การกลับมาของรถยนต์ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานของมาสด้า และได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงขนาดมีการบันทึกว่า เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนที่ขายดีที่สุดในโลกจากการบันทึกของกินเนสส์ โดยในตอนนี้มาสด้าเผยโฉมใหม่ของ MX-5 ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ออกมาแล้ว และเตรียมวางขายแน่นอนในปีหน้า
MX-5 หรือ Miata เมื่อขายอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา หรือ Roadster เมื่ออยู่ในตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นสปอร์ตขนาดเล็กแบบเปิดประทุนที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องนับจากเปิดตัวรุ่นแรกในปี 1989 ในรหัส NA ด้วยไฟหน้าแบบป็อบอัพ และด้วยความคล่องตัว เครื่องยนต์แบบเร้าใจในระดับหนึ่ง และค่าตัวที่ไม่แพงมาก ทำให้รุ่นแรกของ MX-5 กวาดยอดขายถล่มทลาย ก่อนที่จะมีรุ่นที่ 2 ในรหัส NB ตามออกมาในปลายปี 1997 และ NC ในปี 2007 ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา MX-5 ทำยอดขายรวม 3 เจนเนอเรชั่นไปแล้วกว่า 940,000 คัน
สำหรับรุ่นใหม่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งถ้านับตามรหัสแล้วน่าจะคือรุ่น ND และคราวนี้มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เฉพาะในเรื่องของหน้าตาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงแนวทางในการพัฒนาด้วย เพราะในโมเดลนี้ มาสด้าจะจับมือกับเฟียต กรุ๊ปในการผลิตโรดสเตอร์รุ่นนี้ออกมาด้วยกัน 2 เวอร์ชัน คือ MX-5 สำหรับตัวเอง และรถสปอร์ตเปิดประทุนสำหรับแปะตราของ Alfa ทำตลาด โดยที่ยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่น ซึ่งข่าวความเคลื่อนไหวทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2012
ในรุ่นใหม่ มาสด้ายังคงคอนเซ็ปต์ของความเป็นสปอร์ตที่มีขนาดกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบา ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยการที่พัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักเพียง 1,000 กิโลกรัมเท่านั้น หรือเบากว่ารุ่นเดิมร่วมๆ 100 กิโลกรัม ส่วนความยาวสั้นลง 105 มิลลิเมตรอยู่ที่ 3,915 มิลลิเมตร เตี้ยลง 20 มิลลิเมตรอยู่ที่ 1,235 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 10 มิลลิเมตรอยู่ที่ 1,730 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อมีความยาว 2,315 มิลลิเมตร
ขณะที่งานออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกยึดคอนเซ็ปต์ KODO ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนา รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของมาสด้ามาโดยตลอด ส่วนในแง่ของการตอบสนองการขับขี่ ยึดคอนเซ็ปต์ Jinba Ittai และเสริมด้วย Lots of Fun ซึ่งเป็นแนวคิดของการเปรียบเทียบในเชิงที่ม้าและคนขี่เป็นหนึ่งเดียว ในการขับเคลื่อน
การออกแบบภายรวมของตัวรถ ดีไซน์ในแบบ KODO ยังทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างสรรค์ ให้ตัวรถมีความสปอร์ต เน้นเส้นสายบนตัวถังที่โฉบเฉี่ยว แต่จะมีติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงด้านท้าย เพราะการใช้ไฟท้ายแบบดวงกลมและมีติ่งยื่นออกมาทางด้านข้างบวกกับเส้นสายที่เน้นสันเหลี่ยมนั้น ชวนให้นึกถึงรูปลักษณ์ของบั้นท้ายของ BMW Z4 รุ่นแรกมากไปหน่อย
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่า MX-5 ใหม่น่าจะเป็นอีกผลผลิต ที่เกิดจากแนวคิด SKYACTIV ทั้งคันทั้งในแง่ของการพัฒนาระบบช่วงล่างซึ่งเป็นแบบปีกนกคู่ที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ตามด้วยพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า และเครื่องยนต์ที่ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง แต่ทุกคนฟันธงว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี Di ในตระกูล SKYACTIV-G ส่วนระบบเกียร์เป็นแบบธรรมดา SKYACTIV-MT 6 จังหวะ
