เก๋งเล็ก “ทาทา โบลต์” (Tata Bolt) สปอร์ตแฮทช์แบ็คโฉมใหม่ ที่ทาทา มอเตอร์ส เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี ได้รับการตอบรับจากชาวภารตะอย่างมา ขณะนี้กวาดยอดจำหน่ายไปแล้วกว่า 5,000 คัน ด้วยจุดเด่นทั้งการออกแบบ ความสะดวกสบาย และ สมรรถนะเครื่องยนต์ที่เหนือกว่าในรถระดับเดียวกันที่อินเดีย
ทาทา โบลต์ ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานพริมพรี่ ในเมืองปูเน่ ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ ทาทา มอเตอร์ส ผลิตออกมาจำหน่ายภายใต้โครงการฮอไรซันเน็กซ์ (Horizonext) ที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เป็นทางเลือกให้ลูกค้าทุกกลุ่ม และเป็นรถที่มีความลงตัว ทั้งในส่วนของ การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ และอุปกรณ์สื่อสาร
โดยทาทา โบลต์ สื่อความหมายถึงเรื่องความเร็ว นำเสนอทัศนคติของชัยชนะและการเป็นผู้นำ ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้ ทาทา โบลต์ มีความพร้อมในทุกแง่มุมทั้งในส่วนของ การออกแบบ การขับขี่ และการเชื่อมโยงการสื่อสารไว้ในรถ และยังทำให้โบลต์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของรถยนต์ตามแนวคิดฮอไรซันเน็กซ์ 4 ข้อ คือ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประกอบรถยนต์ด้วยคุณภาพระดับโลก สร้างประสบการณ์การซื้อรถอันน่าประทับใจ และให้คุณภาพการบริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางภายในห้องโดยสาร และความสะดวกสบาย โดยพื้นที่ช่วงไหล่ (Shoulder room) ของห้องโดยสารด้านหน้า กว้างขึ้น 36 มม. และด้านหลังกว้างขึ้น 41 มม. เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเซกเม้นท์นี้(ที่อินเดีย)
ทาทา มอเตอร์ส ยังร่วมมือกับฮาร์มัน (Harman) ในการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงระบบสัมผัส (Touchscreen) โบลต์สามารถรองรับสื่อความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วีดีโอ ระบบเนวิเกเตอร์ที่เชื่อมต่อจากสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีบลูทูธอันทันสมัย ระบบจดจำเสียง (เจ้าของรถ) การผสมผสานการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ระบบรับแจ้งเตือนและรับข้อความจากสมาร์ทโฟนและช่วยอ่านออกเสียงให้ผู้ขับขี่ฟัง ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงผ่านหน้าจอทัชสกรีน โบลต์จะทำให้ผู้ใช้รถสามารถผสานการใช้งานรถยนต์เพื่อชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัวมากที่สุดในการโดยสารท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังได้รับประสบการณ์ความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัด
ทาทา โบลต์ มาพร้อมกับฟีเจอร์ Drivenext ที่ทำให้โบลต์เป็นรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุดในเซ็กเม้นท์นี้ ซึ่งมีทางเลือกให้ลูกค้าทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล โบลต์ ยังเป็นรถแฮทช์แบ็ครุ่นแรกในเซ็กเม้นท์นี้ที่ใช้เครื่องยนต์รีโวทรอน(Revotron) เบนซินขนาด 1.2 ลิตร เทอร์โบ พร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแบบมัลติพอยท์ MPFI (Multi-Point Fuel Injection) ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที เป็นสมรรถนะสูงสุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน(ตลาดอินเดีย) ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกันจากสำนักออกแบบเครื่องยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับโลก ให้มีสมรรถนะสูงทั้งในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ แรงบิด และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ หลังจากผ่านการทดสอบพัฒนาและวิจัยอย่างเข้มงวดมาถึงกว่า 300,000 ชั่วโมง
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ใช้เครื่องยนต์ควอดราเจ็ท (Quadrajet) ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ที่ 1,750-3,000 รอบ/นาที ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลในทาทา โบลต์ ใช้มาตรฐานค่าไอเสีย ยูโร 4 ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคตนี้ด้วย
นอกจากนี้ผู้ขับขี่โบลต์ยังสามารถเลือกโหมดของการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งโบลต์มี โหมดสปอร์ต Sport เพิ่มความปราดเปรียว ตอบสนองการเร่งได้ดีขึ้น ส่วนในโหมดอีโค Eco เครื่องยนต์จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเหมาะกับการขับท่องเที่ยวเดินทางไกล และโหมดซิตี้ City เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนด้วยค่ามาตรฐาน ปรับความสมดุลระหว่างสมรรถนะกับความประหยัดเชื้อเพลิง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประจำวันหรือการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
