ASTVผู้จัดการรายวัน - PPTV โหมคอนเทนต์ต่อเนื่อง อัด 500 ล้านบาทลุยครึ่งปีหลัง ชูละครสร้างเรตติ้ง เชื่อสถานการณ์ทีวีดิจิตอลเริ่มฟื้นตัว เหตุต้นทุนสัมปทานเหลือ 10% ผู้ประกอบการหายใจคล่อง พร้อมเทไม่มีกั๊ก แม้เป้าหมายคืนทุนเพิ่มเป็น 5 ปีจากเดิมวางไว้ 3 ปี ส่งรายได้ปีนี้วืด 50% จากเป้า 750 ล้านบาท
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารช่อง PPTV เปิดเผยว่า สถานการณ์ทีวีดิจิตอลในช่วงครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าจะดีขึ้น เนื่องจากทุกช่องต้องการที่จะเป็นผู้นำจึงพร้อมที่จะลงทุนด้านคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการชะลอดูสถานการณ์เหมือนอย่างที่ผ่านมา ที่สำคัญขณะนี้ได้ผ่านช่วงการจ่ายค่าสัญญาสัมปทานงวดที่ 2 ไปแล้ว จึงส่งผลให้เหลือค่าสัญญาที่ต้องชำระในอีก 2 ปีข้างหน้าเหลือเพียง 10% ของจำนวนเงินที่ประมูล ทำให้ต้นทุนเบาลง ระหว่างนี้จึงยังประคองตัวและพร้อมลงทุนต่อได้ โดยเฉพาะในส่วนของคอนเทนต์ใหม่ๆ
ขณะเดียวกัน ในแง่การยอมรับจากเอเยนซีและเจ้าของสินค้าเริ่มดีขึ้น รวมทั้งผู้ชมในต่างจังหวัดเริ่มเข้าใจและเข้าถึงทีวีดิจิตอลมากขึ้น ส่งผลให้มีการลงโฆษณาในทีวีดิจิตอลสูงขึ้น เฉลี่ยอัตราค่าโฆษณาในช่องทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นจาก 3-4 พันบาทเป็น 6-7 พันบาท โดยบางช่องสามารถทำได้ถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป
“ในช่วงครึ่งปีหลังตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป กลุ่มช่องทีวีดิจิตอลจะเริ่มมีการปรับราคาโฆษณาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 10% ขึ้นไป โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้เม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีดิจิตอลน่าจะมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่มูลค่าจริงน่าจะอยู่ที่ 5 พันล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมา”
ในส่วนของช่อง PPTV เดิมปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนด้านคอนเทนต์ 1 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเน้นด้านข่าว, ซีรีส์ และกีฬา ส่วนในครึ่งปีหลังพร้อมใช้งบอีกกว่า 500 ล้านบาทเน้นในส่วนของละครมากยิ่งขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 1 เรื่องต่อสัปดาห์คือ “ปริศนา” พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีเรตติ้งที่น่าสนใจ ส่งผลให้มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนละครในแต่ละสัปดาห์มากขึ้น จึงพร้อมจับมือกับผู้จัดละครอีกกว่า 10 เรื่องในการที่จะผลิตละคร คาดว่าจะได้รับชมกันปีหน้าเป็นต้นไป
“ครึ่งปีหลังจะเน้นละครไทยมากขึ้น จากเดิมเป็นวาไรตี กีฬา และซีรีส์ 70% และข่าว 30% เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ยังทำให้ PPTV ยังประคองรายได้ไว้ที่ 50% จากเป้าเดิม 750 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์ครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามแผน จากสถานการณ์ของทีวีดิจิตอลที่เกิดขึ้น ทำให้รายได้ต่ำกว่าเป้า ทั้งมองว่าในแง่ของการคุ้มทุนอาจจะต้องเลื่อนไปเป็น 4-5 ปีแทนจากเดิมที่วางไว้ 3 ปี” นายเขมทัตต์ กล่าวสรุป