ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ SUV ในกลุ่ม C-Segment เริ่มมีอะไรใหม่ๆ ออกมาแข่งขันกันแล้ว เพราะคล้อยหลังการเปิดตัวเวอร์ชันไฮบริดของโตโยต้า ราฟโฟร์ ในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2015 ได้ไม่นาน ค่ายนิสสันก็จัดการชิงตัดหน้าส่ง “เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” (Nissan X-Trail Hybrid) ลงขายในบ้านตัวเอง กับสมรรถนะขับเคลื่อนจากขุมพลัง MR20DD แบบ 2,000 ซีซี บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า


งานนี้เรียกว่าเป็นการกระตุ้นตลาด และสร้างความแปลกใหม่เป็นครั้งแรกใน 3 เจนเนอเรชั่นของเอ็กซ์-เทรล เพราะตามปกติแล้ว SUV รุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซลให้เลือกเท่านั้น โดยเวอร์ชันไฮบริดที่บุกตลาดบ้านตัวเองจะมีเครื่องยนต์เบนซิน MR20DD 4 สูบ 2,000 ซีซี 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที เป็นต้นกำลังหลักของการขับเคลื่อน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 40 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12.2 กก.-ม. เข้ารับหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนและชาร์จไฟ โดยมีแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนรับหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟฟ้า
นิสสันระบุว่าขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้จะสามารถตอบสนอง ในแง่ความสะดวกสบายและประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่เต็มเปี่ยม ทั้งในแง่อัตราเร่งเทียบเท่ากับสิ่งที่ได้รับจากเครื่องยนต์เบนซิน 2,500 ซีซี
เมื่อทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT จะให้ความประหยัดน้ำมันด้วยตัวเลขในระดับ 20.6 กิโลเมตร/ลิตร ตามการทดสอบในโหมด JC08 ของญี่ปุ่น และสามารถผ่านมาตรฐานควบคุมในด้านความประหยัดน้ำมันในปี 2020 ของญี่ปุ่น ขณะที่มีการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์และ NMHC หรือ Non Methane Hydrocarbon ลดลงถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับค่าที่กำหนดตามมาตรฐานไอเสียปี 2005 และได้รับการรับรองในระดับ SU-LEV
สำหรับเทคโนโลยีที่มีการติดตั้งอยู่ในรถยนต์รุ่นนี้ มีทั้งระบบ Forward Emergency Braking เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกยามฉุกเฉิน ซึ่งนิสสันกำลังเตรียมนำเทคโนโลยีติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต ระบบ NissanConnect Navigation System รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถเชื่อมต่อระบบนำทาง ระบบแสดงข้อมูลและความบันเทิงต่างๆ ภายในรถยนต์ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางแอพพลิเคชั่น
ราคาในญี่ปุ่นถูกตั้งเอาไว้ที่ 2,804,760 เยน หรือ ประมาณ 757,000 บาท





งานนี้เรียกว่าเป็นการกระตุ้นตลาด และสร้างความแปลกใหม่เป็นครั้งแรกใน 3 เจนเนอเรชั่นของเอ็กซ์-เทรล เพราะตามปกติแล้ว SUV รุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์เบนซิน และเทอร์โบดีเซลให้เลือกเท่านั้น โดยเวอร์ชันไฮบริดที่บุกตลาดบ้านตัวเองจะมีเครื่องยนต์เบนซิน MR20DD 4 สูบ 2,000 ซีซี 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที เป็นต้นกำลังหลักของการขับเคลื่อน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 40 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 12.2 กก.-ม. เข้ารับหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนและชาร์จไฟ โดยมีแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนรับหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟฟ้า
นิสสันระบุว่าขุมพลังไฮบริดรุ่นนี้จะสามารถตอบสนอง ในแง่ความสะดวกสบายและประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่เต็มเปี่ยม ทั้งในแง่อัตราเร่งเทียบเท่ากับสิ่งที่ได้รับจากเครื่องยนต์เบนซิน 2,500 ซีซี
เมื่อทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT จะให้ความประหยัดน้ำมันด้วยตัวเลขในระดับ 20.6 กิโลเมตร/ลิตร ตามการทดสอบในโหมด JC08 ของญี่ปุ่น และสามารถผ่านมาตรฐานควบคุมในด้านความประหยัดน้ำมันในปี 2020 ของญี่ปุ่น ขณะที่มีการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์และ NMHC หรือ Non Methane Hydrocarbon ลดลงถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับค่าที่กำหนดตามมาตรฐานไอเสียปี 2005 และได้รับการรับรองในระดับ SU-LEV
สำหรับเทคโนโลยีที่มีการติดตั้งอยู่ในรถยนต์รุ่นนี้ มีทั้งระบบ Forward Emergency Braking เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกยามฉุกเฉิน ซึ่งนิสสันกำลังเตรียมนำเทคโนโลยีติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต ระบบ NissanConnect Navigation System รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถเชื่อมต่อระบบนำทาง ระบบแสดงข้อมูลและความบันเทิงต่างๆ ภายในรถยนต์ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางแอพพลิเคชั่น
ราคาในญี่ปุ่นถูกตั้งเอาไว้ที่ 2,804,760 เยน หรือ ประมาณ 757,000 บาท