xs
xsm
sm
md
lg

ทาทา มุ่งชูธงรถพาณิชย์ วาง4กลยุทธ์ตลาดไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดรถยนต์ในปี 2558 จะเป็นสังเวียนการแลกหมัดของกลุ่มรถปิกอัพอีกครั้ง เพราะเป็นปีที่รุ่นหลักในตลาดไทย ยกขบวนเปิดตัวโฉมใหม่ออกมาห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ปีหน้าจึงเป็นงานหินของ “ทาทา”แบรนด์ปิกอัพจากอินเดีย ที่มีชื่อชั้นและการยอมรับของผู้บริโภคในไทยเป็นรองอย่างมากดังนั้นมาดูกันว่าค่ายรถจากอินเดียรายนี้จะปรับเกมสู้อย่างไร? หันไปขยายกลุ่มลูกค้าใช้รถส่วนบุคคล เพื่อหลบการแข่งขันที่ร้อนแรง หรือจะมุ่งชูธงกลุ่มรถกระบะใช้งานเชิงพาณิชย์ต่อไป…

“ทาทาได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในไทย โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาลงทุนไปกว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต สต็อกชิ้นส่วนอะไหล่ สนับสนุนขยายเครือข่ายการขาย และบริการหลังการขาย ทำให้ปัจจุบันทาทามียอดสะสมการลงทุนในไทยมากกว่า 3,000 ล้านบาท นั่นแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในการทำตลาด และใช้ไทยเป็นฐานการผลิตของภูมิภาค แม้ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้จะชะลอตัวมาก ซึ่งเดิมทาทาคาดว่าจะมียอดขายในปีงบประมาณนี้ 3,000 คัน น่าจะลดลงมาเป็นกว่า 2,000 คัน”

เป็นคำกล่าวของ “ซานเจย์ มิชรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และระบุว่า นอกจากการผลิต “ทาทา ซีนอน” ปิกอัพขนาด 1 ตันที่เป็นรุ่นหลักแล้ว ล่าสุดได้มีการลงทุนขยายไลน์ผลิตปิกอัพเล็ก “ทาทา ซูเปอร์ เอช” ซึ่งแผนเดิมจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในปีงบประมาณ 2557 (เม.ย.2557 -มี.ค.2558) แต่เนื่องจากมีการปรับใช้มาตรฐานไอเสียใหม่ และสภาพตลาดไม่อำนวยนัก จึงได้เลื่อนการผลิตมาเป็นปีงบประมาณ 2558 แทน

“ปีหน้านับเป็นปีที่ท้าทายต่อการทำตลาด ทาทาจึงได้วาง 4 กลยุทธ์ เพื่อผลักดันยอดขายและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทาทาในประเทศไทยระยะยาว ได้แก่ การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด การพัฒนาเครือข่ายให้ตอบสนองลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เรื่องของสต็อกอะไหล่ และการสนับสนุนสินเชื่อเช่าซื้อ โดยจะเริ่มทยอยเห็นการพัฒนาสิ่งเหล่านี้ชัดเจนในปีหน้าเป็นต้นไป”

ทั้งนี้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ทาทาได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในไทย กับปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นใหม่ “ทาทา ซีนอน ดับเบิล แค็บ 150 เอ็นเอ๊กซ์พลอร์” (Tata Xenon Double Cab 150 NX-PLORE 4WD) โดยได้เผยโฉมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 ที่ผ่านมา แต่จะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า โดยวางเครื่องยนต์ดีเซลดิคอร์รุ่นใหม่ ขนาด 2.2 ลิตร150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำระหว่าง 1,500-3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รุ่นใหม่ G-76 Mark II พร้อมโอเวอร์ไดร์ฟ ขณะเดียวกันยังใส่ชุดคลัตช์รุ่นใหม่ มีความทนทานมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองการใช้งานที่สมบุกสมบันมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ เพื่อตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น เบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมที่ท้าวแขน ระบบกุญแจอิมโมบิไลเซอร์ และระบบความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย และระบบเบรก ABS เป็นต้น