เห็นหน้าตากันแล้ว แต่กว่าจะขายจริง ต้องรอกันอีกสักพัก นอกจากว่ามาสด้าจะเล่นตามสไตล์ ที่แบรนด์ญี่ปุ่นมักนิยมทำกันมาโดยตลอด คือ เปิดตัวให้ชาวโลกได้เห็น แต่คนญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่ได้ขับ โดยกำหนดการวางขายทั่วโลกน่าจะอยู่ที่กลางปี 2015 เป็นอย่างช้า และไลน์ผลิตหลักจะอยู่ที่โรงงานของมาสด้า ในเมืองฮิโรชิมา
MX-5 หรือ Miata เมื่อขายอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา หรือ Roadster เมื่ออยู่ในตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นสปอร์ตขนาดเล็กแบบเปิดประทุนที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องนับจากเปิดตัวรุ่นแรกในปี 1989 ในรหัส NA ด้วยไฟหน้าแบบป็อบอัพ และด้วยความคล่องตัว เครื่องยนต์แบบเร้าใจในระดับหนึ่ง และค่าตัวที่ไม่แพงมาก ทำให้รุ่นแรกของ MX-5 กวาดยอดขายถล่มทลาย ก่อนที่จะมีรุ่นที่ 2 ในรหัส NB ตามออกมาในปลายปี 1997 และ NC ในปี 2007 ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา MX-5 ทำยอดขายรวม 3 เจนเนอเรชั่นไปแล้วกว่า 940,000 คัน
สำหรับรุ่นใหม่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งถ้านับตามรหัสแล้วน่าจะคือรุ่น ND และคราวนี้มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เฉพาะในเรื่องของหน้าตาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงแนวทางในการพัฒนาด้วย เพราะในโมเดลนี้ มาสด้าจะจับมือกับเฟียต กรุ๊ปในการผลิตโรดสเตอร์รุ่นนี้ออกมาด้วยกัน 2 เวอร์ชัน คือ MX-5 สำหรับตัวเอง และรถสปอร์ตเปิดประทุนสำหรับแปะตราของ Alfa ทำตลาด โดยที่ยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่น ซึ่งข่าวความเคลื่อนไหวทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2012
ในรุ่นใหม่ มาสด้ายังคงคอนเซ็ปต์ของความเป็นสปอร์ตที่มีขนาดกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบา ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยการที่พัฒนาตัวรถให้มีน้ำหนักเพียง 1,000 กิโลกรัมเท่านั้น หรือเบากว่ารุ่นเดิมร่วมๆ 100 กิโลกรัม ส่วนความยาวสั้นลง 105 มิลลิเมตรอยู่ที่ 3,915 มิลลิเมตร เตี้ยลง 20 มิลลิเมตรอยู่ที่ 1,235 มิลลิเมตร และกว้างขึ้น 10 มิลลิเมตรอยู่ที่ 1,730 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อมีความยาว 2,315 มิลลิเมตร
ขณะที่งานออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกยึดคอนเซ็ปต์ KODO ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนา รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของมาสด้ามาโดยตลอด ส่วนในแง่ของการตอบสนองการขับขี่ ยึดคอนเซ็ปต์ Jinba Ittai และเสริมด้วย Lots of Fun ซึ่งเป็นแนวคิดของการเปรียบเทียบในเชิงที่ม้าและคนขี่เป็นหนึ่งเดียว ในการขับเคลื่อน
การออกแบบภายรวมของตัวรถ ดีไซน์ในแบบ KODO ยังทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างสรรค์ ให้ตัวรถมีความสปอร์ต เน้นเส้นสายบนตัวถังที่โฉบเฉี่ยว แต่จะมีติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงด้านท้าย เพราะการใช้ไฟท้ายแบบดวงกลมและมีติ่งยื่นออกมาทางด้านข้างบวกกับเส้นสายที่เน้นสันเหลี่ยมนั้น ชวนให้นึกถึงรูปลักษณ์ของบั้นท้ายของ BMW Z4 รุ่นแรกมากไปหน่อย
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่า MX-5 ใหม่น่าจะเป็นอีกผลผลิต ที่เกิดจากแนวคิด SKYACTIV ทั้งคันทั้งในแง่ของการพัฒนาระบบช่วงล่างซึ่งเป็นแบบปีกนกคู่ที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ตามด้วยพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า และเครื่องยนต์ที่ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง แต่ทุกคนฟันธงว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี Di ในตระกูล SKYACTIV-G ส่วนระบบเกียร์เป็นแบบธรรมดา SKYACTIV-MT 6 จังหวะ
เห็นหน้าตากันแล้ว แต่กว่าจะขายจริง ต้องรอกันอีกสักพัก นอกจากว่ามาสด้าจะเล่นตามสไตล์ ที่แบรนด์ญี่ปุ่นมักนิยมทำกันมาโดยตลอด คือ เปิดตัวให้ชาวโลกได้เห็น แต่คนญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่ได้ขับ โดยกำหนดการวางขายทั่วโลกน่าจะอยู่ที่กลางปี 2015 เป็นอย่างช้า และไลน์ผลิตหลักจะอยู่ที่โรงงานของมาสด้า ในเมืองฮิโรชิมา