยาวตัวถังเพิ่มเป็น 5,453 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,365 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร
แม้ว่าจะใช้โลโก้ดาว 3 แฉกเหมือนกับ Benz แต่ว่าในด้านชื่อเรียกทางบริษัทกลับเปลี่ยนมาเป็น Mercedes-Maybach เพื่อบ่งบอกความแตกต่างที่ชัดเจนแม้ว่าหน้าตาของตัวรถจะถูกถอดแบบมาจาก S-Class และมีการปรับหน้าตานิดหน่อยเพื่อให้สัมผัสถึงความหรูที่เพิ่มขึ้น
ในแง่ของความสะดวกสบายที่จะได้รับนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ของเบาะหลัง โดยตัวเบาะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยแผงคอนโซลคั่นกลาง และตัวเบาะสามารถแยกปรับระดับได้ตามแบบฉบับ Captain Seat พร้อมการตกแต่งอย่างเต็มที่
เมื่อเปิดฝากระโปรงขึ้นจะพบกับเครื่องยนต์ตัวแรงแบบ วี12 6,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 530 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 84.5 กก.-ม. ที่เริ่มปลดปล่อยออกมาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,900 รอบ/นาที ใช้เวลา 5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอีกทางเลือกที่เล็กลงกำลังจะตามมารุ่นเอส500(S500) ใช้เครื่องยนต์วี8 ขนาด 4,663 ซีซี 455 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. โดยจะมีขายทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 4 ล้อแบบ 4MATIC และส่งกำลังด้วยเกียร์ใหม่แบบ 9 จังหวะในชื่อ 9G-Tronic ในรุ่นวี8 ส่วนรุ่นวี12 ใช้เกียร์ 7G-Tronic
ในส่วนของสนนราคามหาเศรษฐีไทยเตรียมเฮได้ เพราะภาพจำเดิมของรถมายบัคที่มีราคาระดับมากกว่า 50-100 ล้านบาท จะไม่มีให้เห็นในรุ่นใหม่นี้แน่ ประเมินกันว่าน่าจะอยู่ประมาณบวกลบ 20 ล้านบาท...
นั่นคือน้ำจิ้มที่สุดซี้ดของค่ายตราดาว เพราะยังมีทีเด็ดเป็นอาหารหลักอีก 8 รุ่น แต่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยขออุบไว้ก่อน แต่ขณะเดียวกันฝั่งค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” มีความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ และแน่นอนมีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดไทย เพราะเป็นรุ่นหลักมายาวนานในไทย นั่นคือ “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์7” (BMW 7-Series) โฉมใหม่ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส
ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่ เผยโฉมในตลาดโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่เอส-คลาส คูเป้ ถูกส่งลงบุกตลาดไทย โดยนับเป็นจุดเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ของเทคโนโลยียานยนต์ เช่นเดียวกับรหัสตัวถังที่มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร G นำหน้า แทนที่ F ซึ่งเป็นตัวอักษรหลักที่ใช้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2008
จุดเด่นของซีรีส์ 7 ใหม่(G11) คือการลดน้ำหนักในส่วนของตัวรถลง โดยมีการใช้ทั้งเหล็ก อะลูมิเนียม แม็กนีเซียม พลาสติก และคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ตัวรถลดลงจากเดิมประมาณ 200 กิโลกรัม จนกระทั่ง Klaus Frohlich ผู้บริหารระดับสูงของ BMW บอกว่าเป็นรถยนต์ระดับหรูใน Segment นี้ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด
ในแง่ของมิติตัวถัง ตัวรถมากับความยาว 5,098 มิลลิเมตรในรุ่นฐานล้อปกติ กว้าง 1,902 มิลลิเมตร และสูง 1,467 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น LWB หรือฐานล้อยาวมากับความยาว 5,238 มิลลิเมตร กว้างเท่ากันและสูง 1,479 มิลลิเมตร ส่วนงานออกแบบมาพร้อมกับความหรูหรา และความสปอร์ตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และสัมผัสกันมาแล้วกับรถยนต์รุ่นเล็กอย่างซีรีส์ 3 และ 4 รวมถึงรถสปอร์ต i8 โดยเฉพาะกระจังหน้าทรงไตคู่ พร้อมไฟหน้าทรงเหลี่ยมยาวที่เรียกว่า Laserlight
ส่วนห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายและคงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ BMW พร้อมกับเสริมความล้ำสมัยเข้าไป โดยเฉพาะหน้าจอแสดงผลต่างๆ ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบ Infotainment อย่าง iDrive ที่พัฒนามาเป็นเวอร์ชัน 5.0 มีระบบชาร์จแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และ Ambient Air package เป็นออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