ในส่วนของผู้ต้องการใช้งานรถบรรทุกเล็ก จะมีการแนะนำ “ทาทา ซูเปอร์ เอช” (Tata Super Ace)รุ่นใหม่สู่ตลาดในปีหน้า และเป็นรุ่นที่ขึ้นไลน์ประกอบจากโรงงานในไทย(CKD) ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบันนำเข้าจากอินเดีย และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา 1.4 ลิตร โดยซูเปอร์เอชใหม่มากับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 1.4 ลิตร แบบคอมอนเรล และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร4 (Euro4)พร้อมกันนี้อาจจะนำเข้า “ทาทา เอช” (Tata Ace)จากประเทศอินเดียมาเสริมทางเลือกลูกค้าอีกรุ่นซึ่งเอชเป็นรถบรรทุกที่เล็กกว่ารุ่นซูเปอร์ เอช ที่ประกอบในไทย โดยวางเครื่องยนต์ไม่เกิน 1000 ซีซี.

สำหรับกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่ ปัจจุบันนำเข้ารถทาทา แดวูโนวัส (Tata Daewoo Novus) จากประเทศเกาหลีใต้มาทดลองทำตลา โดยปีหน้าจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพราะทิศทางเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น และมีการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ทำให้ความต้องการรถกลุ่มนี้มีมากขึ้นทาทาจึงมีแผนที่จะนำรถConcrete Mixer หรือรถผสมปูนมาทำตลาดเพิ่ม แต่สิ่งสำคัญคือการพัฒนาศูนย์บริการรองรับ ซึ่งมีการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการประมาณ 3-4 แห่ง

“ขณะนี้ทาทาคงจะมุ่งทำตลาดรถเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก เพราะมีความพร้อมในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ขณะที่รถยนต์นั่งทาทายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้มากนัก โดยเฉพาะเรื่องของเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากอินเดียที่จะนิยมเกียร์ธรรมดาเป็นหลักทำให้แผนการทำตลาดเก๋งเล็ก ทาทา นาโน ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด จนกว่าทาทาจะมีความพร้อมเสียก่อน”

นอกจากเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ มิชราระบุว่ากิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นอีกสิ่งสำคัญ ในการช่วยกระตุ้นยอดขายของทาทา โดยเฉพาะในสภาวะตลาดชะลอตัวเช่นนี้ ซึ่งปัจจุบันได้มอบข้อเสนอมูลค่ารวมสูงสุด 60,000 - 100,000 แสนบาท เมื่อลูกค้าซื้อปิกอัพทาทา ซีนอน(แล้วแต่รุ่น) ขณะเดียวกันจำเป็นต้องพัฒนาปรับปรุงเครือข่ายการขายและบริการหลังการขาย รวมถึงเรื่องของอะไหล่ที่จะต้องบริหารสต็อกและซัพพลายเชนให้เหมาะสม สามารถรองรับการเพิ่มยอดขาย และรถรุ่นใหม่ๆ ที่แนะนำให้กับคนไทยได้

“ปีหน้ายังคงต้องดูทิศทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากปัญหาหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล(NPL) ที่ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรฐานเข้มงวดมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรถยนต์ยิ่งปัจจุบันทาทาไม่มีไฟแนนซ์เป็นของตัวเอง ตรงนี้จะส่งผลต่อยอดขายอย่างมาก แม้จะมีลูกค้าเข้ามาโชว์รูมมากก็ตาม และสิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่เราเสนอให้กับบริษัทแม่พิจารณาต่อไป”
นี่เป็นทิศทางการดำเนินงานของค่ายรถจากแดนภารตะ “ทาทา” แต่จะเรียกศรัทธาจากลูกค้าได้หรือไม่? ทั้งหมดอยู่ที่จะสามารถดำเนินได้ตามแผน มีความจริงใจต่อผู้บริโภค และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมอินเดียมาเป็นแบบไทยได้หรือไม่?!


กำลังโหลดความคิดเห็น