โตโยต้าเดินหน้าสร้างความเคลื่อนไหวในตลาดรถยนต์ SUV ครั้งใหม่ กับการเปิดตัวเวอร์ชันไฮบริด ของ RAV4 เพื่อเข้ามาเสริมทัพในตลาดร่วมกับรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆ และถือเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นที่ 8 ของโตโยต้า ที่วางขายอยู่บนโชว์รูมต่อจากคัมรี่, อะวาลอน, ไฮแลนเดอร์, พริอุส, พริอุส ซี, พริอุส Plug-in และพริอุส วี

สำหรับ RAV4 ไฮบริด ถูกเปิดตัวในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2015 เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมาพร้อมกับหน้าตาที่ได้รับการปรับให้ใหม่สดขึ้นจากรุ่นเดิมที่เปิดตัวขายปลายปี 2012 ซึ่งคาดว่า หน้าตาของรุ่นปรับโฉมในรุ่นปกติก็จะยึดตามแบบรูปลักษณ์นี้ โดยเฉพาะรูปทรงของไฟหน้า และกันชนหน้า ซึ่งดูสวยและสปอร์ตขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับกันชนท้ายและชุดไฟท้ายลายใหม่
ภายในห้องโดยสารนอกจากหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วที่ถูกติดตั้งตรงคอนโซลกลาง เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมในการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถแล้ว ยังมีการเพิ่มหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น TFT หรือ Multi-Information Display ในการแสดงการทำงานของระบบไฮบริด และมาตรวัดต่างๆ ที่สำคัญในตัวรถ
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์เด่นของตัวรถจริงๆ แล้วคือ ระบบไฮบริดที่ถูกนำมาวางไว้ใน RAV4 และถือเป็น SUV ไฮบริดรุ่นที่ 2 ของโตโยต้าที่วางขายในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้ว่าโตโยต้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่ม ผลิตรถยนต์ไฮบริด และวางขายเป็นรายแรกของโลกเมื่อปี 1997 แต่ในตลาดกลุ่มนี้ พวกเขาเพิ่งเริ่มทำตลาดในปี 2000 หรือตามหลังฮอนด้าร่วม 1 ปี ถึงกระนั้น แม้จะมาหลัง แต่โตโยต้าก็เอาจริงกับตลาดไฮบริด ด้วยการนำเสนอทางเลือกของรถยนต์ประเภทนี้มากมาย และน่าจะมากที่สุดในบรรดาแบรนด์ที่อยู่ในตลาดแห่งนี้

ระบบไฮบริดที่ติดตั้งในตัวรถจะอิงพื้นฐานจากระบบเดียวกับที่อยู่ในคัมรี่ ซึ่งมีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,500 ซีซีพร้อมระบบเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle เป็นขุมพลังหลักในการขับเคลื่อน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครื่องยนต์หลักในการทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อน ช่วยขับเคลื่อน และชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในระบบ และสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมาในแบบ AWD-i ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ ไฟฟ้าอีกตัวเพื่อรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อหลัง ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการดูแลเรื่องการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์สู่ล้อขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง
นอกจากนั้น ในรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีใหมที่เรียกว่า Bird’s Eye View Monitor และมีการติดตั้งกล้องถึง 4 ตัวเอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถ ด้านข้าง และด้านหลังเพื่อทำหน้าที่ส่งภาพจากมุมต่างๆ ของตัวรถเข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่ ทั้งการขจัดมุมอับเพราะต้องเปลี่ยนช่องทาง หรือการถอยเข้าจอด
RAV4 ไฮบริดจะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางปีนี้ โดยในตอนนี้ยังไม่เปิดเผยราคาออกมา




สำหรับ RAV4 ไฮบริด ถูกเปิดตัวในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2015 เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมาพร้อมกับหน้าตาที่ได้รับการปรับให้ใหม่สดขึ้นจากรุ่นเดิมที่เปิดตัวขายปลายปี 2012 ซึ่งคาดว่า หน้าตาของรุ่นปรับโฉมในรุ่นปกติก็จะยึดตามแบบรูปลักษณ์นี้ โดยเฉพาะรูปทรงของไฟหน้า และกันชนหน้า ซึ่งดูสวยและสปอร์ตขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับกันชนท้ายและชุดไฟท้ายลายใหม่
ภายในห้องโดยสารนอกจากหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วที่ถูกติดตั้งตรงคอนโซลกลาง เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมในการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถแล้ว ยังมีการเพิ่มหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น TFT หรือ Multi-Information Display ในการแสดงการทำงานของระบบไฮบริด และมาตรวัดต่างๆ ที่สำคัญในตัวรถ
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์เด่นของตัวรถจริงๆ แล้วคือ ระบบไฮบริดที่ถูกนำมาวางไว้ใน RAV4 และถือเป็น SUV ไฮบริดรุ่นที่ 2 ของโตโยต้าที่วางขายในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งแม้ว่าโตโยต้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่ม ผลิตรถยนต์ไฮบริด และวางขายเป็นรายแรกของโลกเมื่อปี 1997 แต่ในตลาดกลุ่มนี้ พวกเขาเพิ่งเริ่มทำตลาดในปี 2000 หรือตามหลังฮอนด้าร่วม 1 ปี ถึงกระนั้น แม้จะมาหลัง แต่โตโยต้าก็เอาจริงกับตลาดไฮบริด ด้วยการนำเสนอทางเลือกของรถยนต์ประเภทนี้มากมาย และน่าจะมากที่สุดในบรรดาแบรนด์ที่อยู่ในตลาดแห่งนี้
ระบบไฮบริดที่ติดตั้งในตัวรถจะอิงพื้นฐานจากระบบเดียวกับที่อยู่ในคัมรี่ ซึ่งมีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,500 ซีซีพร้อมระบบเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle เป็นขุมพลังหลักในการขับเคลื่อน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครื่องยนต์หลักในการทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อน ช่วยขับเคลื่อน และชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในระบบ และสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะมาในแบบ AWD-i ซึ่งติดตั้งมอเตอร์ ไฟฟ้าอีกตัวเพื่อรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อหลัง ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการดูแลเรื่องการกระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์สู่ล้อขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง
นอกจากนั้น ในรุ่นนี้ยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีใหมที่เรียกว่า Bird’s Eye View Monitor และมีการติดตั้งกล้องถึง 4 ตัวเอาไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถ ด้านข้าง และด้านหลังเพื่อทำหน้าที่ส่งภาพจากมุมต่างๆ ของตัวรถเข้ามา เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่ ทั้งการขจัดมุมอับเพราะต้องเปลี่ยนช่องทาง หรือการถอยเข้าจอด
RAV4 ไฮบริดจะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางปีนี้ โดยในตอนนี้ยังไม่เปิดเผยราคาออกมา