นอกจากนั้นยังถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการเปิดตัว Remote Control Parking ซึ่งสามารถสั่งการให้รถเดินหน้าหรือถอยหลังออกจากที่จอดรถ หรือโรงรถเป็นระยะทางสั้นๆ โดยที่ตัวเองไม่ต้องอยู่ในรถ เพียงแต่ใช้รีโมทคอนโทรลควบคุมรถให้เดินหน้าหรือถอยหลังมาหายังจุดที่ยืนอยู่ได้
ทางเลือกของขุมพลังในการขับเคลื่อนมีการแบ่งออกเป็น 2 โซนในตอนนี้ สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ จะมากับรุ่น 750i xDrive ใช้ขุมพลังวี8 4,400 ซีซี เทอร์โบคู่ 445 แรงม้าเป็นขุมพลัง และรุ่น 740i ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเบนซิน 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 320 แรงม้า ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
สำหรับตลาดยุโรปจะมากับรุ่น 740i และ 740iL ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 326 แรงม้า เช่นเดียวกับรุ่น 750i ที่ใช้ขุมพลังวี8 เทอร์โบ แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 450 แรงม้า และเสริมด้วยรุ่น 730d และ 730dL เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 6 สูบ 3,000 ซีซี 265 แรงม้า
นอกจากนั้นยังมีอีกทางเลือกของการขับเคลื่อนในแบบ Plug-in Hybrid ในรุ่น 740e xDrive ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบเป็นขุมพลังหลัก พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถแล่นใน EV Mode เมื่อกระแสไฟฟ้าเต็มแบตเตอรี่ รวมระยะทาง 23 ไมล์ หรือ 37 กิโลเมตร ที่ความเร็วสูงสุดถึง 121 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซีรีส์ 7 ใหม่จะขายในยุโรปช่วงเดือนตุลาคมนี้ กับราคาเริ่มต้นประมาณ 81,300 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.68 ล้านบาท โดยในช่วงแรกจะมีขายเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซล ส่วนรุ่น Plug-in Hybrid จะมาในช่วงต้นปี 2016 ส่วนประเทศไทยน่าจะได้เห็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน หลังจากนั้นไม่นานมากนัก หรือในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 โดยเฉพาะในรุ่น 740e มาลุ้นกันจะถูกนำเข้าหรือไม่? ส่วนรุ่นประกอบในประเทศคงต้องรอเป็นในปีหน้า...
แม้นี่จะเป็นการขยับตัวเพียงบางส่วน ของสองค่ายผู้นำตลาดรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” แต่ต่างไม่มีใครยอมกันแน่นอน เพราะทั้งสองยังมีทีเด็ดในรุ่นอื่นๆ ที่จะมาท้าชนกันอีกหลายโมเดล!!
แจกบัตร “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต ซาลอน 2015” (Bangkok International Auto Salon 2015) คนละ 4 ใบ มารับได้ที่บ้านพระอาทิตย์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลาทำการ 8.30-18.00น. ติดต่อรับได้ที่โอเปอเรเตอร์ เบอร์ 02-629-4488 โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 มิถุนายนนี้ ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 เมืองทองธานี
ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ประเดิมเขย่าตลาดรถหรูรับตลาดช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเปิดตัวรถใหม่ในกลุ่ม Dream Car ในรุ่น “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส500 คูเป้ เอเอ็มจี” (Mercedes-Benz S500 Coupe AMG) สปอร์ตหรูวางเครื่องยนต์เบนซิน วี8 ขนาด 4,663 ซีซี เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 455 แรงม้า วางราคาจำหน่าย 15,490,000 บาท
“ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดไทย 6 รุ่น และเพื่อผลักดันยอดขายต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนจะเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดอีก 9 รุ่นครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม โดยหนึ่งในนั้นเป็นรถในกลุ่ม Dream Car อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส มายบัค (Mercedes-Benz S-Class Maybach) สู่ตลาดไทย” ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว
เมอร์เซเดส-มายบัคอาจจะฟังดูแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้นหู แต่หากเอ่ยชื่อ “มายบัค” (Maybach) เดี่ยวๆ นี่คือแบรนด์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรีคาร์ของค่ายตราดาว เพียงแต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จนเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องหยุดโครงการนี้ไประยะหนึ่ง และกลับมาฟื้นชีพใหม่อีกครั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการปัดฝุ่นนำมาผนึกรวมกับสายพันธุ์เอส-คลาส โดยให้มายบัคเป็นเวอร์ชันที่หรูแบบสุดๆ ของซีดานตระกูลนี้ไป
สำหรับการทำตลาดครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดพัฒนามาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส600 (S600) เพื่อเป็นการบอกว่ารุ่นท็อปในอดีตอย่าง S600 ยังมีอะไรที่หรูกว่านั้นวางขายด้วย โดยในเวอร์ชันนี้ไม่ได้ยกตัวถังกันมาแล้วแค่เติมความหรูเข้า ไปเฉยๆ แต่ทีมงานจับเอารุ่น S600L มาขยายทั้งความยาวตัวถังเพิ่มเป็น 5,453 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,365 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร
แม้ว่าจะใช้โลโก้ดาว 3 แฉกเหมือนกับ Benz แต่ว่าในด้านชื่อเรียกทางบริษัทกลับเปลี่ยนมาเป็น Mercedes-Maybach เพื่อบ่งบอกความแตกต่างที่ชัดเจนแม้ว่าหน้าตาของตัวรถจะถูกถอดแบบมาจาก S-Class และมีการปรับหน้าตานิดหน่อยเพื่อให้สัมผัสถึงความหรูที่เพิ่มขึ้น
ในแง่ของความสะดวกสบายที่จะได้รับนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ของเบาะหลัง โดยตัวเบาะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยแผงคอนโซลคั่นกลาง และตัวเบาะสามารถแยกปรับระดับได้ตามแบบฉบับ Captain Seat พร้อมการตกแต่งอย่างเต็มที่
เมื่อเปิดฝากระโปรงขึ้นจะพบกับเครื่องยนต์ตัวแรงแบบ วี12 6,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 530 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 84.5 กก.-ม. ที่เริ่มปลดปล่อยออกมาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,900 รอบ/นาที ใช้เวลา 5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอีกทางเลือกที่เล็กลงกำลังจะตามมารุ่นเอส500(S500) ใช้เครื่องยนต์วี8 ขนาด 4,663 ซีซี 455 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 71.3 กก.-ม. โดยจะมีขายทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 4 ล้อแบบ 4MATIC และส่งกำลังด้วยเกียร์ใหม่แบบ 9 จังหวะในชื่อ 9G-Tronic ในรุ่นวี8 ส่วนรุ่นวี12 ใช้เกียร์ 7G-Tronic
ในส่วนของสนนราคามหาเศรษฐีไทยเตรียมเฮได้ เพราะภาพจำเดิมของรถมายบัคที่มีราคาระดับมากกว่า 50-100 ล้านบาท จะไม่มีให้เห็นในรุ่นใหม่นี้แน่ ประเมินกันว่าน่าจะอยู่ประมาณบวกลบ 20 ล้านบาท...
นั่นคือน้ำจิ้มที่สุดซี้ดของค่ายตราดาว เพราะยังมีทีเด็ดเป็นอาหารหลักอีก 8 รุ่น แต่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยขออุบไว้ก่อน แต่ขณะเดียวกันฝั่งค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” มีความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ และแน่นอนมีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดไทย เพราะเป็นรุ่นหลักมายาวนานในไทย นั่นคือ “บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์7” (BMW 7-Series) โฉมใหม่ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส
ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่ เผยโฉมในตลาดโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่เอส-คลาส คูเป้ ถูกส่งลงบุกตลาดไทย โดยนับเป็นจุดเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ของเทคโนโลยียานยนต์ เช่นเดียวกับรหัสตัวถังที่มีการเปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร G นำหน้า แทนที่ F ซึ่งเป็นตัวอักษรหลักที่ใช้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2008
จุดเด่นของซีรีส์ 7 ใหม่(G11) คือการลดน้ำหนักในส่วนของตัวรถลง โดยมีการใช้ทั้งเหล็ก อะลูมิเนียม แม็กนีเซียม พลาสติก และคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้ตัวรถลดลงจากเดิมประมาณ 200 กิโลกรัม จนกระทั่ง Klaus Frohlich ผู้บริหารระดับสูงของ BMW บอกว่าเป็นรถยนต์ระดับหรูใน Segment นี้ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด
ในแง่ของมิติตัวถัง ตัวรถมากับความยาว 5,098 มิลลิเมตรในรุ่นฐานล้อปกติ กว้าง 1,902 มิลลิเมตร และสูง 1,467 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น LWB หรือฐานล้อยาวมากับความยาว 5,238 มิลลิเมตร กว้างเท่ากันและสูง 1,479 มิลลิเมตร ส่วนงานออกแบบมาพร้อมกับความหรูหรา และความสปอร์ตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และสัมผัสกันมาแล้วกับรถยนต์รุ่นเล็กอย่างซีรีส์ 3 และ 4 รวมถึงรถสปอร์ต i8 โดยเฉพาะกระจังหน้าทรงไตคู่ พร้อมไฟหน้าทรงเหลี่ยมยาวที่เรียกว่า Laserlight
ส่วนห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายและคงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ BMW พร้อมกับเสริมความล้ำสมัยเข้าไป โดยเฉพาะหน้าจอแสดงผลต่างๆ ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบ Infotainment อย่าง iDrive ที่พัฒนามาเป็นเวอร์ชัน 5.0 มีระบบชาร์จแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ และ Ambient Air package เป็นออพชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
นอกจากนั้นยังถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการเปิดตัว Remote Control Parking ซึ่งสามารถสั่งการให้รถเดินหน้าหรือถอยหลังออกจากที่จอดรถ หรือโรงรถเป็นระยะทางสั้นๆ โดยที่ตัวเองไม่ต้องอยู่ในรถ เพียงแต่ใช้รีโมทคอนโทรลควบคุมรถให้เดินหน้าหรือถอยหลังมาหายังจุดที่ยืนอยู่ได้
ทางเลือกของขุมพลังในการขับเคลื่อนมีการแบ่งออกเป็น 2 โซนในตอนนี้ สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ จะมากับรุ่น 750i xDrive ใช้ขุมพลังวี8 4,400 ซีซี เทอร์โบคู่ 445 แรงม้าเป็นขุมพลัง และรุ่น 740i ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเบนซิน 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่ 320 แรงม้า ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
สำหรับตลาดยุโรปจะมากับรุ่น 740i และ 740iL ที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 326 แรงม้า เช่นเดียวกับรุ่น 750i ที่ใช้ขุมพลังวี8 เทอร์โบ แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 450 แรงม้า และเสริมด้วยรุ่น 730d และ 730dL เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 6 สูบ 3,000 ซีซี 265 แรงม้า
นอกจากนั้นยังมีอีกทางเลือกของการขับเคลื่อนในแบบ Plug-in Hybrid ในรุ่น 740e xDrive ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบเป็นขุมพลังหลัก พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถแล่นใน EV Mode เมื่อกระแสไฟฟ้าเต็มแบตเตอรี่ รวมระยะทาง 23 ไมล์ หรือ 37 กิโลเมตร ที่ความเร็วสูงสุดถึง 121 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซีรีส์ 7 ใหม่จะขายในยุโรปช่วงเดือนตุลาคมนี้ กับราคาเริ่มต้นประมาณ 81,300 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.68 ล้านบาท โดยในช่วงแรกจะมีขายเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซล ส่วนรุ่น Plug-in Hybrid จะมาในช่วงต้นปี 2016 ส่วนประเทศไทยน่าจะได้เห็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน หลังจากนั้นไม่นานมากนัก หรือในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 โดยเฉพาะในรุ่น 740e มาลุ้นกันจะถูกนำเข้าหรือไม่? ส่วนรุ่นประกอบในประเทศคงต้องรอเป็นในปีหน้า...
แม้นี่จะเป็นการขยับตัวเพียงบางส่วน ของสองค่ายผู้นำตลาดรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” แต่ต่างไม่มีใครยอมกันแน่นอน เพราะทั้งสองยังมีทีเด็ดในรุ่นอื่นๆ ที่จะมาท้าชนกันอีกหลายโมเดล!!
แจกบัตร “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต ซาลอน 2015” (Bangkok International Auto Salon 2015) คนละ 4 ใบ มารับได้ที่บ้านพระอาทิตย์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลาทำการ 8.30-18.00น. ติดต่อรับได้ที่โอเปอเรเตอร์ เบอร์ 02-629-4488 โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 มิถุนายนนี้ ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 เมืองทองธานี