ทาทา โบลต์ ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานพริมพรี่ ในเมืองปูเน่ ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดที่ ทาทา มอเตอร์ส ผลิตออกมาจำหน่ายภายใต้โครงการฮอไรซันเน็กซ์ (Horizonext) ที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เป็นทางเลือกให้ลูกค้าทุกกลุ่ม และเป็นรถที่มีความลงตัว ทั้งในส่วนของ การออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ และอุปกรณ์สื่อสาร
โดยทาทา โบลต์ สื่อความหมายถึงเรื่องความเร็ว นำเสนอทัศนคติของชัยชนะและการเป็นผู้นำ ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้ ทาทา โบลต์ มีความพร้อมในทุกแง่มุมทั้งในส่วนของ การออกแบบ การขับขี่ และการเชื่อมโยงการสื่อสารไว้ในรถ และยังทำให้โบลต์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของรถยนต์ตามแนวคิดฮอไรซันเน็กซ์ 4 ข้อ คือ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประกอบรถยนต์ด้วยคุณภาพระดับโลก สร้างประสบการณ์การซื้อรถอันน่าประทับใจ และให้คุณภาพการบริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางภายในห้องโดยสาร และความสะดวกสบาย โดยพื้นที่ช่วงไหล่ (Shoulder room) ของห้องโดยสารด้านหน้า กว้างขึ้น 36 มม. และด้านหลังกว้างขึ้น 41 มม. เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเซกเม้นท์นี้(ที่อินเดีย)
ทาทา มอเตอร์ส ยังร่วมมือกับฮาร์มัน (Harman) ในการพัฒนาอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงระบบสัมผัส (Touchscreen) โบลต์สามารถรองรับสื่อความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วีดีโอ ระบบเนวิเกเตอร์ที่เชื่อมต่อจากสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีบลูทูธอันทันสมัย ระบบจดจำเสียง (เจ้าของรถ) การผสมผสานการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ระบบรับแจ้งเตือนและรับข้อความจากสมาร์ทโฟนและช่วยอ่านออกเสียงให้ผู้ขับขี่ฟัง ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงผ่านหน้าจอทัชสกรีน โบลต์จะทำให้ผู้ใช้รถสามารถผสานการใช้งานรถยนต์เพื่อชีวิตการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัวมากที่สุดในการโดยสารท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังได้รับประสบการณ์ความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัด
ทาทา โบลต์ มาพร้อมกับฟีเจอร์ Drivenext ที่ทำให้โบลต์เป็นรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุดในเซ็กเม้นท์นี้ ซึ่งมีทางเลือกให้ลูกค้าทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล โบลต์ ยังเป็นรถแฮทช์แบ็ครุ่นแรกในเซ็กเม้นท์นี้ที่ใช้เครื่องยนต์รีโวทรอน(Revotron) เบนซินขนาด 1.2 ลิตร เทอร์โบ พร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแบบมัลติพอยท์ MPFI (Multi-Point Fuel Injection) ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที เป็นสมรรถนะสูงสุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน(ตลาดอินเดีย) ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกันจากสำนักออกแบบเครื่องยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับโลก ให้มีสมรรถนะสูงทั้งในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ แรงบิด และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ หลังจากผ่านการทดสอบพัฒนาและวิจัยอย่างเข้มงวดมาถึงกว่า 300,000 ชั่วโมง
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ใช้เครื่องยนต์ควอดราเจ็ท (Quadrajet) ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ที่ 1,750-3,000 รอบ/นาที ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลในทาทา โบลต์ ใช้มาตรฐานค่าไอเสีย ยูโร 4 ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคตนี้ด้วย
นอกจากนี้ผู้ขับขี่โบลต์ยังสามารถเลือกโหมดของการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งโบลต์มี โหมดสปอร์ต Sport เพิ่มความปราดเปรียว ตอบสนองการเร่งได้ดีขึ้น ส่วนในโหมดอีโค Eco เครื่องยนต์จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเหมาะกับการขับท่องเที่ยวเดินทางไกล และโหมดซิตี้ City เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนด้วยค่ามาตรฐาน ปรับความสมดุลระหว่างสมรรถนะกับความประหยัดเชื้อเพลิง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานประจำวันหรือการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น